"พี่หนาน"
นาย พรพจน์ พี่หนาน เรียงประพัฒน์

"ตั้งตัวให้ได้"


ไม่รู้จักกิน ไม่รู้จักใช้

ตั้งตัวให้ได้?

๑/๐๖/๒๕๕๔

**********

 

                วันนี้ผมตื่นแต่เช้า และรีบแต่งตัวมาเปิดร้าน ผ่านหน้าร้านที่เคยขายอุปกรณ์ก่อสร้าง แต่ยังขายน้ำมันแบบหลอดอยู่(ชนบทมาก)  ปรากฏว่าปิดเงียบ กะว่าจะเติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ชีพสักลิตร ลืมไปว่าวันนี้เป็นวันพิเศษของเขา คือ วันหวยออก เพราะเขาเป็น จ้าว ก็เลยไม่เปิดร้านตามปกติ

          กลุ่มแม่บ้านแถวบ้านผมวันนี้หยุดอยู่บ้านกันเยอะกว่าวันอื่น ๆ เนื่องจากจะหารายได้พิเศษ จากการ “ขายหวย” กัน คงไม่ต้องบอกว่า “ใต้ดิน” หรือ “บนดิน” เป็นรายได้ที่บางคนก็ได้เป็นกอบเป็นกำ  บางคนก็ได้รับ “ความระกำ” ในยามเย็น  ผมลองสอบถามคนขายหวยว่า แต่ละคนซื้อหวยกันคนละประมาณเท่าไหร่  เขาตอบว่า “ไม่แน่นอน แต่เมื่อเฉลี่ยทุกคนแล้ว น่าจะประมาณคนละไม่ต่ำ  ๒๐๐ บาท”  เมื่อลองคิดดูคร่าว ๆ แล้วก็เป็นจำนวนเงินไม่น้อย

                หมู่บ้านของผมเป็นหมู่บ้านใหญ่แบ่งหมู่บ้านเป็น ๓ หมู่   ใช้ถนนในหมู่บ้านเป็นเส้นแบ่งเขตหมู่บ้าน รวมกันทั้งหมด ประมาณ ๙๐๐ หลังคาเรือน  ถ้าคิดคนซื้อหวยเพียงหลังคาเรือนละ ๑ คน   คนละ ๒๐๐ บาท  ก็จะได้จำนวน  ๑๘๐,๐๐๐ บาท  เดือนหนึ่งซื้อ   ๒ งวด ก็จะเป็นจำนวนเงิน  ๓๖๐,๐๐๐ บาท  ถ้าคิดหนึ่งปี ก็จะเป็นจำนวนเงินถึง  ๔,๓๒๐,๐๐๐ บาท (แค่หมู่บ้านเดียวนะสี่ล้านสามแสนสองหมื่นบาทถ้วน) ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินที่คนทำงานธรรมดาทั่วไปที่ทำงานสุจริตทั้งชีวิตก็เก็บไม่ได้

          แต่จำนวนเงินดังกล่าวที่ว่านี้  กลับตกอยู่กับ “เจ้ามือหวย” เพียงคนเดียว  เข้าลักษณะ “ปลาใหญ่กินปลาน้อย” หรือ “สัตว์ใหญ่กินสัตว์น้อย”   หลายคนอาจกล่าวว่าใครเขาก็หวังที่จะร่ำรวยมีเงินมีทองกัน  หรือ มันเป็นเงินเล็กน้อยของเขาผู้เล่นเท่านั้น   ก็ไม่ว่ากัน  ผมไม่ได้อิจฉาเจ้ามือ  ที่แต่ละเดือนต้องนอนสะดุ้งเพราะได้เงิน(เถื่อน)มาก   แต่ผมเสียดายว่า  ถ้าเงินจำนวนดังกล่าวมันไม่กระจุกอยู่เฉพาะบุคคลเดียว และมันสามารถสร้างความเข้มแข็ง  ความมั่นคง หรือจัดตั้งเป็นกองทุน เป็นสหกรณ์ให้กับหมู่บ้านได้ มันก็จะเกิดประโยชน์ได้อย่างมหาศาล

