เรื่องที่จะเล่าสู่กันฟังวันนี้ เป้นเรื่องที่เกี่ยวกับ สัญญา 3 วัน เพื่อเป้นกำลังใจและแรงขับเพื่อให้สู้กับสิ่งที่คนไข้กำลังเผชิญ
ย้อนจากวันนี้ไปอีก 11 วันมีชายวัย 36 ปีมารับการรักษา รพ.ปะทิวด้วย ไอหายใจเหนื่อยหอบ แพทย์เวรให้นอน รพ. และรักษาอาการหายใจเหนื่อย 5 วันแรกที่นอนโรงพยาบาลหน้าตาสดชื่น เพราะได้พบพี่เลี้ยงที่ดูแลเค้าอยู่ หน้าตายิ้มแย้ม เพื่อรอ รอ และก็รอ เพื่อที่จะรอคุณหมอในดวงใจ รอแล้วรอเล่าก็หมดรอ...วันที่เค้าไม่อยากรอแล้ว พี่เลี้ยงในดวงใจก็กลับมา..วันที่จะเข้าไปบอกแม่คนไข้ว่า ให้อาบน้ำทาแป้งรอ เดี๋ยวเข้าไปเยี่ยม ..สายๆก็เข้าไป ....ภาพที่เราเจอกันวันแรกที่มานอน รพ. กับวันนี้ต่างกันเป้นๆละคน แววตาของคนไข้แสดงถึงความดีใจที่มีความสุข บวกกับรอยยิ้มแหยๆๆของคนไข้ ภายใต้อาการผอมแห้ง แรงน้อย หายใจเหนื่อยหอบ คุยกันอยู่ประมาณเกือบชั่วโมง ขอตัวไปทำงาน ..คนไข้ดีใจมากที่เราเข้าไปเยี่ยม ยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งที่ยังหายใจเหนื่อย...หลังจากวันั้นมา เราไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเค้าอีกเลยเนื่องจากภารกิจ แต่ยังถามข่าวคราวตลอด..และก็จะได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นแม่ทุกวันว่า..เมื่อไหร่หมอจะมา ? เราก็รู้สึกไม่ค่อยดีนะ เพราะจะถามถึงตลอด และวันนั้นก็มาถึง...วันที่ 26 กรกฎาคม 2554 พยาบาลที่ตึกผู้ป่วยชายก็โทรตามบอกว่า คนไข้อยากเจอและต้องเจอวันนี้เพื่อขอบคุณ...เอ๊ะมีอะไรหรือเปล่า...10 โมงเข้าไปในห้องแยก ภาพที่เราเห็น..คนไข้ให้ออกซิเจนครอบจมูกนั่งฟุปหมอนนอนไม่ได้ หายใจเร็ว...ดูเหนื่อยมาก...และผู้เป็นแม่กำลังยืนลูบหัวผู้เป็นบุตรชายด้วยความอ่อนโยน พลางน้ำตาคลอเบ้า พลางบอกลูกชายว่า เดี๋ยวหมอ...ก็มานะใจเย็นๆ..ความรู้สึกตอนนั้น..คือรู้สึกไม่ดีที่ทำให้คนไข้รอ...รอ รอ จนวินาทีสุดท้าย..สิ่งแรกที่เราทำคือเดินเข้าไปจับมือคนไข้..และบอกขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาเยี่ยม...แต่วันนี้มาแล้วขอบคุณที่รอ...ก็เล่านิทานชีวิตให้ฟังประมาณ 20 นาที และต้องขอตัวเพราะต้องเดินทางไปประชุม ... สร้างสัญญาใจขึ้นมาว่า 3 วันที่เราไม่อยู่ให้ดูแลตัวเอง เอาชนะอาการที่กำลังรุมเร้าอยู่ นิ่งๆ ใจเย็นๆ ...ถ้าทำได้และรอเราให้กำมือเราแน่นๆ...เค้าก็กำมือแน่นมาก..ว่าสัญญา 3 วัน จะรอหมอนะ...สิ่งที่เค้าบอกเราครั้งสุดท้ายคือ ขับรถดีๆฝนตกไม่ต้องรีบ ชุมพร ขนอม 3 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงเพราะเค้าขับมาแล้ว ...เราก็ขอบคุณ 3 วันเจอกันและเราก็ขอตัว...เวลา 16.20 น.เราถึงที่พักดับเครื่องยนต์และรอติดต่อเข้าห้องพักก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นแม่ของคนไข้ว่า...หมอลูกชายฉันเค้าไปดีแล้วนะตอน 4 โมงเย็นเค้าไปอย่างสงบ ไม่หอบเหนื่อยเลย แค่นี้ก่อนนะหมอ ค่อยเจอกัน...หลังจากได้รับโทรศัพท์ก็ให้กำลังผู้เป็นแม่ให้เข้มแข็งและสู้ต่อไป...
อนิจจัง จริงหรือ หลายครั้งที่คนไข้จากไป เราเชื่อเหลือเกินว่าพลังจิต ของความผูกพันและศรัทธาแห่งความเชื่อและความหวัง ยังจะติดไปกับจิตใต้สำนึก...แต่ด้วยความจริงใจแห่งมิตรภาพระหว่างชีวิต ทำให้เราได้บทเรียนชีวิตที่เป็นครูให้กับเราตลอดไป...ขออโหสิกรรม และขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สรวงสวรรค์
สวัสดีครับ
อ่านแล้วรู้สึกใจหายนะครับ ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของเค้าด้วยนะครับ
มิตรภาพระหว่างชีวิต .... ความผูกพัน ความศรัทธาแห่งความเชื่อและความหวัง
เป็นกำลังใจในการทำงานให้นะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ บทเรียนที่เราได้จะเป็นตำราที่เราต้องฝึกฝนเพื่อ บทเรียนชีวิตบทต่อไปที่เราต้องเดินร่วมกัน