การทำการเกษตรและการประกอบอาชีพปัจจุบัน ได้มีการทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทั้งดิน น้ำ ป่า สัตว์และพืชอย่างรุนแรงในทุกด้าน
ด้วยความคิดที่ว่า สิ่งที่เราทำลายนั้น "บางอย่าง" เป็น "อุปสรรค" ขัดขวางความคิดของเรา และมองบางอย่างเป็น "ศัตรู"
แต่เราก็ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า แบบไม่สนใจว่าอะไรจะเสียหายบ้าง
ทำให้การประกอบกิจกรรมของเรา
ทั้งๆที่
พืชและสัตว์มีการจัดระบบ และวิวัฒนาการอย่างลงตัว ในทุกระบบนิเวศอย่างค่อนข้างสมบูรณ์
แต่คนเราเข้าไปรบกวนจนทำให้ระบบปั่นป่วน และมองระบบธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นอุปสรรค หรือเป็นศัตรู
เพียงเพราะ
เรามีความรู้แบบไม่เข้าใจธรรมชาติ ทำให้มองธรรมชาติเป็นศัตรู
แล้วก็ย้อนกลับมาทำลายทุกอย่าง อย่าง "รู้เท่าไม่ถึงการณ์"
อย่างที่เป็นอยู่อย่างทั่วไปในปัจจุบัน
อย่างมาก หรืออย่างดีที่สุด ก็คือ "พอรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว" เท่านั้นเอง
น่าสงสารมนุษยชาติจริงๆ
สวัสดีครับอาจารย์ครับ
พอรู้สึกตัวก็สายเกินไปเสียเเล้ว
ประโยคนนี้ไม่อยากได้ยินเลยครับ เมื่อวานมีน้องโทรศัพท์มาคุยเรื่อง การเปิดเสรีอาเซียน คุยกันเรื่องเเรงงานที่จะเกิดปัญหาในอนาคต รวมไปถึงที่ประเทศไทยยังไม่ค่อยตื่นตัวเรื่องนี้ สรุปสุดท้ายก็มีคำว่า เมื่อรู้ก็สายเกินไป...
หากรู้อนาคตตามที่คาดการณ์ไว้เป็น ที่เป็น Futures Research เเต่ไม่รองรับเเละหาแนวทางแก้ไข ถึงเวลาก็ยากที่จะแก้ไขครับ
There is hope.
Trust Nature.
Nature loves redundancy: back-ups, alternatives, changes (trials-and-errors) and 'best-fit'.
The key word here is 'best fit'. Nature is very fair (--unbiased--) to 'everything' (not just human beings).
If people cannot adjust themselves to Nature.
They fight Nature.
Nature has been around for some 300+ million years (by fossil records).
Man first came in the last million years.
Will Man be able to overcome Nature with sciences and technologies (understanding and applications)?
There is hope! ;-)