เวที 21st Century Skills กับการปฏิรูปการศึกษาด้วยพลังการเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ : 3. ตอบครูธนิตย์
ครูธนิตย์ สุวรรณเจริญ เป็นครูเพื่อศิษย์หมายเลข ๑ ใน บล็อก ครูเพื่อศิษย์ ของผม อ่านบันทึกของผมได้ที่นี่ เช้าวันที่ ๑๖ ส.ค. ท่านเข้ามาทักทาย แต่ผมไม่รู้จัก เพราะเราไม่เคยพบหน้ากันเลย แต่พอ อ. ขจิตแนะนำว่าท่านคือครูธนิตย์ผมก็ร้องอ๋อด้วยความคุ้นเคย เรารู้จักกันทาง B2B มาเกือบ ๓ ปี โดยไม่เคย F2F เลย
บ่ายวันที่ ๑๖ ท่านเล่าเรื่องภาระที่ทับถมมาที่ครูจากทุกทิศทุกทาง หลากหลายเรื่อง ไหนจะลูกศิษย์ ครอบครัว ไหนจะงานวัด บวชนาค ทอดกฐิน งานศพ งานธุรการของโรงเรียน งานโครงการที่สั่งมาจากส่วนกลาง ที่ลงท้ายงานนอกเหล่านี้เข้ามารุมเร้าให้ต้องทิ้งงานครู หรืองานศิษย์
ผมเก็บคำของท่านมาคิดต่อ และได้ข้อเตือนใจว่า ครูที่ดีคือครูที่ตั้งโจทย์เก่ง เร้าใจลูกศิษย์ หรือสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ศิษย์ สมแล้วที่ผมยกย่องครูธนิตย์เป็นครูในดวงใจของผมหมายเลข ๑ เพราะโจทย์ของท่านทำให้ผมคิดคำตอบออกหลายประเด็น สำหรับส่งการบ้านครู แต่ครูจะให้คะแนนสอบผ่านหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ
ผมตีความว่า โจทย์ของครูธนิตย์ เป็นโจทย์ Life Skills ของครู ว่าด้วยทักษะในการจัดลำดับความสำคัญในชีวิตวันละ ๒๔ ชั่วโมงเท่ากันทุกคน ว่าจะเลือกทำอะไร ไม่ทำอะไร มีเกณฑ์อะไรในการเลือกทำหรือไม่ทำงานต่างๆ ที่เข้ามารุมเร้า
โอ้โฮ! นี่คือโจทย์แห่งชีวิตของผมทีเดียวนะครับ เป็นโจทย์ฝึกทักษะที่ผมหมั่นฝึกมาตลอดชีวิต ตั้งแต่เด็กๆ อายุไม่ถึง ๑๐ ขวบ จนจะ ๗๐ ขวบอยู่แล้วก็ยังต้องหมั่นฝึกอยู่เลย
ที่จริงผมอยากจะอวดว่า นี่คือความชำนาญของผม เพราะเวลานี้ผมทำงานเพียงประมาณ ๑ ใน ๓ ของงานที่วิ่งเข้ามาเท่านั้น เนื่องจากถ้าจะทำทั้งหมดต้องใช้เวลาถึงวันละ ๗๒ ชั่วโมง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ หรือมิฉะนั้นก็ต้องทำโคลนนิ่งให้น้องสาวทำแทน แต่ผมก็ไม่เก่งแบบท่านอดีตนายกทักษิณ
แต่มาคิดอีกที ผมอวดไม่ได้หรอกครับ เพราะวิธีจัดลำดับความสำคัญของผมคงไม่ดีเท่าไรนัก ชีวิตของผมจึงเป็นได้เพียงแค่นี้
แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขออนุญาตอวดเสียหน่อยก็แล้วกัน ว่าวิธีจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะต้องใช้เวลาและสมาธิของผมคือ “โยนมันทิ้งไปอย่างไม่ใยดี”
เรื่องแบบนี้ต้องยกตัวอย่างครับ จึงจะเข้าใจ ย้อนกลับไปสมัยทำงานในมหาวิทยาลัยก็แล้วกัน ผมโชคดี (หรือร้ายก็ไม่ทราบ) ที่ทำงานได้ทั้งหน้าวิชาการ และหน้าบริหาร และอยู่ในฐานะที่เขาเอาชื่อไปให้สภามหาวิทยาลัยเลือกว่าจะมอบภาระอธิการบดีให้ทำไหม ตำแหน่งอธิการบดีมันทั้งมีเกียรติและท้าทายนะครับ และผมก็พอจะรู้ว่าหากผมอยากเป็นผมควรใช้เวลาทำอะไรบ้างเพื่อให้ได้เสียงสนับสนุน แต่ผม “โยนมันทิ้งไปอย่างไม่ใยดี” ผมบอกตัวเองว่า ผมถนัดวิชาการมากกว่าวิชามาร ชีวิตแบบใดก็ตามที่ต้องใช้วิชามารผมไม่เดิน ผมไม่ใยดีแม้จะเย้ายวน
ผมคิดว่านี่คือการฝึกทักษะชีวิต ทักษะการจัดลำดับความสำคัญของชีวิต ซึ่งมีทักษะย่อยๆ อยู่เต็มไปหมด ในกรณีตัวอย่างเรื่องที่ผมเล่า มีส่วนของทักษะเชิง Moral Development ของ Lawrence Kohlberg อยู่ด้วย
กลับมาที่ทักษะการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะต้องทำในชีวิตของครูเพื่อศิษย์ ผมคิดว่ามีอยู่ ๒ หลักเท่านั้น และต้องใช้ทั้ง ๒ หลักนี้ควบคู่กันไป คือ
พูดง่าย ทำยาก จึงต้องฝึกไงครับ มันไม่มีสูตรสำเร็จ มันมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย จึงเป็นทักษะ ไม่มีใครสอนใครได้ เจ้าตัวต้องฝึกเอง
นอกจาก “ครูเพื่อศิษย์” จะต้องฝึกตัวเองแล้ว ยังต้องออกแบบการเรียนรู้ และทำหน้าที่ “ครูฝึก” ให้ศิษย์ได้ฝึกทักษะนี้ เป็นส่วนหนึ่งของทักษะชีวิต
วิจารณ์ พานิช
๑๘ ส.ค. ๕๔
ขอบคุณค่ะ ได้แนวคิดดีๆจากการปฏิบัติจริง :)
มาขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ให้แนวทางการจัดการศึกษาตลอดมาได้นำมาเรียนรู้ต่อยอดและได้เอกสาร"ครูเพื่อศิษย์" จากท่าน ซึ่งอาจารย์ใน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ให้ศึกษาเอกสารที่ท่านได้สรุป 21st Century Skills เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ และได้เป็นเชียร์อาจารย์ธนิตย์เรื่องการวิพากษ์การศึกษาไทย ขอเป็นแนวร่วมค่ะ