2 ส.ค. 2554 13.30 น.
ได้พัก 3 วัน ได้ทำหน้าที่ ลูกเยี่ยมพ่อกับแม่ปรากฏว่าแม่ไม่อยู่ไปกรุงเทพ
พ่ออยู่คนเดียวกำลังนอนปวดขาขาบวมอยู่(สาเหตุนั่งขนหินถมข้างบ้านกั้นดินทรุด)
ซึ้งท่านไม่สมควรทำใสสิ่งเหล่านี้สำหรับคนขาอ่อนแรงต้องใช้ไม้เท้าแต่ม่านหาเหตุ
ที่จะต้องทำโน้นทำนี้ได้ตลอกเวลาโดยมีแม่เป็นผู้ช่วยแม่ไม่อยู่มีแต่ทหารรับใช้ที่
น้องชายขอมาจากผู้พันนิ่มค่ายคลองหอยโข่งเลยพาไปหาหมอรพ.ราษฎรยินดี
หมอฉีดยาให้ยาแก้อักเสบยุบบวมมาให้ต้มข้าวต้มปลาให้ท่านทานทานหมด 2 ถ้วย
เราก็ดีใจนอนหลับพักได้เช้าตื่นมาเล่นกับหลานต้นน้ำเรียกป๋าๆสอนให้เรียกคุณตา
ไม่พูดเรียกแต่ป๋าๆ(คงมาจากการที่ดูรูปพ่อเขาเราสอนเขาเรียกป๋าตั้งแต่6 เดือน)
ภาพที่เห็นพ่อเล่นกับหลานรู้สึกคอแห้งผากน้ำตาไหลต้องหลบไปร้องไห้บนบ้าน
กลัวทหารรับใช้จะเห็น.....ท่านบอกว่าไม่ต้องเอาไปฝากเนอสเซอร์รี่แต่ก็บอกท่านว่า
ไม่อยากเป็นภาระท่าน สองตายายแก่มากแล้วสุขภาพก็ไม่แข็งแรงให้แม่ดูแลพ่อ
อย่างเดียวก็เหนื่อยมากพอแล้ว.....
เห็นพ่ออาการดีขึ้นขออนุญาติพาลูกไปทะเลตามที่ตั้งใจไว้......
.....หาดแก้วรีสรอท์...กาลเวลาเปลี่ยน...ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนหมด....
สำนักสงฆ์ที่เคยท่อเรือข้ามฝากไปก็ไม่มีอีกแล้วเดิมเหมือนอยู่เป็นเกาะ...ตอนนี้
ไม่มีอีกแล้ว.......พื้นหาดทรายที่ขาวสอาดแต่เดิมก็เปลี่ยนไป......ได้แต่ยื่นดู
ทุกอย่างที่เปลี่ยนไปอย่างน่าใจหาย...ต้นน้ำตอนแรกก็กลัวกอดแม่แน่นไม่ยอมลง
ร้องจ้า...คอยว่างเขาลงเท้าแตะพื้นยิ่งร้องเพราะทรายตอนฝ่าเท้าเขาคงไม่ชิน
จับนั่งลงเขาค่อยปรับตัวครู่เดียวจับทรายโยนเล่นหัวเราะเฮิกๆใหญ่(นี้แหล่ะที่
เขาว่าเด็กน้อย)แล้วจับเขาเล่นกับคลื่นวิ่งหนีครื่นหัวเราะสลับร้องแบบกล้าๆกลัวๆ
....ได้บอกลูกว่าลูกเป็นลูกชายของพ่อซึ้งเป็นลูกทะเลโตมากับทะเลหายหาดแถวนี้
พ่อเคยออกเรื่อไปหาปลา...แล้วก็เลี้ยงวัวอยู่แถวนี้ตอนเด็กๆ...พ่อเล่าให้แม่ฟังแม่จำ
ได้ดีทุกคำพูดของพ่อหนู....ทุกคำพูดที่บอกลูกถึงมันจะเจ็บปวดแต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่
เหลืออยู่..คือความทรงจำที่มีเกี่ยวกับพ่อเขา.....สิ่งบอกลูกบนหาดทรายหาดแก้ว
คือทุกอย่างเปลียนแปลงได้แม้จิตใจคน....แต่สิ่งเดียวที่ไม่มีใครเปลียนแปลงไปได้
คือชาติกำเนิดของคน......
......ช่อดอกกุหลาบสีขาวแซมใบแก้วสีเขียวมียิมโซนาแทรกอยู่เข้าช่ออย่างสวยงาม
มันถูกว่างไว้บนหาดทราย.....ตามสัญญา.......
เสียดายบรรยากาศแบบเก่าๆ นะครับ
บางครั้งก็หิวโหยหา