๑๐. ถ้อยวจี อิริยาบถ : ที่ศิษย์จดจำ (อาจารย์เกียรติ)


เพียงถ้อยคำไม่กี่ประโยชน์ในวันนั้น กลับมีส่วนให้ผู้เขียนตัดสินใจจากอาจารย์ และงานผู้ช่วยวิทยากรเพื่อเลือกอนาคต
ย้อนไป เมื่อกลางปีสี่สองก่อนหน้าที่ผู้เขียนจะมาใช้ชีวิตเป็นรั้วของชาติ ผู้เขียนมีโอกาสใด้ดำรงตำแหน่ง “ผู้ช่วยวิทยากร” โดยไม่คาดคิดจากพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง ซึ่งมีนามว่า พระเกียรติศักดิ์ (จำฉายาไม่ได้แล้วครับ) ม่วงมิตร หรือที่ปัจจุบันสมาชิกส่วนใหญ่ของ G2K รวมไปถึงพี่น้องผู้ยากไร้ (ไร้ที่พึ่งพิง) ในป่าเขาถิ่นธุรกันดาร ต่างเรียกขาน ว่า “หนานเกียรติ” “น้องเกียรติ” “พี่เกียรติ” ตามแต่จะถนัดเรียก


การร่วมงาน ครั้งนั้นเกิดขึ้นภายใต้ชื่อ “โครงการทักษะชีวิต” ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจากองค์กรเอกชนแห่งหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับทักษะในการคิด และตัดสินใจในสิ่งที่ดี ตลอดจนทักษะการปฏิเสธแก่เยาวชนชายหญิง โดยเฉพาะเยาวชนพื้นที่ราบสูง ที่มาใช้ชีวิตในเมืองเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนิสิตนักศึกษา หรือผู้ใช้แรงงานทั่วไป

 

ท่านคง เล็งเห็นว่า เยาวชนเหล่านั้นยังขาดทักษะในการดำรงชีวิตในเมืองเจริญอันเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่คอยเอารัดเอาเปรียบ เต็มไปด้วยมีสิ่งล่อตาล่อใจอันจะนำไปสู่ความตกต่ำของชีวิตได้ทุกเมื่อ ซึ่งจะเรียกว่าเป็นการแนะนำให้เขารู้ และเข้าใจถึงวิธีคิด และทักษะในการปฏิเสธเพื่อนฝูง หรือผู้คนรอบข้างที่คอยชักนำให้กระทำสิ่งไม่ดีก็ไม่น่าผิด

 

ผู้เขียน ได้รับเลือกให้มาทำหน้าที่นี้(ผู้ช่วยวิทยากร) ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ แต่ก็สันนิษฐาน (คิดเอาเอง) ว่า เป็นเพราะท่านเมตตาเนื่องจากช่วงนั้นผู้เขียนยังไม่มีอาชีพให้ยึดเป็นหลักเป็นแหล่ง  หรืออาจเป็นเพราะผู้เขียนมีแววเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย (ด้วยผู้เขียนเป็นชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง) หรืออาจเป็นเพราะท่านเคยเห็นความมีใจรักในการจับไมค์ สมัยผู้เขียนเป็นสามเณร (แต่ผลงาน/ ลีลาไม่ได้เรื่อง) ก็ไม่ทราบได้ มาทราบภายหลังว่าจริงๆแล้วอาจารย์น่าจะอยากให้ผู้เขียนซึมซับงานด้าน NGOs เพื่อเป็นนักพัฒนาในอนาคต (ด้วยอาจารย์ส่งผู้เขียนเข้าเรียน พัฒนาชุมชน กับสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง)


เหตุผล กลใดไม่ใช่สาระสำคัญกับผู้เขียนเท่าใดนัก หากแต่ความสำคัญกลับอยู่ตรงที่ ผู้เขียนเห็นว่ามันเป็นงานที่ท้าทาย ซึ่งพระอาจารย์อุตส่าห์ชวนหลายครั้งหลายครา  ผู้เขียนจึงตัดสินใจมาร่วมงานเป็นผู้ช่วยวิทยากร ทั้งที่ไม่รู้ว่างานที่จะต้องทำคืออะไร เพราะอาจารย์บอกให้มาแล้วจะค่อยๆ เรียนรู้เอง

 

