โศกนาฏกรรมแก่งกระจาน : กังขานัก อุบัติเหตุ..ฤา..เหตุใด...?


ด้วยแนวคิดวิถี (วัฒนธรรม/ภาษา) จึงข้องขัด หรือวิบัติฟ้าดินสุดแก้ไข ข้าวเป็นเจ้าแม่โพสพจึงไหม้ไฟ เป็นสิ่งร้ายสังหรณ์ใจคนดงดอย...

ผมเขียนบทกลอนนี้ขึ้นมาหลังจากได้รับการตอบรับเป็นเพื่อนทาง Facebook จากอาจารย์วุฒิ  บุญเลิศ  ผู้ซึ่งได้รับการยอมรับว่ารู้เรื่องราวความเป็นมาของชนเผ่ากะเหรี่ยงดีที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะความเป็นมาของกะเหรี่ยงลุ่มน้ำเพชรบุรี ถึงขนาดได้รับการเรียกขานว่า "อาจารย์" จากผู้คนทั่วไป ทั้งที่อาชีพจริงๆ ของท่านคือ "ชาวนา..."

--------------------------------------------------------

อ่านประวัติเรื่องราวเมืองเพชร

“ภาพเล่าเรื่อง” เฟส.อาจารย์วุฒิ  บุญเลิศ

บอกตำนานเล่าขานถิ่นกำเนิด

แดนก่อเกิดกะเหรี่ยงเพชรบุรี...

 

เริ่มเดิมทีมีกะเหรี่ยงสองน้องพี่

แล้วชีวีอยู่ชายเขาตะนาวศรี

กับพวกพ้องอีกสี่พันชีวี

แม้ชีพพลียอมสิ้นหวงแผ่นดิน...

 

ประหัตประหารชาวพม่าตีสยาม

ป้องเขตคามด้วยใจหมายรักษ์ทรัพย์สิน

หวงแหนป่าอยู่มาหลายชั่วชีวิน

สู้จนสิ้นเพื่อปกป้องแดนแหลมไทย...

 

ด้วยคนน้อยจึงจำใจต้องถอยร่น

มาสุดจน “หนองสี่พัน” นามขานไข

ครั้นเสร็จศึกล้างดาบคราบเหงื่อไคล

จารึกไว้ “วังล้างดาบ” ปัจจุบัน...

 

อีกเรื่องอิงโบราณประวัติศาสตร์

จารึกวาดรูปภาพฝรั่งนั่น

ออกสำรวจยุครอห้าช่วยยืนยัน

ถิ่นฐานมั่นกะเหรี่ยงอยู่มาช้านาน...

 

พอนานวันประวัติศาสตร์ลานเลือนเก่า

ร้อยเรื่องเล่าถูกทิ้งร้างไม่สืบสาน

คนยุคใหม่หลงลืมถิ่นตำนาน

แก่งกระจานแหล่งเก่าเกิดกะเหรี่ยงเดิม…

 

ทั้งทหารอุทยานต่างสนธิ

ล้างอริปราบกะเหรี่ยงด้วยฮึกเหิม

ลื้อเผาผลาญแหล่งพักพิงถิ่นแต่งเติม

หวังช่วยเสริมดูเด่นเป็นผลงาน...

 

ทั้งยุ้งฉางข้าวปลาแลอาหาร

เป็นเถ้าถ่านมลายสิ้นน่าสงสาร

ยันทรัพย์สินมีดพร้าเครื่องมือพราน

ทหารหาญหน่วยอุทยานลื้อค้นมา...

 

แม้อ้อนวอนบอกขอด้วยใจซื่อ 

ประนมมือกราบไหว้ก็ไร้ค่า

เพียงจะบอกสิ่งที่ท่านลื้อได้มา

เหล่าปวงข้าขออนุญาตเจ้าแผ่นดิน...

 

สัญลักษณ์องค์ภูมินทร์ห้อยคอข้า

เป็นเหมือนตราข้าคนไทยไม่ผลัดถิ่น

สืบถิ่นฐานทำกินหลายชั่วชีวิน

ไม่ใช่ดิ้นไร้ถิ่นจากแดนใด...

 

ด้วยแนวคิดวิถี (วัฒนธรรม/ภาษา) จึงข้องขัด

หรือวิบัติฟ้าดินสุดแก้ไข

ข้าวเป็นเจ้าแม่โพสพจึงไหม้ไฟ

เป็นสิ่งร้ายสังหรณ์เกิดในดงดอย...

 

เพียงชั่วข้ามคืนผ่านยุ้งฉางไหม้

ฟ้าไม่ใสใจไม่สุขจิตเศร้าสร้อย

อนาคตที่หวังดับเลื่อนลอย

เมฆหมอกค่อยบดบังป่าเขาไพร...

 

ฝนจากฟ้าเทประดุจหลังคารั่ว

สะพรึงกลัวเสียลมดั่งคนร้องไห้

ฮอบินเข้าบินออกกันวุ่นวาย

แต่หาได้ลงไม่แม้สักลำ…

 

จวบจนเกิดเหตุเศร้าข่าวฮอตก

ใช่ตลกตกซ้ำซากน่าเกรงขาม

ทุกคนต่างรีบเร่งเฝ้าติดตาม

วอนทุกยามให้ฟ้าเปิดโชคช่วยที…

 

สองสามสี่ห้าวันผ่านเร็วรี่

ทุกถิ่นที่เร่งค้นหาบนภูตผี

ลมอากาศฟ้าก็ไม่เปิดอยู่ดี

จวบชีวีสิ้นสิบเจ็ดสลดใจ...

 

ฟ้ามืดมิดกลับสว่างดีเหลือยิ่ง

เหมือนมีสิ่งบันดาลพาสดใส

แก่งกระจานเริ่มสดใสในทันใด

เอะ..เรื่องร้ายนี่เกิดได้อย่างไร..???

 

ข้อมูลจาก วุฒิ  บุญเลิศ  : ภาพเล่าเรื่องhttp://www.facebook.com/update_security_info.php?wizard=1#!/media/set/?set=a.171897696198592.64625.100001350892849

หมายเลขบันทึก: 454875เขียนเมื่อ 19 สิงหาคม 2011 13:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 23:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

แวะมาอ่านกวีประวัติศาสตร์นะครับ

ขอบคุณครับ อาจารย์ ดร.โสภณ เปียสนิท แหมอาจารย์ช่างให้กำลังใจ ได้ดีเหลือเกินครับ "กวีประวัติศาสตร์" เป็นคำที่ไพเราะยิ่งนักครับ...

*** เป็นบทประพันธ์ที่น่าติดตามค่ะ

ดอปื่อแหว่ควา สี่จึ๊เนอ มูโข่ ลอ ปก่อ ฉ่อถ่อ เจอ

พี่น้องประสานมือ ฟ้าถล่มช่วยกันค้ำไว้

ขอบคุณที่ช่วยเล่าประวัติศาสตร์ชุมชน "คนกะเหรี่ยง"

โอะ หมึ โช เปอ..เด็กสามหมอก

ขอบคุณครับสำหรับ ทา...ดี...

ยังไงเลือดก็ข้นกว่าน้ำครับ...

ขอบคุณ ..สำหรับ บทกลอน ที่ช่วยบันทึกประวัติศาสตร์ เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ มนุษยชาติกลุ่มหนึ่งที่ผู้คนเรียกเขาว่า กะเหรี่ยง

ครับ

สวัสดีครับ อาจารย วุฒิ บุญเลิศ

แหมซาบซึ้งใจสุดๆๆ ครับ ที่อุตส่าห์ตามมาให้กำลังใจถึงในนี้

  • น่าคิดน่าเห็นใจ...กลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มเล็ก ๆ ทำนาทำไร่เพียงเลี้ยงชีพไยฟาดฟัน
    นายทุนรุกที่หลายหมื่นพันไร่ไฉนไม่เร่งราวี...
  • ขอบพระคุณค่ะ

สวัสดีครับ อาจารย์ธรรมทิพย์ ขอบคุณมากครับ ที่แวะมาเยี่ยมชม และให้กำลังใจ

คือเรื่องราวที่สร้างความช้ำใจให้กะเหรี่ยงมาช้านานแล้วครับ หากไม่มีการแก้ไขเรื่องเศร้าพวกนี้ก็จะยังวนเวียนอยู่กับชาวกะเหรี่ยงต่อไป  เพราะคนไทยมักจะจำแต่สิ่งเลวๆ ครับ....

สวัสดีทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนครับ

ต้องขอกราบโทษทุกท่านจริงๆ ที่ผมรีบร้อนกับการนำบันทึกนี้ขึ้น วันนี้ผมมีโอกาสได้กลับมาอ่านมันอีกครั้งครับ ถึงได้รู้ว่าผมเขียนตก และเขียนผิดไป 2 จุด

จุดแรก คือ บทแรก บาทที่ 1 ครับ ผมตั้งใจเขียนว่า "อ่านประวัติเรื่องราวคนเมืองเพชร" แต่ในบันทึกไม่มีคำว่า "คน" จะให้สมบูรณ์จะต้องมี คน ด้วยครับ

จุดที่สอง คือ บทที่สอง บาทที่ 2 ครับ ผมตั้งใจพิพม์ว่า "เลี้ยงชีวีอยู่ชายเขาตะนาวศรี" แต่ในบันทึก พิมพ์คำว่า "เลี้ยง" เป็น "แล้ว"

ต้องขออภัยจริงๆ ครับ ผมภาษาไทยไม่ค่อยแข็งแรง..อิอิ..ผมเป็นกะเหรี่ยงครับ...

ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะมองเห็นมั้ยนะ

สวัสดีครับ อาจารย์ ดร.ขจิต ฝอยทอง

แหม..ดูๆ แล้วอาจารย์ ดร.นี่ก็คุ้นเคยกับ ปวาเกอญอ ดีนะครับ ตะบลึ คือกันครับอาจารย์

สวัสดีครับ พี่กระติก~natachoei ที่ ~natadee

ฟังพี่รำพึงว่า "ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะมองเห็นไหมนะ"

ผมก็เลยพลอยไม่มั่นใจไปด้วยครับว่า เออ.. แล้วผมจะตั้งชื่อให้มัน "กังขา"

แต่แรกทำไม ใช่ครับ สงสัยครับสงสัย...???

บทกวีไม่มีชนชั้น ...วรรณะ...นะครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ  คุณหมอ

 

ขอบคุณครับมากครับที่แวะมาให้กำลังใจ

ไว้จะรอชมคุณหมอออกทีวี ครับ

ส่งกำลังใจก็คงต้องใช้เวลา เพราะว่าระบบอุปถัมภ์ด้านผลประโยชน์ ยังอยู่เหนืออื่นใด ตามที่รู้ๆ กันอยู่ แต่ต้องมีสักวัน ๆ นะคะ ส่งกำลังใจเจ้า ตาบลือ

แก่งกระจานเป็นที่คุ้นเคยของพี่ค่ะ

แต่ก่อนขึ้นไปกางเต้นนอนบนพะเนินทุ่ง  เช้ามาก็ออกเดินดูนก 

ตอนนี้ทำได้แค่ขับรถเลยขึ้นไปจากบ้านกร่างไม่ไกลนัก  วางเก้าอี้เล็กๆ นั่งเล่นริมลำธาร  อ่านหนังสือ ฟังเสียงนก เสียงป่า

เวลาที่ทำตัวให้กลมกลืนกับป่าได้  นกก็จะลงมาเดินเล่นอยู่ใกล้ๆ

พี่จึงบอกได้ว่า หลงรักป่าแก่งกระจานค่ะ

ขอบคุณ คุณPoo ครับที่แวะมาให้กำลังใจ และก็เชื่อครับว่าต้องมีสักวันเหมือนเพลงว่า..."ต้องมีสักวันต้องมีสักวัน........" (ร้องไม่ได้แล้วครับ)

สวัสดีครับ คุณพี่ nui เสาวลักษณ์ 

ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณ บันทึกนี้ สัญญาณอันตรายความรุนแรงในสังคม ของคุณพี่ครับ ที่ช่วยให้ผมคิดไรดีๆ มาบอกเล่าเก้าสิบกัลยาณมิตรอีกมากมาย ให้ได้ร่วมคิด ร่วมอ่าน เกี่ยวกับความเป็นไปในสังคม..

ช่วงก่อนผมยังนึกภาพไม่ค่อยออกว่าหากเขียนอะไรที่ต้องการให้มีภาพประกอบแล้ว ผมจะทำฉันได้ เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยได้ไปไหน (นั่งทำงานอยู่กับที่เสียส่วนใหญ่) แต่วันนี้ผมพอคลำทางได้แล้วครับ

และสุดท้ายที่ไม่อาจลืมได้คือขอบคุณคุณพี่ครับที่มาบอกเล่าเรื่องราวแก่งกระจานให้ฟัง (ผมยังไม่เคยไปเลยครับ) ข้อมูลที่ผมนำมาเขียนส่วนใหญ่เอามาจากเพื่อนเฟส..ครับ อาจารย์วุฒิ บุญเลิศ  ตั้งใจไว้ว่าหากมีโอกาสคงจะแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนพี่น้อง "ปวาเกอญอ" แถวนั้นสักครั้ง

ขอบคุณจากใจจริงครับ

 

อ่านแล้วเศร้าจับใจมากครับ.. ไม่รู้ว่าต้องอาศัยความสูญเสียอีกเท่าไร จึงเป็นแรงกระเพื่อมถึงจิตสำนึกให้ถอนหาย.. แค่ความเข้าใจก็พอ

สวัสดีครับ คุณเก่อวตะหละ

ขอบคุณสำหรับการแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน

คงต้องภาวนากันต่อไปครับ เพื่อไม่ให้ความสูญเสียนี้เกิดขึ้นอีก แต่ในขณะที่ดวงวิญญาณ และเหล่าญาติของผู้สูญเสียได้รับการเยียวยา แม้อาจไม่เทียบเท่าสิ่งที่สูญสิ้นไป

แต่ในอีกมุมหนึ่ง คนกระเหรี่ยง หลายคนที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์นี้ซึ่งปัจจุบัน ยังถูกจอมจำอยู่ในคุก และไม่รู้ชะตาตัวเอง หนึ่งในนั้น มีพ่อเฒ่าวัย 103 ปี ผู้มีนามว่า "คออี้" ซึ่งมีส่วนในวีรกรรม 4 ตชด. จากป่าบางกลอย เพชรบุรี ที่ เริงศักดิ์  กำธร นำมาเขียนเป็นหนังสือ " 35 วันนรกในป่าบางกลอย"

ที่มา...(ของเรื่องราว) http://prachatai.com/journal/2011/08/36400

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท