ในการเขียนประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบันนี้มีทั้งมุมมองค้นหาเรื่องราวในอดีตที่ผ่านพ้นมาแล้วนานแสนนานหรือการมองอดีตที่พึ่งผ่านไปแบบยังคงเห็นฝุ่นตลบอบอวนที่ยังไม่ทันข้ามวัน
ผมเองอยากบันทึกในเรื่องที่พึ่งผ่านไปแล้วไม่กี่ชั่วโมงของวันนี้เองละ
ภาพ...พระครูภาวนาสมาธิคุณ ยูมิ ท่าน ศ.สุธิวงศ์และ รศ. ดร. สุจิตรา
เรื่องอะไรละ ที่เราเข้าไปแทรกปนอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย เริ่มจากการเดินออกไปทำงานตอน 7 โมงตรง ไปไหนละก็จากที่พักเมืองหาดใหญ่ไปยังสนามบินหาดใหญ่ รับคุณพี่ ( รศ. ดร. สุจิตรา อ่อนค้อม ) ที่มาจากกรุงเทพ ฯ เราไปทานข้าวเช้ากันที่เมืองหาดใหญ่ เราไปเมืองสงขลา เราได้เข้าเยี่ยมคารวะท่าน ศ. สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ณ ปัจจุบันนี้ท่านพักผ่อนสบายมีหน้าตาอิ่มบุญ
ทานข้าวเที่ยงวันริมทะเลสาบสงขลา
เราไปทานอาหารกลางวันกันที่เกาะยอริมทะเลสาบสงขลา แล้วเราเข้าไป ม. ทักษิณเพื่อทำหน้าที่สอบจบปริญญาเอก สาขาวัฒนธรรมศึกษา เรื่อง วัฒนธรรมการบริโภคที่เหมาะสมของชาวพุทธในภาวะสังคมไทยปัจจุบันตามแนวคิดของพุทธทาสภิกขุ ชื่อนิสิตผู้ทำวิจัยคือ พระครูภาวนาสมาธิคุณ ( ดร. เอกสาร สุธีรสานต์ )
ประธานที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์ คือ ดร. อุทัย เอกสะพัง และกรรมการที่ปรึกษา คือ รศ. ดร. สุจิตรา อ่อนค้อม และมีท่านคณะกรรมการสอบปากเปล่าดุษฎีนิพนธ์อีก คือ ผศ. ดร. บันลือ ถิ่นพังงา , รศ. ไพบูลย์ ดวงจันทร์ , รศ. ดร. วันชัย ธรรมสัจการ
การสอบ ป. เอกนี้ใช้เวลาช่วงบ่ายโมงเศษไปจนเกือบบ่ายสี่โมงเย็นของวันนี้จึงแล้วเสร็จ
ที่ประชุมบรรยากาศทางวิชาการเน้น ๆ หนัก ๆ เจาะแบบตรงประเด็นแล้วมีมติในที่ประชุมว่า สอบผ่านโดยต้องปรับปรุงแก้ไขในประเด็นใหญ่ ๆ คือ การตอบวัตถุประสงค์ให้แจ้งชัดทุกข้อ
การเขียนตามหลักวิชาการให้เชื่อมโยงย่อยสลายข้อมูลให้เห็นเป็นเนื้อเดียวกัน
และเน้นเชิงคุณภาพตอบคำถามอย่างไร ไม่ใช่ตอบคำถามเท่าไร
การแก้ไขก็อยู่ในระยะเวลากระชั้นชิด...ประมาณ 5 สัปดาห์เห็นจะได้เป็นอันว่าเราได้ทำหน้าที่ส่งนิสิต ป. เอกสาขาวิชาวัฒนธรรมศึกษา รุ่นที่ 2 ของ ม. ทักษิณข้ามฝั่งฟากได้แล้วหนึ่งท่านในวันนี้ ต้องขออนุโมทนา ชื่นชมท่านพระครูที่มีความเพียรพยายามจนข้ามฝั่งฟากได้
แง่คิดที่ได้จากการคุยกันคือ...ความรู้มีอยู่ในตัวคนเรา ข่าวสารเดินทางมากับคน...ระยะทางพิสูจน์คนที่เรารู้จัก...ฟังหูไว้ที่หู...อย่าพึงเชื่ออะไรง่าย ๆ คนเราโดนไก่สามตัวจิกตีอยู่เสมอคือกิน กาม เกียรติ ต้องนำสามเสือมาไล่คือสะอาด สว่าง สงบ...ในสังคมอุดมปัญญานั้นเราต้องมีจิตใจที่เข้าถึง เข้าใจ แล้วพัฒนา
เดินตามทางแห่งมรรคมี แปดอย่างรวมคือศีล สมาธิ ปัญญา แล้วยังมีสัมมาญาณ( ความรู้โดยชอบ )และ สัมมาวิมุตติ ( ความหลุดพ้นโดยชอบ ) เพิ่มเข้ามาอีกด้วยจึงเป็นการเดินทางชีวิตที่มีความสุขสงบเย็น...
ลีลาชีวิตคนเรานี้บางครั้งเต้นไปตามอารมณ์ เราต้องสร้างปัญญาให้อยู่เหนืออารมณ์...บางข่าวสารสั่นคอนศรัทธาที่เรามีต่อบุคคลอย่างแรง...บางเรื่องราวของคนท้าทายกฎแห่งกรรมใครทำใครได้...
อาจารย์ ๆ วันนี้หล่อเทียนพรรษาที่ ม. ทักษิณ เออรู้แล้ว ๆ วันนี้เอาไม่ทันมีหน้าที่ต้องทำอยู่ พรุ่งนี้จะไปหล่อเทียนทำบุญก็แล้วกัน...เพราะเราเองเป็นที่ปรึกษาชมรมพุทธนี่นา...สองทุ่มเศษแล้วเมื่อดูนาฬิกา...ยังอยู่ใน ม. เตรียมงานวางหน้าที่เพื่อไปถวายเทียนกันอยู่...ดีแล้ว ๆ ...กำลังเดินทางไปสนามบินเพื่อส่งคุณพี่...กลับยังกรุงเทพ ฯ นั่นคือข่าวสารเข้ามาผ่านไปตลอดช่วงชั่วโมงแห่งวันนี้แล.
ปัญญา มา เหนือ อารมณ์ ==> *^__^*
สวัสดีค่ะอาจารย์
มาซึมซับบรรยากาศค่ะ
เพราะยังไม่มีโอกาสได้เรียนอย่างนี้จริงๆสักที
อาจารย์คงสบายดีนะคะ
สวัสดีครับ คุณชาดา ~natadee
เพราะปัญญาเป็นดุจแสงสว่างในการดำเนินชีวิตนะครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณณัฐรดา
ถ้ามีเวลาและโอกาสเหมาะสม มีความพร้อมควรแสวงหาที่เรียนนะครับผม
ตอนนี้มีเปิดเรียนทั่วไปหาได้ง่าย เพียงมีเงินตัวเดียวนะครับ อิ อิ อิ
ท่านพระครูทำ ป. เอก ใบนี้ได้เป็นใบที่ 2 ด็อกเตอร์ใบแรกท่านได้มาจาก ม. มคธ ประเทศอินเดียละครับ ขยัน ๆ
น่าชื่นชม ๆ
ขอบคุณครับ