          คนโบราณบ้านผมเขาสอนเปรียบเปรยถึงคนที่ตั้งตัวไม่ได้ หรือ สร้างครอบครัวไม่ได้ก็เพราะ

๑.      ผีสิง

๒.    น้ำท่วม

๓.     ไฟไหม้

๔.     ไม่รู้จักกิน ไม่รู้จักใช้

๑.  ผีสิง หมายถึง  การพนัน  การพนันนี้มีแหล่งกำเนิดมานานแล้ว แม้แต่ในพระไตรปิฎกก็กล่าวถึงและอธิบายไว้จำนวนมาก  เมืองไทยก็ไม่แพ้ชาติอื่น มีการพนันสารพัดรูปแบบหนึ่งในนั้นก็คือ  “หวย”  โดยเฉพาะ หวยใต้ดิน  เป็นการพนันที่หลายคนพากันมองข้าม  คือคิดว่า เล่น ไม่เป็นไร  ไม่ได้เสียหายอะไร  ไม่มีผลกระทบอะไร เล่นกันทั้งหมู่บ้าน ตั้งแต่เยาวชนยันผู้เฒ่าผู้แก่  แต่ถ้าเราลองคิดคำนวณดูสักนิดก็จะเห็นว่า เราใช้เงินไม่เกิดประโยชน์  เปอร์เซ็นต์การถูกหวยนั้น มีผู้คิดคำนวณไว้แล้วว่า “น้อยมาก” หรือ “แทบจะไม่มี” เลย

ถ้าเรา ตัดใจ จากการซื้อหวยในแต่ละงวดหันมาเก็บเงินที่ใช้ซื้อใส่กระปุกออมสินไว้  คงจะได้ไม่น้อย คิดเล่น ๆ ดู  เดือนละ  ๔๐๐ บาท  หนึ่งปีก็จะได้  ๔,๘๐๐ บาท เฉพาะค่าหวยอย่างเดียวนะ  ถ้ารวมกับที่เราเก็บอย่างอื่นอีก ปีหนึ่งก็ไม่ใช่น้อย ๆ เหมือนกัน

๒.  น้ำท่วม  หมายถึง  สุราเมรัย   ทางพระพุทธศาสนาถือว่า การพนัน และ สุราเมรัย คือ อบายมุข หมายถึง “ปากทางแห่งความเสื่อม”  พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค  ข้อที่ ๑๗๘  หน้าที่ ๑๔๑  พระพุทธองค์ใช้คำว่า ทางเสื่อมแห่งโภคะ (สมบัติ ที่หมายถึงของกิน และของใช้ ) ตรัสแสดงไว้  ๖ ประการ โดยเนื้อความอย่างนี้

การประกอบเนือง ๆ  ซึ่ง การดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท...การเที่ยวไปในตรอกต่าง ๆ ในกลางคืน...การเที่ยวดูมหรสพ...การพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท...การคบคนชั่วเป็นมิตร...ความเกียจคร้าน  เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ (กล่าวถึงโทษไว้ในข้อ ๑๗๙ )

ทางเสื่อมโภคะเบื้องต้นมีข้อสังเกตคือ การดื่มน้ำเมา และเล่น การพนัน บ่อย ๆ เนือง ๆ นอกจากจะเป็นทางนำไปสู่ความเสื่อมแห่งทรัพย์สมบัติแล้ว ยังเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท อาจนำไปสู่ ความตาย ดังพุทธศาสนสุภาษิตว่า “ปมาโท มจฺจุโน ปทํ”  ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย ได้ด้วย

ในแต่ละปีสถิติการดื่มเหล้าของคนไทยไม่น้อยหน้าชาติใดในโลกติดอันดับต้น ๆ   ไม่ว่าจะเป็น สุราขาว สุราแดง สุราเถื่อน หรือ เบียร์  คนไทยส่วนใหญ่นิยมดื่มกันมาก  ถ้าคิดเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าเหล้า  น่าจะมากกว่า ค่าหวย  ด้วยซ้ำ   ผมสอบถามครอบครัวที่ “ดื่มเหล้าเถื่อน”  เขาจะดื่มวันละ  ๑ ขวด ขวดละ  ๕๐ บาท  ถามที่คนเขาดื่ม  เหล้าขาว  ราคาขวดละ ๗๐ บาท   หนึ่งเดือน  ๒,๑๐๐  บาท หนึ่งปีก็จะเป็นเงิน  ๒๕,๒๐๐ บาท  ส่วน เหล้าแดง ไม่ต้องพูดถึงแพงกว่าหลายเท่า

๓.  ไฟไหม้  หมายถึง  บุหรี่ ยาบ้า เฮโรอีน  ของที่ต้องเผาให้เกิดกลิ่นเกิดควัน เกิดความเมามัน เพลิดเพลิน จนถึงกับเกิดความบ้า อาจจะไม่ใช่สามอย่างดังกล่าวมานี้ก็ได้  นอกจากจะ เผาปอด ตัวเองแล้ว  ยังเป็นการ เผาเงิน  ให้หมดไปอย่างไร้สาระไร้ประโยชน์อีกด้วย  ขณะนี้ ม้า แถวบ้านผมราคาที่เมื่อสืบถามคนที่เสพแล้ว เม็ดละ ๒๕๐ บาท (จากเดิม ๓๐๐)  ผมไม่รู้ว่าวันหนึ่ง คนเสพ ต้องกินกันวันละกี่ ขา แต่ถ้า เผาม้า กัน วันละ  ๑ เม็ด (๔ ขา) ก็เท่ากับเผาเงินไปจำนวน  ๒๕๐ บาท  หนึ่งเดือน  ๗,๕๐๐ บาท   หนึ่งปีก็  ๙๐,๐๐๐ บาท  แล้ว

คนที่สูบม้าส่วนใหญ่มีฐานมาจากการสูบบุหรี่เป็นมาก่อน  บางคนก็สูบมันทั้งสองอย่าง พร้อมกันเลย  ปัจจุบันบุหรี่ก้นกรอง ซองละ  ๕๐ บาท  เฉลี่ยวันละ ๑ ซองต่อคน  หนึ่งเดือน  ๑,๕๐๐ บาท หนึ่งปีก็ ๑๘,๐๐๐ บาท แล้ว

                ๔.  ไม่รู้จักกิน  ไม่รู้จักใช้”     ข้อนี้ก็คงต้องถือเอา ๓ ข้อเบื้องต้นมากล่าวรวมกันหละ  เพราะแทนที่จะเอาเงินไปซื้อ ของกิน ที่เป็นประโยชน์  เช่น อาหารดี ๆ  ยารักษาโรคดี ๆ   หรือแทนที่จะนำเงินไปซื้อ ของใช้  เช่น  เสื้อผ้าสวย ๆ  เครื่องแต่งกายดี ๆ  เครื่องสำอางดี ๆ  กลับเอาไป เล่นหวย ซื้อเหล้า มา ทำลายตับ ตนเอง   

ในแต่ละเดือน  ถ้าเราเล่นหวย  ๔๐๐  บาท   ดื่มเหล้า  ๑,๒๐๐ บาท  สูบบุหรี่(ไม่คิดยาม้า)  ๑,๕๐๐ บาท    รวมเป็นเงิน  ๓,๑๐๐ บาท  เข้าไปแล้ว   ถ้าเงินเดือนเรา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  ๑๖  สิงหาคม  ๒๕๕๓   ขั้นพื้นฐานระดับปริญญาตรีอยู่ที่    ๘,๓๔๐  บาท    หมดค่าหวย  ค่าเหล้า  ค่าบุหรี่ ไปแล้ว  ๓,๑๐๐ บาท   เหลือเงิน  ๕,๒๔๐ บาท  จะต้องมีภาระจ่ายอยางอื่นอีก คือ

ค่าน้ำ  เดือนละประมาณ  ๖๐ บาท  

ค่าไฟ (ไม่เสียรัฐบาลออกให้) 

ค่าเช่าบ้านเดือนละ   ๓,๐๐๐ บาท   

ค่าอาหาร เฉลี่ยวันละ  ๑๐๐ บาท (มื้อละ  ๓๐ กว่าบาท ข้าวผัดกระเพรา ๓๐ บาทที่เหลือเป็นค่าน้ำเปล่า)   เดือนละ  ๒,๐๐๐ บาท 

ค่ารถไปทำงานวันละ  ๒๐ บาท  เดือนละ  ๖๐๐ บาท

ค่าซักผ้าเดือนละ ๓๐๐ บาท

รวมค่าใช้จ่ายต่อเดือน (ไม่รวมค่าโทรศัพท์มือถือ) ที่ผมคิดว่าใกล้ความเป็นจริงมากที่สุดในปัจจุบันทั้งหมด   ติดลบ  ๗๒๐ บาท    ในขณะเดียวกัน  ถ้าเราไม่ได้จ่ายค่าผีสิง  น้ำท่วม  และไฟไหม้ แล้ว  เราก็จะมี เงินเหลือถึง   ๒,๓๘๐ บาท  ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เราสามารถเก็บได้ในแต่ละเดือน  หรือไม่ก็เก็บเอาไว้ใช้จ่ายเมื่อมีครอบครัว  มีลูก เพิ่มเข้ามา  ซึ่งจะต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย  ค่านม  ค่าเสื้อผ้า  ค่าอาหาร  ค่าอะไรต่อมิอะไรอีกจิปาถะ   ลำพังเงินเดือน   ๘,๓๔๐  บาท คงไม่พอหรอกครับ

อย่างน้อย ก็ยังดีกว่าคนแถวบ้านผมที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำงานเป็น เงินปี   รายได้ไม่แน่นอน ไม่มีใครทำบัญชีรับ-จ่าย ในครัวเรือน   เข้าลักษณะนำ เงินอนาคต จากสหกรณ์ฯ ธ.ก.ส.  มาใช้กันก่อน และก็หมุนเวียน ส่ง-กู้ ๆ  กันไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบสิ้นและไม่รู้หรอกว่า  จริง ๆ แล้ว ตนเอง ได้เงินปีกันคนละเท่าไหร่  ภูมิใจเถิดครับที่เรายังรู้รายได้จากเงินเดือนที่แน่นอน

ถ้ารู้จักกิน รู้จักใช้ จริงก็ต้อง  งดเหล้า   เพลาหวย   เลิกด้วยบุหรี่   เท่านี้ เราก็จะเริ่มตั้งตัวได้แล้วครับ

 

 

หมายเหตุ : ผมเริ่มเขียนเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา  แต่ติดธุระและงานยุ่ง เลยต้องมานั่งทบทวนและเขียนใหม่อาจมีความสับสนต่อผู้อ่านบ้าง

                 

หมายเลขบันทึก: 442393เขียนเมื่อ 4 มิถุนายน 2011 16:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน 2013 13:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

บอก ยาก ครับ ความสุข ของชาวบ้าน 5555

ขอบคุณครับ สำหรับข้อคิด ผมไม่ได้ปฏิบัติทั้ง ๓ อย่าง แต่มีข้อเสีย มักไม่ค่อยให้เวลากับครอบครัว

  • ขอบคุณคำโบราณดี ๆ ที่เตือนใจค่ะ

อ่านแล้วได้ข้อคิดในการใช้ชีิวิตมากๆ คะ

"โชคดีแล้วเรา ที่ไม่ชอบเล่นหวย"

สวัสดีครับคุณชยันต์ เพชรศรีจันทร์

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจนะครับ

ตามแต่สถานการณ์ของแต่ละท่านนะครับ

ผมเองกว่าจะตั้งตัวได้ก็ผ่านมาพอสมควรเหมือนกัน

สวัสดีครับ นายศุภรักษ์ ศุภเอม

ผมก็ว่าไปตามความเป็นจริงตามหลักการนั่นแหละ

ส่วนใครจะปฏิบัติได้ไม่ได้ก็แล้วแต่ท่านนะครับ

ไม่ได้ไม่ให้เล่นหวย แต่ให้เพลาๆ บ้างครับ

สวัสดีครับคุณธรรมทิพย์ คุณฮูด้า

ขอบคุณทั้งสองท่านที่ให้กำลังใจแวะเข้ามาอ่าน

"หมากล้อมเดินยังต้องคิด หมากชีวิตเดินไม่คิดได้ไง"

เกี่ยวกันไหมเนี่ย..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท