ณ ที่ว่างเล็ก ๆ


ริมหน้าต่างห้องครัว...

 

ตื่นนอนตอนเช้า รีบหุงข้าวไว้ก่อนที่จะทำอย่างอื่น

หมุนเปิดบานเกร็ดกระจกหน้าต่างให้อ้ารับแสงสว่าง

มองออกไปเห็นต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ เรียงราย ได้เห็นสีเขียวที่แสดงถึงความสดชื่นและการมีชีวิตชีวา ทำให้ผมอารมณ์ดีไม่น้อย

 

ผมเพิ่งย้ายกระถางต้นไม้ มาไว้พื้นที่เล็ก ๆ หลังบ้าน เพราะที่อยู่เดิมของต้นไม้กำลังก่อสร้างห้องเก็บของ และห้องน้ำนอกตัวบ้าน

การเปิด การปรับเปลี่ยน และขยับอะไรบางสิ่งบางอย่าง อาจจะดูวุ่นวายขึ้น แต่บางครั้งผลลัพธ์กลับทำให้เราสุขใจไม่น้อย

 

มุมมองของชีวิตของเรา ถ้าเราสามารถปรับภาพความคิดของเราที่ใช้หัวใจมากกว่าสมอง คงจะดีไม่น้อย

และเมื่อเรารู้สึกแบ่งปัน...ให้โอกาส...สร้างความสุขในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ  ให้กับตนเองและผู้อื่นได้บ้าง

มันจะทำให้ทีว่างเล็ก ๆ ในใจมีมุมมองที่กว้างและยิ่งใหญ่ แต่ทว่าเรียบง่ายมากขึ้น

ทำให้ผมย้อนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนค่ำ ๆ ของเมื่อวานนี้...

 

ภรรยาของผมเป็นพยาบาล และได้ขึ้นเวรบ่าย ผมก็มัวตัดหญ้า ตัดกิ่งไม้ และทำความสะอาดบ้าน จนเวลาล่วงเลยถึงเกือบหนึ่งทุ่ม

ผมกับทิมดาบลูกชาย เลยตกลงในใจว่า วันนี้จะกินไก่ย่าง กับข้าวเหนียว

พอไปถึงร้าน ก็เห็นไก่สามชิ้นในถาด ผมเลยขอซื้อหมด เพราะวางแผนว่า ชิ้นแรกให้ทิมดาบ ชิ้นที่สอง และสาม จะเอาไปให้คุณแม่ และภรรยาของผม

 

ตอนที่แม่ค้ากำลังห่อไก่ใส่ถุง ผมก็เจอแม่และลูกชาย มาซื้อไก่

ผมให้แบงค์ห้าร้อยกับแม่ค้า ซึ่งไม่มีตังค์ทอน จึงเรียกให้ลูกของแม่ค้าไปหาตังค์ทอน

 

ผมจึงเดินไปดูคลองน้ำเล็ก ๆ ข้างร้าน

แต่หูก็ได้ยินเสียงร้องงอแงของเด็กชาย และตัดพ้อแม่ของเขาว่า ทำไมพามาช้า ไก่มันหมดแล้ว

ผมได้ยินเสียงพูดหลายประโยค ทั้งของแม่ค้า แม่และลูกชาย

เอาไส้กรอก หอยจ้อ หรืออย่างอื่นแทนไหม

ผมเลยเดินออกมาเพื่อรับไก่ที่ห่อพร้อมตังค์ทอน แต่ผมบอกแม่ค้าว่า...

ผมขอคืนหนึ่งชิ้นนะ...

ผมนำไก่สองชิ้นไปให้แม่และภรรยา แต่ไปซื้อหมูแดดเดียวที่ตลาดไปให้ทิมดาบ

 

ก่อนนอน ผมรู้สึกว่า ผมมีความสุข กับสิ่งที่ทำไปเล็กน้อยจากเหตุการณ์เล็ก ๆ เท่านั้น

ผมชนะสมองของผม ด้วยการใช้หัวใจของผม

และผมได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำไปให้ภรรยาและทิมดาบฟัง ไม่ใช่ว่าตัวเองจะจิตใจดีหรอกครับ แต่ถ้าเราคิดว่า การแบ่งปันสิ่งเล็ก ๆ มันทำให้เรามีความสุขไปด้วย

อย่างน้อย ผมก็ได้หว่านเมล็ดพันธุ์การแบ่งปันเล็ก ๆ ให้กับทิมดาบ และเด็กชายคนนั้น

 

เหมือนสิ่งที่คุณวินทร์ เลียววาริณ เล่าว่า สนามฟุตบอลที่บ้านตอนเด็กมันใหญ่เกินบรรยาย แต่พอโตขึ้นมีความคิดมากขึ้น มันกลับเล็กลง แต่กับความรักของแม่ ทั้งในวัยเด็กและปัจจุบัน ยังคงเดิมและกลับมีมากยิ่งขึ้น

 

...น่าประหลาด...ผ่านไปหลายปี  ภาพที่ใช้สมองมักไม่เหมือนเดิม...แต่ภาพที่ใช้หัวใจมองไม่เคยเปลี่ยน...

(ปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอล หน้า 33)

 

 

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2554

หมายเลขบันทึก: 444874เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 15:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

เป็นสิ่งเล็กๆ ที่มีค่ายิ่งใหญ่นะคะ...^v^

  • มีมุมคมๆ ให้อ่านบาดใจเสมอ
  • เลยนะครับ เป็นการสร้างสรรค์ที่ดีครับ

ป้าดโทะ.......... ผมเพิ่งไปดื่มด่ำกับกลอนของท่านอ.โสภณ มาครับ เสร็จแล้วก็ตรงแน่วมาที่บล็อกของคุณหมอ

คราวนี้ถึงกับต้องมีดที่กรีดล้ำเข้าไปในความคิด "หากภาพที่ใช้หัวใจมองไม่เคยเปลี่ยน การสอนเด็กๆด้วยมุมมองจากหัวใจ ก็จะติดตา

และตรึงอยู่ในหัวใจของพวกเขาไม่เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน " ... ขอบพระคุณคุณหมอมากครับผม

งดงาม เปี่ยมสุข อบอุ่น ด้วยรัก เล็กๆ หากยิ่งใหญ่ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ

"....การปรับเปลี่ยน และขยับอะไรบางสิ่งบางอย่าง อาจจะดูวุ่นวายขึ้น แต่บางครั้งผลลัพธ์กลับทำให้เราสุขใจไม่น้อย ...."

ชอบใจแนวคิดนี้จังเลย

เปรียบเหมือนการกลัวการเปลี่ยนแปลงของคนนะคะ

เพราะจุดเปลี่ยนที่เรากลัวนั้นบางทีมีสิ่งดีๆรออยู่...

แทนที่จะกลัว เราควรเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง....นะคะ

เพื่อไปพบสิ่งดีที่จะเกิดขึ้น

ความสุขเล็กๆที่ได้รับจากการเป็นผู้ให้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท