รำพึงของเม็ดฝุ่นที่ปลิวข้ามหองาช้างและหลังคารถหาเสียง...คิดกระตุก..สุขภาพไทย (๔)


ที่ LA-usa เขาประดิษฐ์คำว่า Smog (smoke + fog) ของเรา.ผมเสนอคำว่า Smod = Smoke + Dust แล้วแบบนี้จะไม่ให้ตายกันระนาวด้วยโรคทางเดินหายใจได้อย่างไร

หมายเหตุ:  ผมได้เขียนบันทึกประเด็น กินน้ำวันละ 8-10 แก้ว 2 ตอน เรื่อง กินอาหารห้าหมู่ 2000 Kcal ต่อวัน ที่ล้วนอาจเป็นพิษสุขภาพที่มาจากหลายด้าน ที่ออกจะแหวกแนวสักหน่อย ผมจึงขอขมวดเข้าเป็นหัวข้อเดียวกันว่า  "คิดกระตุก..สุขภาพไทย" ตอนที่ 1 2 3 ...  ดังนั้นตอนนี้ก็อนุโลมเป็นตอนที่ ๔ นะครับ  (ยังมีกระตุกต่ออีกสิบตอนครับ ถ้าไม่เบื่อเขียนและหรืออ่านเสียก่อน)

 คิดกระตุก..สุขภาพไทย (๔)

ปีพศ. ๒๕๓๙ กลับคืนบ้านเกิด หลังที่จากไปเสีย ๑๘ ปี ได้มาเห็นสภาพถนนในเมืองไทย ได้คิดว่าแบบนี้คงเป็นโรคปอดตายกันระนาวแน่ๆพี่น้องเราเอ๋ย

 

ประมาณ ๕ ปีต่อมา ได้มีโอกาสคุยกับหมอท่านหนึ่งก็เปรยกับท่านในประเด็นนี้ ท่านยืนยันว่า จริงอย่างที่เราคาดไว้ ท่านว่าสิบปีที่ผ่านมานี้โรคที่มีอัตราเพิ่มมากสุดคือ โรคทางเดินหายใจ

 

สิ่งที่เราเห็นคือ “ฝุ่น” ริมถนน ที่มันปลิวว่อนอย่างน่าตกใจ แต่พี่น้องไทยส่วนใหญ่เขาคงชินกันแล้ว เพราะไม่เห็นมีใครบ่นให้เข้าหูสักคน ..เรื่องแบบนี้ถ้าเกิดในประเทศฝรั่งรับรองได้ว่า เดินขบวนกระจุย

 

ฝุ่นเหล่านี้มาจากไหน ปลิวว่อนได้อย่างไร และทำไมจึงไม่หมดไปสักที  ผมได้ทำการวิจัย (คิด)  ใช้เวลาสักประมาณ 5 นาที เมื่อปี คศ. 1986 ที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดแบบวาเคชั่นเป็นครั้งแรก หลังจากจากไปเสีย 8 ปี ก็ได้ข้อสรุปว่า มันมาจากล้อรถบรรทุกดินเสียเป็นส่วนมาก

 

รถพวกนี้ไปเหยียบดินแฉะๆมา เพื่อไปบรรทุกดินมาเพื่อการก่อสร้างถนน ปั๊ม โครงการบ้านจัดสรร ฯลฯ ดินติดล้อมาก็เอามาหล่นไว้บนถนน ส่วนดินที่ขนมาบนกระบะก็หล่นลงถนนอีกเพราะไม่มีการคลุมกระบะแต่อย่างใด (ทั้งที่กฎหมายบัญญัติไว้หมดว่าให้คลุม แต่ก็ผ่านด่านตำรวจมาได้ เพราะ...)

 

ดินพวกนี้พอตากแดดหน่อยก็แห้ง พอรถวิ่งมาเหยียบก็จะแตกละเอียด  ลมจากล้อ จะพัดเอาดินพวกนี้ให้กลายเป็นฝุ่น ฝุ่นพวกนี้ส่วนหนึ่งจะปลิวออกสู่อากาศ ทำให้อากาศริมถนนเต็มไปด้วยฝุ่น แล้วก็ปลิวเข้าไปในอาคาร ร้านค้า(โดยเฉพาะร้านอาหาร) ที่อยู่อาศัยที่อยู่ใกล้ถนน  ซึ่งมนุษย์ทั้งหลายบรเวณนั้นก็ต้องสูด ดม อม กลืน ฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย อย่างสาหัสสากรรจ์ตลอด ๒๔ ชม. ต่อวัน

 

นอกจากฝุ่นแล้วก็ยังควันเสียจากท่อไอเสียรถอีกด้วย ที่ LA-usa  เขาประดิษฐ์คำว่า Smog (smoke + fog) ของเรา.ผมเสนอคำว่า Smod = Smoke + Dust แล้วแบบนี้จะไม่ให้ตายกันระนาวด้วยโรคทางเดินหายใจได้อย่างไร

 

โขยงญาติเคยไปเยี่ยมที่ usa  ผมพาขับรถตระเวนเที่ยวทั่ว 5000 ไมล์ สีรถยังใสนิ้งมันวาวราวออกจากอู่เหมือนเดิมไม่มีฝุ่นเกาะให้เห็น  ญาติตกใจบอกว่าเป็นเมืองไทยป่านนี้ก็หนาสองมิลแล้ว ผมมาคิดหวนทวนอดีต เออจริง ตอนอยู่เมกาล้างรถปีละสองครั้ง ที่ล้างนั้นในหน้าหนาวเพื่อเอาฝุ่นเกลือออก กันผุ เพราะเขาโรยเกลือละลายหิมะบนถนน ส่วนฝุ่นในหน้าร้อนนั้นไม่ต้องล้าง เพราะไม่มีเกาะเลย แต่เมืองไทยต้องล้างฝุ่นออกทุกอาทิตย์

 

ถนนส่วนใหญ่ในเมืองฝรั่งตั้งแต่ออสเตรเลีย ผ่านยุโรป ไปเมกา จะมีการดูดฝุ่น วันเว้นวัน (ทั้งที่มันแสนสะอาดอยู่แล้ว)  วันคู่ซ้าย วันคี่ขวา นั่นคือเบื้องหลังว่า ทำไมวันคู่เขาให้จอดขวา วันคี่เขาให้จอดซ้าย ก็เพื่อที่รถดูดฝุ่นจะได้ดูดถนนให้สะอาดนี่เอง แต่ไทยเราไม่เคยดูด แต่ดันกระแดะให้จอดวันคู่วันคี่แบบฝรั่ง (ตำรวจจะได้หาเรื่องจับปรับได้เพิ่มขึ้น หึหึ)

 

ส่วนฝุ่นถนนที่ไม่ปลิวออกไปในอากาศก็ไปกองรวมกันอยู่ริมรอยต่อระหว่างถนนกับฟุตบาท รอเวลาลมแรงพัดมาเพื่อโปรยปลิวสู่อากาศต่อไป เรียกว่าสองแรงเข็งขันช่วยกันกล่อมเกาะปอดคนไทย ไม่เชื่อไปดูได้ ถนนทั่วไทยเป็นแบบนี้หมด ผมถ่ายรูปไว้นับร้อยรูป เพื่อหวังจะเอามาแฉ แต่วันนี้ไปอยู่ในไดเร็คตอรี่ไหนก็ไม่รู้แล้ว ..หายเข้าไปในกลีบฝุ่นของไฟล์หลายหมื่นพัน อิอิ

 

ได้ยินนักการเมืองหาเสียงกันแว่วๆว่า “ถนนไร้ฝุ่นทั่วไทย” ตอนแรกฟังเผินๆ ผมหลงดีใจคิดว่าเขาจะเอาจริงเรื่องนี้ จับปรับ ยึดใบอนุญาตพวกรถบรรทุกดินสะเพร่าเอาแต่ได้พวกนี้ แต่กลายเป็นว่าเขาจะหางบไปสร้างถนนลาดยาง เพื่อให้รถบรรทุกดินมันวิ่งไปขนดินมาสร้างฝุ่นให้มากขึ้น ...เป็นงั้นไปประเทศตัยแลนด์ของข้าพเจ้า

 

อย่าว่าแต่โรคอากาศ โรคอาหารก็คงไม่เบา เพราะฝุ่นเหล่านี้หล่นลงบนอาหารริมทาง ที่ขายไก่ปิ้ง ปลาเผา ข้าวแกง โรตี กันโล่งโจ้ง ริมถนนฟุ้งฝุ่น โอ..ประเทศนี้เปิดเสรีทุกอย่าง ตั้งแต่การลงทุนจากต่างชาติ จนถึงการตายผ่อนส่งโดยไม่คิดดอกเบี้ย

 

พ่อแม่อุ้มลูกน้อยปิ้งไก่ขายริมถนน เด็กสูดควันพิษจากเตาปิ้งไก่ที่ควันโขมง  สูดฝุ่นจากถนน สูดควันพิษจากท่อไอเสีย แก๊สพิษจากน้ำเน่าริมคูข้างถนน แถมมลภาวะด้านเสียงจากรถยนต์

 

แม้นว่าถนนสะอาด ก็ยังมีรอยต่อระหว่างถนนกับอาคารริมถนน ที่ผิวดินเต็มไปด้วยฝุ่น ..ยามรถวิ่งมาแล้วสร้างลมกระแสลมจากตัวรถและล้อที่หมุน ก็เป่าฝุ่นเข้าสู่อากาศ ลมพัดมาก็ยิ่งซ้ำสอง ใน usa รอยต่อระหว่างถนนกับอาคารนี้มีกฎหมายกำหนดหมดว่า ต้องราดยาง เพื่อกันฝุ่น แม้ไม่กำหนดเป็นกฎหมายก็เชื่อว่าคงไม่มีลูกค้าไปซื้อของถ้าร้านไหนไม่ราดยาง

 

ส่วนผู้บริหารสุขอนามัยไทย มีองค์กรต่างๆร้อยแปด ที่ประชาชนเสียภาษีส่งไปไปเรียนจบนอกกันมาหลายร้อยพัน แต่ไม่เห็นพวกเขาสนใจใยดีอะไรในเรื่องนี้..เออ.ไม่เป็นไร ตายไวก็ได้พ้นทุกข์ไว เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส อิอิ

 

 

หวังพวกงาช้างไม่ได้ ผู้แทนติดดินก็คงพึ่งได้แหละฟะ

 

พอใกล้วันเลือกตั้งมาถึง รถยนต์ติดลำโพงโตหาเสียงก็มาวิ่งตะโกนโหวกเหวกโหวงเหวง ไล่ฝุ่นริมถนนให้ปลิวตะเหลิดเถิดเทิง กระจายไกลไปถึงหน่วยเลือกตั้งโน่น แต่คงไม่ไกลถึงทำเนียบหรอก หุหุ

 

...คนถางทาง (๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๔)

 

หมายเลขบันทึก: 454279เขียนเมื่อ 16 สิงหาคม 2011 21:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้าจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • สวัสดีครับท่านทวิช
  • ขอบคุณที่เขียนกระตุก..มาแบ่งปัน
  • เมืองไทยอะไรก็ดีครับ
  • แต่คนมาบริหาร ปท..เห็นแก่ตัวมากไปซักหน่อย
  • คนไทยต้องเรียนรู้และพึ่งตนเอง
  • อย่าไปหวังอะไรลมๆ แล้งๆ กับเสียงที่ออกมาจากลำโพงหาเสียง
  • พอเสร็จช่วยเลือกตั้งเขาก็ลืมไปแล้ว
  • ...ใครมาก็เหมือนเดิม
  • นักการเมืองกับนักธุรกิจเป็นคนกลุ่มเดียวกัน
  • ....
  • ท่านเขียนได้สะใจดีครับ
  • จะคอยติดตามอ่านตอนต่อๆ ไปนะครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท