หญิงสาววัยเบญจเพสคนหนึ่งถูกส่งมาห้องฉุกเฉินด้วยอาการตกเลือด หน้าเธอซีดขาวราวกับกระดาษ ริมฝีปากแทบไม่มีสีเลือด ความดันโลหิตตก ชีพจรเบาเร็ว
เธออยู่ในภาวะช็อกจากเสียเลือดมาก
ฉันซักประวัติเธอถึงอาการและสาเหตุการเจ็บป่วย ส่วนหมอทำ U/S และตรวจร่างกายอย่างรวดเร็ว หมอบอกว่าเธอ “ แท้งลูก ”
ส่วนฉันและน้องให้การพยาบาลช่วยเหลือภาวะวิกฤติเนื่องจากหากให้การรักษาที่ล่าช้าเธออาจเสียชีวิต หมอบอกเธอว่าเธอต้องเข้าห้องผ่าตัดด่วนเพื่อช่วยหยุดเลือดและยังบอกไม่ได้ว่าภายในมดลูกเสียหายมากแค่ไหน
สิ่งที่ทำให้เราอึ้งไปเมื่อเธอบอกกับเราว่า หมอคะอย่าบอกแม่ได้ไหมว่าหนูแท้งลูก หนูยังไม่ได้แต่งงาน แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนูมีแฟนแล้ว
แม่ต้องรับไม่ได้แน่ๆถ้ารู้ว่าหนูท้อง หมอหันบอกกับฉันว่าเอาอย่างไรดีพี่
ฉันคิดว่าถ้าเราไม่บอกแม่เขาแล้วถ้าเข้าห้องผ่าตัดไปพบว่ามดลูกเสียหายมากอาจต้องตัดอวัยวะบางส่วนออกไปแล้วตอนนั้นเราก็จะต้องบอกแม่เขาอยู่ดี
แค่จะต้องเข้าผ่าตัดด่วนข้อมูลเบื้องต้นก็ควรต้องแจ้งให้แม่เขาทราบก่อน
อยู่ๆเราจะเข็นลูกเขาเข้าห้องผ่าตัดไปคงไม่ได้
ฉันรับปากว่าฉันจะช่วยพูดกับแม่เขาให้ ขอให้เขาสบายใจ ฉันจะช่วยพูดให้ดีที่สุดและฉันคิดว่าแม่ของคุณจะเข้าใจคุณบ้าง เธอพยักหน้าช้าๆ
ฉันรวบรวมความคิดว่าฉันมีทางเลือกไหนที่ดีเหลืออยู่บ้าง ก่อนจะเดินออกมาพบกับแม่ของเธอ คิดในใจว่าถ้าเธอคนนั้นเป็นลูกของฉันๆจะทำใจอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันเห็นภาพของป้าผู้เป็นแม่ของเธอนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาบริเวณที่พักรอตรวจและน้าอีกคนกำลังบีบนวดแขนขาให้เพราะป้าบอกว่าใจคอไม่ดีจะเป็นลม
แต่เมื่อป้าเห็นฉันเดินมาหาป้าก็ลุกพรวดขึ้นมาดึงแขนฉัน ช่วยลูกสาวป้าด้วยนะ
ลูกสาวป้าเป็นอะไรบอกมาซิ ทำไมเลือดมันออกมากมายขนาดนั้น
มันเป็นอะไรกันแน่ ถามมันๆก็ไม่บอก คุณพยาบาลบอกมาซิลูกป้าเป็นอะไร
ฉันพาป้ามานั่งคุยร่วมกับหมอที่ให้การตรวจรักษา
ฉันจับมือป้ามาบีบ อย่างน้อยเพื่อให้ป้ารู้ว่าฉันพร้อมจะให้ความช่วยเหลือเขา
ฉันบอกป้าว่า ป้าๆต้องเข้มแข็งนะ ทำใจให้ดีดีนะ
ตอนนี้สิ่งที่ลูกต้องการคือความเข้าใจ เห็นใจ เพราะสภาพร่างกายเธอบอบช้ำมาก เธอกำลังช็อกและเสียเลือด จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดช่วยชีวิต
หมอวินิจฉัยเบื้องต้นว่าเธอตกเลือดจากการแท้งลูก ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตามฉันเชื่อว่าแม่คือคนแรกที่พร้อมจะให้อภัยกับผิดพลาดของลูก
ป้าบีบมือฉันแน่น น้ำตาที่ไหลออกมาฉันรู้สึกว่ามันเหมือนสร้างความตีบตันในใจฉันให้มันเพิ่มขึ้นๆทุกที หวังเพียงว่าป้าจะผ่านนาทีนั้นไปได้
ป้าพูดว่าไม่จริงใช่ไหมหมอ ลูกฉันมันเป็นเด็กดีอยู่แต่บ้าน ไม่เคยไปเที่ยวไหนเหมือนใครๆเขาเลย อยู่บ้านช่วยขายของทั้งวันแล้วมันก็ไม่มีแฟน มันจะท้องได้อย่างไร หมอตรวจดูให้แน่ๆนะ หมอเวรกับฉันช่วยกันพูดอธิบายให้แกฟังพักนึง
ป้าแกก็ได้แต่ร้องไห้บีบแขนฉันไว้อย่างนั้น
ฉันบอกป้าว่าตอนนี้ฉันอยากให้เราช่วยกันภาวนาให้ลูกสาวป้าผ่าตัดอย่างปลอดภัย หมอใหญ่เขาตั้งใจช่วยเต็มที่ป้าเชื่อฉันนะ
ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูก ลูกสาวป้าเขาบอกฉันว่าเขาห่วงป้าและกลัวป้าจะเสียใจที่เขาท้อง แต่ฉันบอกเขาว่าไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูก
ไม่มีแม่คนไหนไม่ให้อภัยลูก ชีวิตของลูกสำคัญที่สุดในตอนนี้
เรื่องอื่นๆเอาไว้ค่อยพูดคุยกันทีหลังดีไหม ป้าพยักหน้าบอกฉันว่าอย่าบอกใครนะว่ามันแท้ง เพราะญาติฉันนั่งอยู่ข้างนอกหลายคน
ไม่มีใครรู้ว่ามันท้องแม้แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันท้อง ฉันอยากให้หมอช่วยปิดเป็นความลับ ฉันรับปากว่าฉันจะไม่บอกใครและขอให้ป้าสบายใจได้
ส่วนการรักษาหากว่าขณะผ่าตัดมีปัญหาอะไรหมอเขาจะบอกป้าอีกทีนะ
เย็นวันนั้นหลังลงเวร ฉันได้ไปแวะเยี่ยมเธอที่ตึกนรีเวชกรรม เธอนอนลืมตาแขนซ้ายมีน้ำเกลือส่วนแขนขวาก็ให้เลือด ฉันบอกเธอว่าดีใจที่เธอปลอดภัย ภาวนาให้เธอผ่านเรื่องร้ายๆไปด้วยดี แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้างก็ตาม ฉันได้บอกเธอว่ารักแม่ให้มากๆนะ ทำอะไรให้นึกถึงแม่นะ เธอพยักหน้าช้าๆพร้อมกับยิ้มบางๆให้ฉัน
( สุดท้ายป้าผู้เป็นแม่..ก็ต้องเป็นผู้เซ็นชื่อรับศพเด็กทารกวัย 3 เดือนไปมอบให้มูลนิธิเพื่อทำพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป )
วันนี้เราในวิชาชีพ “ พยาบาล ” คงได้แต่เพียงทำหน้าที่ของเราเพื่อเพื่อนมนุษย์ให้ดีที่สุด....ไม่ว่าเขาจะเป็นใครหรือมีอดีตความเป็นมาอย่างไร
ไม่อยากให้เกิดกับน้องๆ คนไหนเลย