หนานเกียรติ
เกียรติศักดิ์ หนานเกียรติ ม่วงมิตร

พี่ตั้ว-ประดิษฐ์ ประสาททอง


คนในแวดวงการละครเวทีไม่น่าจะไม่มีใครรู้จักพี่ตั้ว-ประดิษฐ์ ประสาททอง โดยเฉพาะกลุ่มละครทางเลือกหรือละครสร้างสรรค์สังคม

     พี่ตั้วเป็น NGOs ที่บุกเบิกใช้การละครเป็นเครื่องมือในการทำงานพัฒนากับเด็กและเยาวชน ในนาม “กลุ่มมะขามป้อม” จนกระทั่งงานการละครเข้ามามีที่อยู่ที่ยืนในงานพัฒนาอย่างหนักแน่นมั่นคง เป็นเครื่องมือที่เยี่ยมยอดในการพัฒนา/สร้างศักยภาพเยาวชน

     พี่ตั้วขยับถอยและลดบทบาทตัวเองออกมาจากกลุ่มมะขามป้อมหลายปีแล้ว โดยมีทีมงานที่เข้มแข็งเดินหน้าสร้างสรรค์งานต่อไป กระทั่งบัดนี้กระบวนการเรียนรู้ผ่านการละครได้ขยายขอบข่ายการทำงานไปแล้วทั่วประเทศ

     นอกจากนั้นแล้ว พี่ตั้ว ยังเป็นแกนนำหลักคนสำคัญในการขับเคลื่อนก่อร่างสร้าง “เครือข่ายละครกรุงเทพฯ” จนเป็นรูปเป็นร่าง และมี “เทศกาลละครกรุงเทพฯ” ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุก ๆ ปี เป็นผลงานที่สำคัญ

     สำหรับ “เทศกาลละครกรุงเทพฯ” นั้น มิได้มีส่วนในการพัฒนาศิลปการละครในฝั่งของผู้สร้างเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมการดูละครของผู้ชมด้วย ผมเองก็เป็นอานิสงส์หนึ่งในนั้นด้วย

     พี่ตั้วคงจะได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย รวมทั้ง รางวัลศิลปาธรปีแรกสาขาศิลปะการแสดง ซึ่งมอบให้กับศิลปินร่วมสมัย และ รางวัลอโชก้าเฟลโลว์ รางวัลสำหรับผู้ประกอบการทางสังคม ฯลฯ

     ในส่วนรางวัลอโชก้าเฟล์ดลว์ที่พี่ตั้วได้รับนั้น ผมทราบมาว่า พี่ตั้วควรจะได้รับรางวัลนี้ก่อนหน้าที่จะได้รับจริงหลายปี แต่เป็นเพราะอโชก้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่พี่ตั้วทำก็ทำให้ต้องเลื่อนการให้รางวัลออกไป อันที่จริงก็น่าเห็นใจอโชก้าเหมือนกัน เพราะสิ่งที่พี่ตั้วทำหากจะพูดกันแบบตรงไปตรงมา ไอ้การเต้นกินรำกิน จะมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสังคมได้อย่างไร...

     ผมเคยโฉบเฉี่ยวไปใกล้พี่ตั้วในลักษณะการร่วมงานกันคราวหนึ่ง เมื่อคราวที่ผมยังทำงานอยู่ในศูนย์ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษแห่งชาติ ในตอนนั้นผมและทีมงานนิยามว่าความสามารถพิเศษด้านการแสดงเป็นความสามารถพิเศษประการหนึ่งที่ควรได้รับการส่งเสริม จึงผลักดันให้มีค่ายการละครขึ้น โดยได้ร้องขอให้กลุ่มมะขามป้อมมาเป็นผู้ดำเนินการ ผู้ลงมือดำเนินการคือทีมงานของมะขามป้อม พี่ตั้วมาร่วมบ้างเป็นบางคราว โดยเฉพาะในช่วงท้ายของค่ายฯ

     ผมเจอกับพี่ตั้วไม่บ่อยนัก น่าจะราวปีละครั้ง แต่เพราะอิทธิฤทธิ์ของ Social Network บนสังคมออนไลน์ ทำให้ผมได้พบและคุยกับพี่ตั้วในนั้นถี่ขึ้น แทนที่จะรอจังหวะมาพบกันแบบตัวเป็น ๆ

     วันหนึ่งพี่ตั้วโพสต์ข้อความลงใน Facebook ในหน้าของเขาว่า

วันนี้จะได้ปลื้มกับบทพระไวยอีกเพียงสองรอบ ก่อนอำลาเวทีไปรับบทบาทใหม่ในวันพรุ่ง นี่แหละชีวิตคนละคร

     ผมเกือบเขกกระโหลกตัวเองสักโป๊กนึง เพราะมัวแต่ไปเซ่อซ่าอยู่ที่ไหนจนไม่รู้เรื่องรู้ราว การพูดคุยกันใน Facebook ทำให้รู้ว่าวันนี้จะมีละครที่พี่ตั้วกำกับและเล่นสองรอบสุดท้าย บ่ายรอบนึงและอีกรอบนึง ตอนทุ่มครึ่ง ที่ หอศิลป์บ้านจิมทอมสัน เรื่อง “The Return of Wanthong” หนึ่งในกิจกรรมสำหรับนิทรรศการ Re-Reading Khun Chang Khun Phaen ของที่นี่

     เวลาเลยทุ่มไปเล็กน้อย ผมก็ยืนทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออย่างน่าสงสารอยู่ที่โต๊ะลงทะเบียน บนหอการแสดงศิลปะ บ้านจิมทอมสัน เพราะบัตรเต็ม เจ้าหน้าที่ขายบัตรบอกให้รอเผื่อว่าจะมีคนที่จองไว้แล้วไม่มา กระทั่งนาทีสุดท้ายก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเชิญผู้ชมผมก็ได้ตั๋ว แล้วผมก็ได้พบกับพี่ตั้วอีกครั้งบนเวทีในบทพระไวย “จมื่นไวยวรนาถ” ลูกชายของนางวันทอง ที่ผมตะเกียกตะกายไปดูจนได้

 

     เวลาหนึ่งชั่วโมงที่หมดไปอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว

     ละครบ้าอะไรกันวะเนี่ย ทำไมทำได้ดีขนานนี้ ทั้งเพลงประกอบ บทเสภา บทกวี นักแสดง และบทละคร ฯลฯ ผมรำพึงรำพันกับตัวเอง ขณะเดินออกจากห้องแสดงละคร

     ไม่เพียงความรื่นรมย์และสุนทรีย์ที่ได้รับจากละครเท่านั้น ละครเรื่องนี้ให้คำอธิบายทำให้ผมหมดเรื่องราวคาใจเกี่ยวกับนางวันทองไปจนสิ้น

     ผมคุยกับพี่ตั้วกันคนละประโยค แล้วก็แยกตัวออกมาเพราะแฟนนานุแฟนพี่ตั้วต่อแถวยาวรอมาแสดงความยินดีและขอบคุณที่สร้างสรรค์ละครดี ๆ มาให้ได้ชมกัน

     อันที่จริงแล้วความสามารถด้านการละครของพี่ตั้วมิใช่แรงบันดาลใจอะไรสำหรับผมหรอก ในเรื่องนี้แล้วผมน่าจะเป็นนักชมละครระดับปลายแถว แต่สิ่งที่ผมชื่นชมพี่ตั้วก็คือ “วิถี” ของพี่แกตะหาก

     พี่ตั้วได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงของคำพระสอนข้อหนึ่งที่ว่า “การอยู่อย่างต่ำแต่กระทำอย่างสูง”

    ขอคารวะพี่ตั้วด้วยบันทึกนี้ครับ...


.

 

.

หมายเลขบันทึก: 441447เขียนเมื่อ 30 พฤษภาคม 2011 11:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

เคยได้ยินกลุ่มมะขามป้อม พร้อมกับกลุ่มกระจกเงา ทึ่งกับงานที่พี่ทำ แต่อยากเป็น พระเอกละครบ้างนะ เรื่องอะไรดี

ผมมีโอกาสได้รับการอบรมสั่งสอนตอนที่ยังเป็นนักศึกษาที่ลาดกระบัง สำหรับชมรมศิลปการแสดง พี่ตั้วเป็นคนที่ไฟและความมุ่งมั่นแรงกล้าครับ ตอนนั้นกลุ่มมะขามป้อมเริ่มตั้งได้ไม่นาน แต่การมุ่งเน้นเรื่องเด็กภาพใต้กรอบสื่อชาวบ้านชัดเจนมาก ผมก็พึ่ง add พี่เค้าใน facebook สอง สามวันก่อนเอง

ดีมากเลยครับเป็นตัวอย่างที่ดีด่อเยาวชนไทยในศิลปอีกด้านและชอบในฝีมือการกำกำงานละครเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วใครสนใจอยากให้ลองตามดูงานของพี่ตั้วดูเพราะหน้าสนใจจริงจริง

ในฐานะเป็นอาสาสมัครกลุ่มละครมะขามป้อม เป็นศิษย์ เป็นน้อง..เป็นคู่กัด และเพื่อนบ้านคอนโดเดียวกัน....เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ..."การอยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง" ของพี่ตั้ว....พี่ตั้วเป็นอย่างนั้นจริงๆ....อยากให้ทุกคนร่วมเป็นกำลังใจและช่วยกันผลักดันศิลปินคนนี้ให้สร้างสรรค์งานศิลปะต่อไป....เพราะพี่ตั้ว เกิดมาเพื่อเป็นศิลปินของชาติ

                          

แปลกดี อาทิตย์นี้เพิ่งกำลังนึกถึงเรื่องขุนช้างขุนแผนอยู่พอดีเลย, ผมเพิ่งไปจังหวัดบุรีรัมย์ พอเสร็จสิ้นกิจกรรมในโปรแกรมต่างๆที่เขาเตรียมไว้ให้แล้ว ก็ได้ไปที่ประสาทหินเขาพนมรุ้งกัน ช่วงที่ได้ดูรูปแแกะสลักหินรูปหนึ่งตรงปลายเท้าของนารายณ์บรรทมสินธุ์ ในนั้นมีรูปนักหัสดีลิงค์คาบช้างอยู่ ผมก็นึกถึงเทพนิยายและเรื่องราวที่สืบทอดเป็นตำนานของประเทศต่างๆ รวมทั้งนึกถึงวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนตอนนางเทพทองเมียขุนศรีวิชัยตั้งครรภ์และฝันว่ามีนกตะกรุมคาบซากช้างมาให้ แล้วก็ได้ลูกออกมาเป็นขุนช้าง นึกถึงอยู่พอดีเลยนะเนี่ยหนานเกียรติ

สวัสดีค่ะน้องหนานเกียรติ

  • สังคมออนไลน์ ทำให้เราได้เจอกับเพื่อนเก่า ๆ มากมาย รวมทั้งได้เพื่อนใหม่อีกมากมายเช่นกัน
  • ขอสารภาพว่า ชีวิตนี้ยังไม่เคยดูละครเวที ดัง ๆ แบบนี้เลยค่ะ
  • เคยดูแต่บทบาทสมมุติ หรือไม่ก็ละครตอนเข้าค่ายลูกเสือหน่ะค่ะ จริง ๆ นะคะ
  • อ่านบันทึกน้องหนานเกียรติแล้ว อยากไปดูละคนเวทีแบบนี้บ้างจังเลยค่ะ
  • คงได้มีโอกาสสักครา  น้องหนานเกียรติสบายดีนะคะ 

ความเห็นของอาจารย์วิรัตน์ คำศรีจันทร์ พร้อมรูปภาพ ผมประทับใจมาก พอๆ กันกับเรื่องราวของหนานเกียรติ์ ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท