เช้าวันศุกร์ที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ซึ่งตรงกับวันอาสาฬบูชา ครอบครัวของเราไปทำบุญที่วัดใกล้ๆบ้านกันแต่เช้า จากนั้นมีเวลามานั่งดูทีวีช่วงนั้นเป็นภาพยนตร์เรื่อง “ฮาชิ หัวใจพูดได้” ดูไปก็น้ำตาไหลไป รู้สึกถึงความซาบซึ้งในการสื่อความหมายของผู้สร้างที่ต้องการสื่อให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงสิ่งที่มนุษย์เราเรียกพฤติกรรมที่สุนัขตัวหนึ่งมีต่อเจ้าของว่าเป็น “ความซื่อสัตย์” , “ความจงรักภักดี” หรืออะไรประมาณทำนองนี้ มันอาจเป็นเรื่องราวธรรมดาสำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในความผูกพันแบบนี้ แต่ไม่ธรรมดาสำหรับผู้ที่มีจิตผูกพันและรับรู้ได้
เรื่องนี้ผมเขียนขึ้นเพื่อไว้อาลัยแด่เจ้ากิ๊ฟ สุนัขสายพันธุ์ผสมประจำบ้านที่ผักไห่ เท่าที่ผมจำได้เจ้ากิ๊ฟมาอยู่กับพวกเราตั้งแต่เล็กๆยังไม่อดนมเลย จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตมันก็คือวันนี้ (๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔) มากันทั้งหมด ๓ ตัว เจ้าแฟ เจ้าโก้ ก็ตายไปก่อนหน้านี้แล้ว เจ้ากิ๊ฟจึงเป็นหมาตัวสุดท้ายของบ้านเรา ซึ่งอยู่กับเรามากว่า ๗ ปี......จนถึงวันนี้.......คืนวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ผมกลับถึงบ้านประมาณเกือบ ๔ ทุ่ม ภรรยาผมบอกว่าไอ้กิ๊ฟมันไม่สบาย ไม่รู้เป็นอะไรเซื่องซึม ไม่กินข้าว เอาแต่นอนหมอบอยู่กับที่ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากคิดว่ามันคงเบื่ออาหาร พอวันศุกร์ทั้งวันมันก็ไม่ยอมกินอะไร ไม่ไปไหนเอาแต่นอน ตอนเย็นผมก็เลยพาไปคลีนิกที่ตัว อ. เสนา ฉีดยาบำรุงคุณหมอบอกว่า ปอดมีปัญหา (ปอดบวม) แล้วก็นัดให้มาดูอาการในวันเสาร์อีกครั้งหนึ่ง
วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ผมพาน้องกาฟิลด์ไปเรียนบัลเล่ย์ กลับมาถึงบ้านประมาณบ่ายสามโมง ภรรยาผมบอกว่าพาเจ้ากิ๊ฟไปโรงพยาบาลสัตว์ที่ตัว จ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว และคุณหมอให้นอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการ เบื้องต้นคุณหมอแจ้งว่ามันมีปัญหาเกี่ยวกับไตด้วย ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นหลักที่ทำให้มันทรุด และกินอะไรไม่ได้ เขาจึงให้น้ำเกลือมันตลอดคืนนั้น
วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ พวกเราได้ไปเยี่ยมดูอาการของเจ้ากิ๊ฟ และยังได้พูดคุยกับคุณหมออยู่พักใหญ่ คุณหมอบอกว่าไตมีปัญหา และมีการติดเชื้ออย่างรุนแรง จนเชื้อเข้าไปในกระแสเลือด แต่หากมันสามารถขับถ่ายออกมาได้ก็ยังพอมีหนทางรอด ผมเดินไปยืนหน้ากรงพร้อมกับน้องกาฟิลด์ สังเกตเห็นเจ้ากิ๊ฟมันพยายามผงกหัวขึ้นและจะบอกอะไรกับพวกเราบางอย่าง สักพักมันก็หมอบลงไปอีก คุณหมอบอกว่าให้น้ำเกลือขวดที่สอง พร้อมกับยาฉีดแล้ว ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้นอกจากรอดูอาการของมัน จากนั้นพวกเราก็ลาคุณหมอกลับบ้านด้วยความหวังว่า พรุ่งนี้มันน่าจะดีขึ้น
เช้าวันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่า เจ้ากิ๊ฟ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา วันนี้ผมต้องมาทำงาน แต่ทางภรรยาผมและน้องกาฟิลด์ยังหยุดต่ออีก ๑ วัน ภรรยาผมขับรถไปรับร่างที่ไร้วิญญาณของเจ้ากิ๊ฟกลับมาฟังที่บ้าน ทุกคนที่บ้านรู้สึกเช่นเดียวกัน เหมือนกับผมที่นั่งทำงานอยู่พอได้รับรู้เรื่องราวก็รู้สึกใจหาย เพราะถึงแม้มันจะเป็นสุนัขธรรมดาที่ไม่ได้มีความพิเศษอะไร แต่ความผูกพันของพวกเรามีให้พวกมันอยู่ตลอดระยะเวลา ๗ ปี ไม่ว่าจะเป็น เจ้าแฟ เจ้าโก้ และเจ้ากิ๊ฟ เสมือนหนึ่งว่าพวกมันก็คือส่วนหนึ่งของพวกเรา ซึ่งผมก็เข้าใจดีครับว่ามันเป็น “สัจธรรม” แห่งความเป็นจริง ไม่มีใครหนีพ้นความตายไปได้ เมื่อถึงเวลาก็ต้องไปทุกคน และทุกตัว มันทำให้ผมมานั่งคิดได้ว่าช่วงเวลาสุดท้ายที่เจ้ากิ๊ฟมันพยายามผงกหัวมันขึ้นมาและจะบอกอะไรบางอย่างกับผมนั้น ผมพอรู้แล้วว่าหากมันพูดภาษามนุษย์ได้มันจะพูดอะไรกับผม
ผมหวังว่าพวกมันคงหมดกรรมกันแล้ว และไปสู่ภพภูมิที่ดีต่อไป พวกเราระลึกถึงพวกมันเสมอ คงไม่มีอะไรจะมอบให้นอกจากบทความไว้อาลัยบทนี้......นะเพื่อนๆผู้ที่มีแต่ความซื่อสัตย์เสมอมา
จากพวกเราครอบครัวกาฟิลด์
ผมมาให้กำลังใจนะครับ
สำหรับความรักครับ
คิดว่า...คุณครูดูแลเขาอย่างดีและเต็มที่แล้วครับ