ใครที่เคยมีความคิดว่าฤดูฝนจะเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติไม่ได้อรรถรส วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ จะพาไปสัมผัสบรรยากาศสองแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดฮิต อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และ ภูทับเบิก ที่มีความงดงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู |
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นแนวเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง นับว่าเป็นเวลาที่ไม่มากไม่น้อยเกินไปสำหรับการเดินทางเพื่อพักผ่อน ซึ่งการมาเยือนน้ำหนาวในช่วงฤดูฝน มีข้อดีตรงที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน มีที่พักเพียงพอ และไม่ต้องแย่งอาหารการกินกับใคร นับเป็นช่วงฤดูกาลที่เหมาะกับคนต้องการสัมผัสธรรมชาติจริงๆ แต่ก็อาจจะอารมณ์เสียได้ถ้าเจอฝนตกตลอดทริป
ส่วนแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวก็มีอยู่มากมาย เริ่มจากช่วงเช้าที่ผมได้ขึ้นไปชมคือ จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นภูค้อ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอทุยานฯไปเพียง 4-5 กิโลเมตร ถึงจะไม่มีหมอกหนาตาอย่างช่วงฤดูหนาว แต่หมอกบางๆจากไอฝนก็ช่วยทำให้ผืนป่าสีเขียวที่มองเห็นเบื้องล่างสวยไปอีกแบบ แต่ก็น่าเสียดายที่ผลพวงของฝนที่ตกตลอดคืน ทำให้เช้านี้ดวงอาทิตย์ไม่มาทักทายบรรดาช่างภาพที่มาเฝ้ารอตามนัด
จากอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวเรามุ่งตรงไปยังสถานที่พักแรมในคืนที่สอง ภูทับเบิก ที่ตั้งอยู่ใน ตำบลวังตาล จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งยอดภูทับเบิกนับเป็นจุดที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีความห่างจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร ส่งผลให้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี และสามารถมองเห็นกลุ่มเมฆ และทะเลหมอกตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์ ได้อย่างชัดเจนในช่วงฟ้าเปิดปลายฤดูฝนและต้นฤดูหนาว
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งสมัยก่อนเคยมีอาชีพปลูกฝิ่นขายเหมือนกับชาวเขาในจังหวัดอื่นๆ แต่ต่อมาเมื่อมีการเข้าปราบปราม ชาวบ้านจึงเปลี่ยนอาชีพมาทำการเกษตรแบบขั้นบันได เปลี่ยนมาปลูกกะหล่ำปลีแทน ทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาบุกเบิกภูทับเบิกช่วงแรกๆ เรียกที่นี่ว่า ดอยกะหล่ำปลี เพราะภูเขาหลายลูกเต็มไปด้วยต้นกะหล่ำปลีกว้างใหญ่ไปจนสุดสายตา
น่าเสียดายว่าช่วงที่ผมไปชาวบ้านได้เก็บกะหล่ำปลีไปขายจนเกือบหมดแล้ว ทำให้เห็นความงามของไร่กะหล่ำปลีได้ไม่เต็มที่ แต่ยังพอจะเห็นรถกระบะมาจอดรับซื้อกะหล่ำปลีตลอดเส้นทางขึ้นภูอันคดเคี้ยวอยู่บ้าง ถ้าใครอยากเห็นความงามของไร่กะหล่ำปลีแบบสุดลูกหูลูกตาเต็มภูเขาต้องมาในช่วงปลายฝนต้นหนาว และถ้าอยากหอบหิ้วกะหล่ำปลีกลับไปทานที่บ้านก็สามารถสอบถามชาวบ้านแถวนั้นได้ ชาวบ้านจะขายให้เราในราคาไม่แพง
ความงดงามของภูทับเบิกไม่ได้มีแค่ไร่กะหล่ำปลีกว้างใหญ่เท่านั้น แต่ไอหมอกยามเช้าที่เราสามารถเห็นได้แทบทุกวัน ในช่วงฤดูหนาวหรือวันที่มีฝนตกก็สวยงามไม่แพ้ที่ใด อย่างช่วงที่ผมไปซึ่งตรงกับฤดูฝนตลอดเส้นทางขึ้นภูก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกขาวจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย
ยิ่งพอมาถึงยอดภูบริเวณ หอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิ ณ จุดชมวิวภูทับเบิก อากาศหนาวเย็นผสมผสานกับเม็ดฝนที่โปรยปรายมาเป็นระยะ ทำให้หมอกยิ่งหนาตาขึ้นอย่างกับฤดูหนาว ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่า 10 โมงเช้าแล้ว อุณหภูมิตอนนั้นยังวัดได้เพียง 14 องศาเท่านั้น
แต่ถ้าใครมีโอกาสได้มาเยือนภูทับเบิกแล้วก็อยากให้ลองกางเต็นท์นอนบนยอดภูดูสักครั้ง เพราะในเวลากลางคืน ทิวทัศน์เบื้องล่างจะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากหมู่บ้าน เปรียบเสมือนดวงดาวระยิบระยับ ตามสโลแกนของภูทับเบิกที่ว่า
ขอบคุณเนื้อหาจาก... ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
มาชม มาเชียร์ ภูทับเบิก เมืองไทยเราสวยงามที่สุด ต้องไปสัมผัสหนาวประทับใจ ขอบคุณค่ะ
สวยจังเลย ภูทับเบิก
ความหมายว่าอย่างไรครับ
สวัสดีค่ะ
น่าไปเที่ยวจังเลยนะค่ะ