สรุปรายงานการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ
โครงการ พัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
(รพ.สต.)
และภาคีเครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
เขตสาธารณสุขที่ 14 (นครชัยบุรินทร์)
(เขต 14 นครชัยบุรินทร์ คือ จ.นครราชสีมา จ.ชัยภูมิ จ.บุรีรัมย์
และ จ.สุรินทร์)
วันที่ 2-4 พฤษภาคม 2554 ณ. โรงแรมสบายโฮเทล
จ.นครราชสีมา
-
ผู้เข้าร่วมประชุม
จากในพื้นที่สาธารณสุขเขต 14 นครชัยบุรินทร์
- บุคลากรที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชน (รพช.)ใน 3
จังหวัดๆ ละ 2 แห่ง รวม 6 แห่ง
- บุคลากรที่ปฏิบัติงานใน รพ.สต.
ในเขตอำเภอเดียวกับ 6 รพช. ข้างต้น รวม 24 แห่ง
- บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
ทั้ง 3 จังหวัด รวม 34 คน
(ขาด
จ.สุรินทร์เพราะมีความไม่สงบชายแดนห้ามเจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่)
- บุคลากรศูนย์อนามัยที่ 5
ที่รับผิชอบโครงการวิจัยฯ และประเมินรับรองมาตรฐาน
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ HPH plus รวม 12 คน
รวมทั้งหมดประมาณ 46 คน เป็น
ส่วนหนึ่งของ
แกนนำเครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
เขตสาธารณสุขที่ 14
(นครชัยบุรินทร์)
สรุปการกล่าวรายงาน และเปิดงาน
โดย นางจารุวรรณ
จงวนิช และ นายแพทย์อมร แก้วใส
-
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ และความสำคัญ ของโครงการฯ กำหนดการ
และกิจกรรมต่างๆ ในการประชุมสัมมนา
- ความสำคัญ ความสำเร็จ
ของการส่งเสริมสุขภาพของประเทศในทุกระดับสถานบริการเสริมกับการรักษา
ป้องกัน และฟึ้นฟูสุขภาพ
- นโยบาย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
ที่จะเน้นการส่งเสริมสุขภาพเป็นหลัก
จะเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะโรงพยาบาลระดับอำเภอและระดับจังหวัด
- การประเมินรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ( HPH )
ในโรงพยาบาลระดับอำเภอ และระดับจังหวัด ครบทุกแห่งเป็นการเรียนรู้
การส่งเสริมสุขภาพที่สำคัญ
ที่จะเชื่อมโยงถึงการส่งเสริมสุขภาพในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
เป็น ภาคีเครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ เขตสาธารณสุขที่ 14
(นครชัยบุรินทร์)
- ความหมายของ Health Promotion, การส่งเสริมสุขภาพตามกลุ่มวัย,
Health Promoting Hospital, Ottawa Charter to Bangkok Charter for
Health Promotion.
การพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโดยภาคีเครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
เขตสาธารณสุขที่ 14 เป็นเรื่องสำคัญหลักในการประชุมสัมมนาครั้งนี้
- สรุปคำบรรยายเรื่อง
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
จากนโยบายสู่การปฏิบัติ
โดย เภสัชกร สุรัติ ฉัตรไชยาฤกษ์
ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
- การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี การเมือง
โครงสร้างของประชากร การประกันสุขภาพ พฤติกรรมสุขภาพ
และการรับบริการที่เปลี่ยนไป มีผลต่อ ระบบบริการสุขภาพอย่างมาก
และเชื่อมโยงกัน
- การยกระดับ สอ. 9,762 แห่งเป็นรพ.สต.เป็นจุดเปลี่ยน
ระบบสาธารณสุขครั้งสำคัญ
ที่จะพัฒนาระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย
การเปลี่ยนแปลง สอ. เป็น รพ.สต.
อาจต้องใช้เวลานานเหมือน
เปลี่ยนศูนย์การแพทย์และอนามัยเป็นรพ.ชุมชนในอดีต
- ควรเอางานเป็นที่ตั้ง มากกว่าคิดว่า รพ.สต.เป็นของใคร
ต่อไปนี้ไม่มีสถานีอนามัยแล้ว มีแต่ รพ.สต.
แม้การเมืองจะเปลี่ยนแปลงเพราะดำเนินการทางนโยบายเป็นทางการไปมากแล้ว
การเปลี่ยนป้ายเป็นเพียงก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลง
- โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ
และมะเร็ง นับว่าเป็นปัญหามากขึ้น
แม้เราทำได้ดีขึ้นในการคัดกรอง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น
ทำอย่างไรให้ผู้ป่วย มา รพ.ใหญ่น้อยลง ไปรพ.สต. มากขึ้น
เพื่อลดค่าใช้จ่าย และ พุดคุยเข้าใจโรคได้มากขึ้น
มีกิจกรรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากขึ้น ทั้งใน รพ.สต.
และในชุมชน
- การส่งเสริมสุขภาพตามกลุ่มเป้าหมายหลัก คือกลุ่มแม่และเด็กวัยรุ่น
วัยทำงาน วัยสูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ป่วยเรื้อรัง
และกลุ่มสถานที่เช่น ครัวเรือน โรงงาน โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก เป็นต้น
อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายของประเทศ
- รพ.สต. มีรั้วตำบลเป็น รั้วของโรงพยาบาล
เตียงที่บ้านผู้ป่วย คือเตียงของโรงพยาบาล มีทีมสหวิชาชีพต่างๆ
เช่นพยาบาลวิชาชีพ หรือพยาบาลเวชปฏิบัติ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทันตภิบาล นักกายภาพ
ร่วมดูแลสุขภาพคนในตำบล โดยเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน
- เน้นการสร้างเสริมสุขภาพ
และการป้องกันโรค คือยกระดับสุขภาพให้ดีขึ้น เช่น
ทำให้เกิดการออกกำลังกาย การเลือกกินอาหารที่ไม่ทำลายสุขภาพ
มีความเชื่อมโยงถึง ระบบบริการสุขภาพกับโรงพยาบาลชุมชน
และทุกภาคส่วน
- การทำงาน ของ
รพ.สต.จะผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ รพ.สต.
มีองค์ประกอบกรรมการบริหาร รพ.สต. 3 ส่วนคือ ฝ่ายท้องถิ่น
ฝ่ายชุมชนและฝ่ายเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เป็นเลขานุการ ไม่ใช่ รพช.
ย่อส่วน
- ควรมีรูปแบบดำเนินการที่ดี ด้านบริหารจัดการ
กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม
ความเข้มแข็งของภาคีเครือข่าย การจัดบริการสุขภาพ โดยเฉพาะด้าน
การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ระบบการส่งต่อ
โครงสร้างพื้นฐาน ด้านอาคารสถานที่ สาธารณูปโภค ยานพาหนะ
เครื่องมือและอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ Video Conference
สรุปคำบรรยาย
แนวคิดการพัฒนางานสาธารณสุขยุคใหม่
โดย นายแพทย์วินัย
วิริยะกิจจา อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข
- กล่าวให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ รพ.สต. ให้มีความสุข
กับการทำงานให้ดีขึ้น โดยอยู่กับชาวบ้านอย่างมีความสุข
โดยแข่งขันกับตัวเอง
ยึดถือความถูกต้องตามบริบทท้องถิ่นและใช้ทางสายกลาง
ควรตามสังคมให้ทันเช่น ตามเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้
- สุขกับการเป็นลูกน้อง และหัวหน้าที่ดี ไม่ควรไปกังวลอดีต
หรืออนาคตมาก ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด มีการเรียนรู้ตนเอง เรียนรู้สังคม
และเรียนรู้วิชาการ ชีวิตจะมีค่าจากการทำงาน
และเล่าประสบการณ์การทำงานสาธารณสุขในอดีต
-
สรุปการอภิปรายหมู่“มุมมองการสร้างเสริมสุขภาพในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล”
- โดยประธานชมรมผู้อำนวยการ
รพ.สต. เขต 14
นางปราณี
ประไพวัชรพันธ์ ผู้อำนวยการ รพ.สต. นาราก
อ. ครบุรี
จ.นครราชสีมา
-
รู้สึกดีที่มีคำว่า ส่งเสริมสุขภาพ ใน
รพ.สต.เพื่อบรรจบกับงานซ่อมสุขภาพ ตามนโยบาย
ที่ให้คุณค่าต่อสถานีอนามัย
หรือศูนย์สุขภาพชุมชนเป็นอย่างมาก
-
การยกระดับคุณภาพได้โดย หลักบริหารและวิชาการมาสนับสนุน
โดยรู้จักและเข้าใจ โดย ทบทวนเนื้อหาความรู้เดิม เกณฑ์มาตรฐานต่างๆ
แนวทางของ สปสช.และหลักการคุณภาพ เทียบกับที่อื่น
นำมาสร้างคุณค่าร่วมกับเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน โดยใช้หลัก Ottawa
Charter
-
เมื่อถามชาวบ้านในชุมชนเรื่องสุขภาพ
ตอบว่าความพอดีกันของคนกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราคือสุขภาพ
เมื่อเข้าใจกันดีจึงออกแบบงานตามกลุ่มอายุ
โดยศึกษาจากหน่วยงานวิชาการต่างๆ
รวมเป็นศูนย์ข้อมูลวิชาการให้ประชาชน
-
ออกแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพประชาชน
เพื่อประชาชนดูแลตนเองได้สุขภาพดี ได้ออกแบบงานหลายอย่าง
และมีการทบทวนงานเป็นระยะๆ เป็นระบบไป
และวางเป็นแนวทางให้ทุกคนปฏิบัติโดยร่วมมือกับทางรพช.
มีแนวทางการนำร่องการส่งเสริมสุขภาพระดับครอบครัว ที่เชื่อมกับ Family
folder
-
โดยประธานชมรมสาธารณสุขอำเภอ เขต
14
นายวัชรา
เชวงกูล สาธารณสุขอำเภอปากช่อง
จ.นครราชสีมา
-
ความก้าวหน้าของ ผอก.รพ.สต.จะเป็นระดับ 8 ซึ่งจะมาจากนักวิชาการ
สาธารณสุขอำเภอจะได้ระดับ 8
ความภูมิใจในอดีตงานหมออนามัยเช่นส้วม100 % โรคฝีดาษ
พยาธิบางอย่างหมดไป นโยบายปัจจุบัน 4 มิติคือ รักษา ส่งเสริม ป้องกัน
ฟื้นฟู และมีนโยบายงานใหม่
คืองานคุ้มครองผู้บริโภคตามกฎหมายซึ่งจะยาก
-
การส่งเสริมสุขภาพ มีกลยุทธ์ของ Ottawa คือการชี้นำ
การเพิ่มขีดความสามารถ และการไกล่เกลี่ยเช่นโรงงานกับสุขภาพ
ไม่เพียงกลุ่มวัยเท่านั้นควรจะเป็นทั้งชุมชนที่เกี่ยวข้องควรมีนโยบายสาธารณะ
และอปท. มีส่วนร่วม มีการดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อมต่างๆตามสถานที่สาธารณะ
เช่น บ้าน วัด โรงเรียน ตลาด ปั้มน้ำมัน
สถานที่ท่องเที่ยวเป็นต้น
-
การสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
เพื่อส่งเสริมสุขภาพตนเองตามคำจำกัดความการส่งเสริมสุภาพ เช่น
กรรมการต่างๆ ให้มีนโยบายสาธารณะที่ชัดเจน ด้านส่งเสริมสุขภาพ
จัดการกับปัญหาตนเองได้ วัดได้ มีคุณภาพ วางแผนดำเนินการได้
ก็จะทำงานส่งเสริมสุขภาพได้ผลดี
-
ปรับบทบาทเจ้าหน้าที่ ให้มีสำนึกด้านการส่งเสริมสุขภาพ
มากกว่าการรักษาตั้งรับ ปัจจุบันงานรักษามีมากขึ้นทุกแห่ง การเยี่ยม
Home ward ยังไม่ได้เงินจาก สปสช. แต่รพช.ได้แล้ว
-
การพัฒนาคนให้มีทักษะต่อชีวิตดี เช่นติดเหล้า
การปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ การลดหวาน มัน
เค็ม ออกกำลังกาย ไม่เสี่ยง
เจ้าหน้าที่จัดการกับความเครียดได้
-
โดยผอก. รพ.ภูเขียว
จังหวัดชัยภูมิ นายแพทย์ประทีป
เมฆประสาน
-
บทบาทรพช.ต้องสนับสนุนเป็นพี่เลี้ยงให้ รพ.สต. โดยสลายขั้ว รพช.