ทันที ที่ได้ร่วมงานแม้ผู้เขียนจะไม่ใช่คนเก่งที่จะสามารถอ่านใจคนออกได้  แต่ด้วยวัตรปฏิบัติของพระรูปนี้ (ที่ไม่ค่อยเหมือนพระทั่วไปนัก) ก็ทำให้ผู้เขียนรู้ได้ทันทีว่าพระรูปนี้เป็นพระที่มีอุดมการณ์ มุ่งมั่น และจริงจังกับงานที่ทำยิ่งนัก เพราะนอกจากท่านจะเต็มที่กับงานที่ทำแล้ว ท่านยังมีแนวคิดใหม่ๆ มาสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง


เขียนเช่นนี้ เพราะงานที่ท่านทำส่วนใหญ่เป็นการจัดเวทีซึ่งอาศัยหลักกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของเยาวชน เพื่อให้เขาได้ระดมความคิด อันนำมาซึ่งคำตอบจากประสบการณ์ตรงของเขา ก่อนที่จะออกมาเป็นบทสรุปร่วมกันว่าสิ่งนี้ดี/ไม่ดี สิ่งนี้ใช่/ไม่ใช่ และควรมีวิธีแก้ไขอย่างไรเมื่อไม่ดี/ไม่ใช่ หรือควรมีวิธีทำให้ดียิ่งขึ้นอย่างไร เมื่อสิ่งนั้นดี/ใช่

 

นอกจาก กิจกรรมดังกล่าวเกมส์ที่สร้างสรรค์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยในการละลายพฤติกรรม และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านความคิดให้กับเยาวชน ซึ่งพระรูปนี้ก็จะมีเกมส์ใหม่ๆ มาใช้ในเวทีเสมอๆ และที่สำคัญไปกว่านั้นท่านจะนำข้อผิดพลาดในการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งมาเป็นบทเรียนอยู่เนืองๆ ทำให้ผู้เขียนได้เรียนรู้กับงานด้วยความสนุก และเข้าใจถึงหลักทักษะชีวิต และหลักในการทำงานไปโดยปริยาย

 

ชะตา ฟ้าไม่ลิขิต (ก็ลิขิตเองอะ..) เมื่อวันหนึ่งขณะการร่วมงานของผู้เขียนกับอาจารย์ล่วงเลยมาเพียงแค่ระยะสั้นๆ (ประมาณ 10 เดือน) แต่กลับเป็นวันที่ผู้เขียนต้องใช้แนวคิดทักษะชีวิตมาตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินให้กับตัวเองระหว่างรับราชการ กับการเป็นนักพัฒนาแบบไร้สังกัด ด้วยความมั่นคงของงานบวกกับสวัสดิการที่เชื่อว่าจะได้แก่บิดามารดาผู้ให้กำเนิด ผู้เขียนจึงเลือกที่จะละทิ้งความเสียสละมาให้น้ำหนักกับความเห็นแก่ตัวด้วยการรับราชการเป็นชั้นผู้น้อย ในฐานะรั้วของชาตินับแต่นั้น

 

ส่วนหนึ่ง ของการตัดสินใจครั้งนั้น ก็มาจากถ้อยแนะนำของอาจารย์ที่ว่า “............ต้องคิดให้ดีนะการเป็น NGOs เป็นงานที่ต้อง  Active ตัวเองอยู่เรื่อยๆ ถึงจะมีงานให้ทำและมีเงินจำนวนมากมาให้ใช้ แต่ความมั่นคงมีน้อย เพราะมันขึ้นอยู่กับผลงานของเรา แต่กับงานรับราชการแม้จะได้เงินน้อยแต่ก็จะเป็นลักษณะน้ำซึมบ่อทราย ที่ไม่มีวันแห้ง ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกเลิกจ้าง ตลอดทั้งยังมีสวัสดิการให้ตัวเรา และพ่อแม่อีกด้วย อาจารย์เองสมัยเด็กพ่อแม่ก็หวังให้รับราชการ แต่ก็ทำไม่ได้ตามเป้า”


เพียงถ้อยคำ ไม่กี่ประโยชน์ในวันนั้น มีส่วนให้ผู้เขียนตัดสินใจจากอาจารย์ และงานผู้ช่วยวิทยากร เพื่อเลือกอนาคต (ที่นึกว่าจะสดใส) และเป็นการเลือกอนาคตที่ลดโอกาสในการได้เจอะเจออาจารย์น้อยลงไปเรื่อยๆ (แม้จะติดตามความเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ) จำได้ว่าเคยไปนมัสการพระอาจารย์อยู่ครั้งสองครั้งที่วัดสวนดอก เชียงใหม่ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอพระอาจารย์อีกเลย

 

มาทราบ ข่าวคราวอีกครั้งว่าพระอาจารย์ละทิ้งเพศบรรพชิตมาใช้ชีวิตทางโลกแล้ว และทำงานอยู่สำนักนายก แต่กระนั้นก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอะเจอ และพูดคุยอยู่ดี จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงปลายเดือนเมษายน 54 ที่ผ่านมา  ผู้เขียนจึงมีโอกาสได้กลับมาติดต่อสื่อสารกับอาจารย์อีกครั้งผ่านทาง social netword (Facebook) และโทรศัพท์มือถือบ้างเป็นบางคราว พร้อมกับแอบหวังไว้ว่าสักวันจะได้มีโอกาสเจอะเจออาจารย์

 

กับวันนี้ แม้ความฝันที่จะได้เจอะเจออาจารย์ได้มลายไปกับมัจจุราชที่มาคร่าชีวิตอาจารย์ก่อนวัยอันควรแล้ว แต่ความทรงจำดีๆ ตลอดจนถ้อยวจีที่อาจารย์เคยให้ไว้กับช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่มีโอกาสทำงานร่วมกับอาจารย์ อันนำมาซึ่งการเริ่มต้นรับราชการ (แม้ศิษย์จะไม่เลือกเป็นนักพัฒนา) จวบจนทุกวันนี้ศิษย์จะจดจำไว้และจะพยามๆ นำเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตราชการ ทำงานเพื่อสังคมเพิ่มมากขึ้นแม้จะดีได้ไม่เท่ากะพี้ของอาจารย์ก็ตาม.....และเชื่อว่าลูกศิษย์... เพื่อนร่วมงาน... พี่ๆ... น้องๆ... ที่เคยรู้จักและร่วมงานกับอาจารย์ จะระลึกถึงอาจารย์เช่นกัน.....สู่สุคติครับอาจารย์.....

--------------------------------------

อ่านบันทึกที่มีความสัมพันธ์กัน...

หมายเลขบันทึก: 454504เขียนเมื่อ 17 สิงหาคม 2011 21:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

เกียรติศักดิ์ ม่วงมิตรสถิตย์อยู่ในใจเสมอ......

สวัสดีครับ พ่อ..วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei-- ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และข้อความสั้นๆ แต่กินใจครับ เรามาร่วมสรรเสริญคนดีของสังคมกันครับ....

สวัสดีค่ะ

  • เห็นหัวเรื่องก็รีบเข้ามาอ่าน
  • หนานเกียรติ คือ แสงดาวแห่งศรัทธาของทุกคนที่ได้รู้จัก
  • จุ๊  จุ๊   อย่าเอ็ดไป
  • มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เค้ากำลังจ้องมองเราอยู่  เห็นเขายิ้มด้วยหละ
  • คงดีใจที่มีแต่ใคร ๆ รักและศรัทธามากมายขนาดนี้
  • ขอบพระคุณค่ะ ที่แบ่งปัน

สวัสดีครับ อาจารย์อิงจันทร์ บ้านกลอนไฉไล

ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมเยียนในยามดึก ความจริงผมมีเวลาอยู่กับอาจารย์เกียรติเพียงช่วงเวลาสั้นครับ.. เลยถ่ายถอดได้เพียงน้อยนิด... แต่ยอมรับจริงๆ ครับว่าอยู่กับอาจารย์ แล้วอบอุ่น... แม้ท่านห่างหายไปนาน ก็คิดถึงตลอดครับ

*** หนานเกียรติ...เป็นศิษย์เก่าตากพิทยาคม มีน้องเรียนอยู่ด้วย นามสกุลม่วงมิตร ครูหลายคนจำได้ เสียดายและเสียใจกับครอบครัวหนานเกียรติ...วันงานมีครูหลายท่านไปส่งหนานเกียรติและไปเป็นตัวแทนให้กัลยาณมิตรของหนานเกียรติด้วยค่ะ

*** ทุกคนอาลัยและเสียดาย ไม่รู้ลืม

สวัสดีครับอาจารย์ ดร.โสภณ เปียสนิท ที่แวะเข้ามามอบดอกไม้ และภาพสวยๆ ครับ..

สวัสดีครับ อาจารย์กิติยา เตชะวรรณวุฒิ

ขอบคุณสำหรับดอกไม้ที่ให้เป็นแรงใจครับ

ผมเป็นลูกศิษย์อาจารย์เกียรติ (หนานเกียรติ) สมัยเป็นเณร และได้รับโอกาสมาให้มาร่วมงานกับท่านตอนผมลาสิกขามาได้ระยะหนึ่งครับ (ตอนนั้นท่านยังเป็นพระ) แต่กับช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็ทำให้ผมพันผูก และระลึกถึงอาจารย์เสมอครับ....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท