เช้าวันอาทิตย์ดิฉันกำลังคอยทานอาหารกลางวันก็ได้ยินเสียงโทรมาจากกระทรวงสอบถามเรื่องมีเด็กสงสัยเป็นไข้หวัดนก ดิฉันรีบสอบไปที่ตึก3/2ก็ทราบว่ากำลังมีคนไข้กลับหนึ่งคนและเหลืออีกหนึ่งคนที่นอนอยู่พร้อมกับมีคนที่กำลังย้ายมาตรวจrapid test จาก5/5 หลังจากทราบประวัติคร่าวๆก็โทรกลับไปที่กระทรวง ทางกระทรวงโทรมาอีกสองครั้งหลังจากถามโน่นถามนี่ก็บอกรัฐมนตรีกำลังไปเยี่ยม ดิฉันเลยต่อว่าอ้าว ทำไมจะมาทำไมไม่รีบบอกจะได้เตรียมตัว คิดว่าถามเฉยๆและต้องการข้อมูล ดิฉันรีบโทรกลับสถาบันให้แจ้งผู้ตรวจการเตรียมข้อมูลและเชิญคุณถนอมจิตต์จากห้องผ่าตัดและหัวหน้าฝ่ายการมาช่วยรับ ดิฉันต้องรีบไปแต่งตัวและขับรถไปสถาบัน ก่อนไปรองณรงค์โทรมาถามว่าพี่ทราบหรือยัง ดิฉันตอบว่าทราบแล้วและกำลังจะไปค่ะ ดิฉันไปถึงสถาบันก็พบว่าท่านรัฐมนตรียืนคอยอยู่หน้าห้องฉุกเฉินและบอกให้ดิฉันให้รีบตรวจเด็กๆที่คอยที่หน้าห้องฉุกเฉินนะเพราะเป็นเด็กๆ ดิฉันได้แต่ค่ะและพาท่านพร้อมกองทัพนักข่าวไปที่3/2 หลังจากการพูกคุยท่านก็มาให้สัมภาษณ์ รองณรงค์ผลักให้ดิฉันรีบโผล่หน้าให้ติดกล้องทีวี ระหว่างที่พาท่านกลับมาที่โอพีดีท่านบอกว่าให้ปรับปรุงโอพีดีให้น่าดูพร้อมกับไปดูบริเวณห้องน้ำที่เป็นที่ไม่หน้าดูที่สุดของตึกและถามเรื่องเงินบำรุง ดิฉันบอกว่างบไม่ค่อยจะมีแต่ไม่กล้าบ่นมากเนื่องจากเกรงท่านรองจะเสียหน้าและจะเป็นการฟ้องกรม ดิฉันขอให้ท่านช่วยเรื่องตึกใหม่ ท่านพยักหน้าแต่ตัวเองยังไม่แน่ใจว่าจะได้ ท่านรัฐมนตรีบอกให้รองณรงค์เบิกเงินจากงบกลางมา10ล้านมาปรับปรุงบริเวณโอพีดี ดิฉันไม่กล้าเรียนว่าเรายังไม่ปรับปรุงเพราะคิดว่าน่าจะได้ตึกใหม่
ท่านเน้นเรื่องการดูแลคนไข้หวัดนกและพยายามให้ผู้สื่อข่าวทราบว่าผู้ป่วยไม่ค่อยแจ้งเรื่องการสัมผัสไก่และไม่ตระนักทำให้ยังมีคนสัมผัสอยู่เรื่อยๆ
บทเรียนหลังการเยี่ยม
สถาบันดูแลได้ดีแต่ให้ตระหนักเรื่องการให้ยาต้านและการซักประวัติเพิ่ม
ต้องพัฒนาโอพีดีเรื่องความสวยงามน่าอยู่
ควรสรุปผลการดูแลให้ผู้ร่วมงานทราบ
ควรมีแบบฟอร์มของการดูแลเพื่อง่ายในการตอบนักข่าว
ให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ที่มีความเสี่ยงเช่นเลี้ยงไก่ที่บ้านและยังทำงานที่สถาบันเพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงมากขึ้นค่ะ
ไม่มีความเห็น