และสสอ.ให้ได้ก่อนเป็นเชิงหน้าที่ สนับสนุนในเรื่อง คน เงิน ของ
สถานที่ และทิศทางการทำงาน งานรักษาทำให้ชาวบ้านเห็นผลเร็ว
เป็นเรื่องที่เราจัดให้
ถ้าดีจะได้รับความไว้ใจเพื่อความร่วมมือทำงานด้านส่งเสริมสุขภาพได้
ที่ชาวบ้านต้องทำเอง รพช.เป็นผู้สนับสนุนความรู้
-
การปรับปรุงอาคาร จะเห็นผลได้ชัดและรวดเร็ว ในความรู้สึกของชาวบ้าน
และเจ้าหน้าที่ควรดีกว่าที่บ้านจึงน่าเชื่อถือ
ให้เจ้าหน้าที่เห็นความก้าวหน้า และมีค่าตอบแทนที่
ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลชุมชน ยาก็ควรเหมือนกัน
-
ด้านส่งเสริมสุขภาพ อาศัยความร่วมมือจากคนในพื้นที่ทุกภาคส่วน
จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนเอง
และ อบต.มีแผนของตำบล โดยร่วมคิดหาวิธีการเอง
เจ้าหน้าที่เป็นผู้แนะนำทางวิชาการ เพราะ
อบต.ต้องดูแลประชาชนโดยหน้าที่อยู่แล้ว
-
การบริหารจัดการด้าน IT รวมทั้งอำเภอ
ในงานบริการข้อมูลสาธารณสุขและด้านการเงินการบัญชี การพัสดุ
เพื่อลดงาน ของจนท. รพ.สต.
ให้สะดวกและมีเวลาทำงานด้านคุณภาพบริการสร้างนำซ่อมได้ดีขึ้น
-
โดย รศ.ดร. นายแพทย์องอาจ
วิพุธศิริ
-
รพช. เป็นพี่เลี้ยงอย่างจริงจัง ที่สำคัญมาก คือ ON THE JOB
TRAINNING ของเจ้าหน้าที่ใน
รพ.สต.ในด้านเทคนิคที่ใช้ความรู้ทางสุภาพมาก
อาจต้องมีหลักสูตรเฉพาะในอนาคต
-
รพ.สต.เป็นงานหนักมาก
จำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะทำจน
เกิดเป็นแผนที่เห็นชอบร่วมกันในผู้เกี่ยวข้อง
ให้เป็นเรื่องเดียวกับ COMMUNITY DIAGNOSIS
-
การส่งเสริมสุขภาพแบ่งตามกลุ่มอายุ อะไรต้องทำก่อน อะไรทำทีหลัง
หรือพร้อมกัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเช่น
การกินอาหารและการออกกำลังกายให้ถูกต้อง
เป็นเรื่องหลักในการควบคุมโรคเรื้อรังที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ขึ้น
มีค่าใช้จ่ายมากขึ้นในทุกแห่ง จะมีแผนในชุมชนอย่างไร
จะวัดผลอย่างไร
-
สรุปผลการประชุมกลุ่มย่อยวันที่
2 พค. 54 “รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่พึงประสงค์
เขตสาธารณสุขที่14”
นครชัยบุรินทร์
-
o
การบริหารจัดการ
เจ้าหน้าที่ไม่พอควรมีตามเกณฑ์ สมควรส่งคนในพื้นที่ไปเรียน
ภูมิทัศน์ยังไม่สวยงามไม่สะดวกบริการ ควรปรับปรุง มีหัวหน้าหลายคน คือ
สสอ. นายอำเภอ และ
ผอก.รพช. อาจสับสนบทบาท ไม่คล่องตัวในการใช้เงิน
และไม่เพียงพอ
ตัวชี้วัดที่กำหนดมาบางส่วนไม่สอดคล้องกับ
ที่ประชาชนและพื้นที่ต้องการ ควรให้มีรถประจำทุกแห่ง
o
การบริการรักษา
ผู้รับบริการมาก ยังขาดทั้งเจ้าหน้าที่และความรู้ ควรให้มีแพทย์
มาตรวจทุกสัปดาห์ ควรมีการร่วมกำหนดมาตรฐานการรักษาโรคที่พบบ่อย
ให้เหมือนกันและเชื่อมกับทีมงานทาง รพช.
o
การบริการส่งเสริมสุขภาพตามกลุ่มวัย
ยังไม่ครอบคลุม
มีบางแห่งแตกต่างกัน ในส่วน แม่และเด็ก วัยเรียน วัยทำงาน วัยสูงอายุ
ผู้ด้อยโอกาส แบ่งเป็น
กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มป่วย จะขาดวัยทำงาน
o
ด้านวิชาการ
ขาดการฝึกอบรมและศึกษาดูงาน ขาดความรู้ทาง
IT ควรมีประชุมวิชาการ กับ รพช. สัปดาห์ละ1วัน
ควรเพิ่มกรอบเวชภัณฑ์ ให้โทรปรึกษาแพทย์ได้สะดวก
o
การประสานเครือข่ายและการส่งต่อ
ยังไม่สะดวก
ยังขาดรถ
EMS
และมีความล่าช้า
ควรเร็วกว่าเดิม
ควรลดขั้นตอนการติดต่อประสานงานเครือข่าย และการส่งต่อ
- สรุปการศึกษาดูงาน
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน จ. พิจิตร
- ฟังบรรยายการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล ตามมาตรฐาน TQA
จนได้รับรางวัลระดับ TQCและนำมาบูรณาการงานคุณภาพอื่นๆได้ เช่น HA
PMQA HPH มีความซับซ้อนมาก
เหมาะกับผู้แทนโรงพยาบาลที่คิดว่าจะรับการประเมิน TQA ต่อไป
ได้เรียนรู้แนวคิด
และลักษณะงานบริการของโรงพยาบาลที่เป็นแบบอย่าง
- ฟังบรรยายแนวทางการดำเนินงานของ รพ.สต.วังหว้า ซึ่งใช้
กระบวนการ PCA (Primary Care Award)
เป็นแนวดำเนินการร่วมกับ การทำแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์
ทำความเข้าใจ และ ปรับให้สอดคล้องกับบริบทชุมชน
มีคณะกรรมการสุขภาพระดับตำบล จัดแบ่งชุมชนเป็น 74 คุ้ม และอีก 11กลุ่ม
อสม.ตามภารกิจ มีแผนงานตามกลุ่มวัยและภารกิจ 7 กลุ่ม
การประเมินผลพบว่า
ในตอนแรกยังขาดความเป็นเจ้าของโดยชุมชนบ้างก่อนจะได้เกิดร่วมคิดอย่างแท้จริง
พบว่าเมื่อเป็นรพ.สต.แล้ว งานซ่อมมีมากขึ้น งานสร้าง
ก็ต้องทำมากขึ้น งานซ่อมที่ดี
จะสนับสนุนงานสร้างที่ดีได้ง่ายขึ้น มีข้อสังเกตคือ
โรคจากพฤติกรรมบางอย่าง น่าจะไม่รักษาฟรี เช่น เมาสุรามาขอฉีดยา
-
- รวบรวมรายละเอียดจากใบแสดงความคิดเห็นรายบุคคล
ของผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนา
(จำนวน 33 ใบความคิดเห็น
ขาดความคิดเห็นของจ้าหน้าที่ศูนย์อนามัยที่ 5 ที่ร่วมประชุม)
1.
งานบริการส่งเสริมสุขภาพในระดับ
รพ.สต.ที่ทำแล้วมีความสุข
- คลินิกส่งเสริมสุขภาพตามกลุ่มวัย และภารกิจ
ในสำนักงาน 8
คลินิก
- คลินิกฝากครรภ์ (โดยมีแนวทางปฏิบัติ ร่วมกับ
รพช.)
- คลินิกเด็กดี (นมแม่ พัฒนาการเด็ก และวัคซีน)
- คลินิกเพื่อนใจวัยรุ่น (และให้คำปรึกษา)
- คลินิกวางแผนครอบครัว (รวมตรวจหลังคลอด
มะเร็งปากมดลูกและเต้านม)
- คลินิกโรคเรื้อรัง และคัดกรองกลุ่มเสี่ยง (NCD เช่น DM HT HD
ฯ)
- คลินิกไร้พุง DPAC (รวมงานโภชนาการขาดเกิน คนไทยไม่กินหวาน)
- คลินิกทันตสุขภาพ
- คลินิกผู้สูงอายุ
- การส่งเสริมสุขภาพตามกลุ่มวัยในชุมชนตามกลุ่มวัยและกิจกรรม
14 งาน
- เยี่ยมบ้าน (HHC) หญิงหลังคลอด
- เยี่ยมบ้าน (HHC) ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยพิการ ผู้ด้อยโอกาส
ผุ้สูงอายุที่นอนติดเตียง
- เยี่ยมศูนย์เด็กเล็ก
- เยี่ยมโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ อนามัยโรงเรียน
- การคัดกรองสุขภาพประชาชน หากลุ่มเสี่ยง ป่วย ปกติ เช่น
เบาหวาน ความดัน
- การคัดกรองกลุ่ม เสี่ยงบุหรี่ ยาเสพติด
ภาวะซึมเศร้า
- งานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ กลุ่มเสี่ยง และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
(DM HT HD)
- ชุมชนลด หวาน มัน เค็ม
- การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และเต้านม
- ชมรมสร้างสุขภาพ การออกกำลังกายในชุมชน รำไม้พลอง
แอโรบิก กีฬา
- หมู่บ้านจัดการสุขภาพ ภาคประชาชน
- งานชมรมผู้สูงอายุ กิจกรรมกลุ่ม
- การคุ้มครองผู้บริโภค
- อนามัยสิ่งแวดล้อม และอาชีวอนามัย การควบคุมป้องกันโรค
2.
ปัจจัยที่เอื้อให้งานด้านส่งเสริมสุขภาพประสบความสำเร็จ
- มีการกำหนดขอบเขต ความสามารถ ศักยภาพแต่ละงานที่ชัดเจน
ของเจ้าหน้าที่รพ.สต. ให้ทำได้และเข้าใจ รักที่จะทำ
ผู้บริหารให้ความสำคัญและสนับสนุน
- การบริหารจัดการที่ดี คน เงิน ของ เป็นระบบมีประสิทธิภาพ
ไม่ขาดแคลน
- คนทำงานมีความสุข ชอบ สนุกกับการทำงานเชิงรุก
สร้างความศรัทธาได้
- ภาคีมีส่วนร่วมมือเช่น สสอ.สสจ.รพช.อปท. ตนเองและครอบครัว แกนนำ
ผุ้นำชุมชน ประชาชน อสม.เข้มแข็ง มีจิตอาสา เข้าใจในวัตถุประสงค์
และเป้าหมายด้วยกัน
- การอยากให้ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ CUP หรือ
รพช.ให้การสนับสนุนที่ดี
- ผู้ร่วมงานไม่น้อยกว่า 3 คน ที่มีคุณภาพ
ทำงานเป็นทีมที่เข้มแข็งมีความรัก และสามัคคีกัน มีความรู้ความสามารถ
มีการวางแผนดำเนินงานที่ดี แบ่งความรับผิดชอบชัดเจน
- มีการสนับสนุนพัฒนาวิชาการเรียนรู้สู่ชุมชน ชุมชนมีส่วนร่วม
- ระบบบริการได้มาตรฐานที่กำหนด สถานที่ทำงานน่าอยู่เหมือนบ้าน
- ทรัพยากรเพียงพอ เช่น คน เงิน ของ ยานพาหนะวัสดุอุปกรณ์
- ผู้บริหารทุกส่วน ให้การสนับสนุน ให้กำลังใจ จริงใจ
สร้างแรงจูงใจ เช่น การเชิดชูให้เกียรติ
รางวัลและให้ความสำคัญในงานส่งเสริมสุขภาพ นโยบาย เป้าหมาย
แนวคิดนิ่งชัดเจน รู้วิธีบริหาร คน เงิน ยึดประโยชน์
และใช้แนวคิดชาวบ้านเป็นหลัก
- ศรัทธายึดเหนี่ยวใจของประชาชน เช่นพระ สิ่งศักดิ์สิทธ์
- สื่อสาธารณะ โฆษณา เช่นรายการอโรคยา ฯ
3. ภาวะคุกคาม
หรือปัญหาอุปสรรคที่ทำให้งานด้านส่งเสริมสุขภาพไม่ประสบความสำเร็จ
- งานจร งานประจำมาก คนน้อย ไม่เป็นทีม งานขาดความต่อเนื่อง
- ติดประชุม /อบรม/ศึกษาต่อมาก
ค่าตอบแทนและแรงจูงใจน้อยแต่งานมาก
- การติดต่อประสานงานที่ล่าช้า ขั้นตอนมาก
การไม่เป็นที่ยอมรับ ขาดขวัญกำลังใจ
- เจ้าหน้าที่ขาดความรู้ความชำนาญ ทัศนคติ
ทักษะในการส่งเสริมสุขภาพ
- งานรักษามากขึ้นปฏิเสธไม่ได้
ยังเป็นภาระอาจทำงานส่งเสริมได้น้อยลง
- การเมืองในชุมชนแบ่งขั้ว ขัดแย้ง ทำให้วางตัวลำบาก
- งาน ITซ้ำซ้อนยุ่งยากต้องkeyข้อมูลมาก ส่ง สสจ.
สปสช.และ HosXP ในการคัดกรอง
- คนทำไม่ได้คิด คนคิดไม่ได้ทำ
การสื่อสารไม่ชัดเจน
- ความล่าช้าของการบริหารจัดการ และการเงิน และงบประมาณจำกัด
- การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารสาธารณสุข ทุกระดับในอำเภอโดยเฉพาะ
ผอก.รพ.สต.
- ขาดการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่ไม่เพียงพอ
- อบต.ไม่เข้าใจกองทุนหลักประกันสุขภาพ
ไม่อนุมัติงบประมาณมาสนับสนุนให้
- ชาวบ้านไม่สนใจ ไม่พึงพอใจ
มองไม่เห็นว่าตนเองจะได้อะไรเพิ่มเพราะ นโยบายไม่ชัดเจน
ไม่เข้าใจ ขาดความเป็นเจ้าของงาน
- โครงสร้างอาคารสถานที่ไม่เพียงพอกับการทำงาน
- ขาดอำนาจในการตัดสินใจในการทำงาน และการเงินที่คล่องตัว
- งานส่งเสริมสุขภาพในชุมชน
เช่นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในผู้ป่วยเรื้อรังไม่ต่อเนื่องเพราะเจ้าหน้าที่ภาระงานมากไม่มีเวลาไปติดตามสนับสนุน
4.
บางข้อเสนอแนะที่น่าสนใจ
- ถ้าจัดสรรเงิน ตามผลงานของเจ้าหน้าที่แต่ละคน ใช้งานแลกเงิน
งานจะท้าทายมาก
- ให้ศึกษาเกณฑ์มาตรฐาน PCA และนำเนื้อหาในเกณฑ์มาตรฐาน HPH-PLUS
มาปรับให้เข้ากัน เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ใช้มาตรฐานPCA
ในการพัฒนารพ.สต.
- ใช้เกณฑ์มาตรฐานHPH-PLUS เพื่อทบทวนกิจกรรมงานส่งเสริมสุขภาพ
การทำแผนงาน การติดตามงาน นำหัวข้อเป็นวาระการประชุม
ในกองทุนสุขภาพตำบล หาโอกาสพัฒนางานส่งเสริมสุขภาพร่วมกับ รพช.
ที่ชำนาญเรื่อง HPH-PLUS อยู่แล้ว
- คลินิกบริการส่งเสริมสุขภาพ
ในแต่ละรพ.สต.อาจมีจำนวนไม่เท่ากัน
ตามบริบท และนโยบาย
โดยมีแนวทางปฏิบัติร่วมกับรพช.ซึ่งมีทีมสหสาขาวิชาชีพครบสามารถทบทวนปรับปรุงให้สอดคล้องกัน
อาจจะทุก 1-2 สัปดาห์ เช่นเดียวกับงานรักษาโรคพบบ่อย
- จัดตั้ง ชมรมสร้างสุขภาพ 4
กลุ่มวัยในตำบลเพื่อให้มีกิจกรรมตามกลุ่มวัย
ที่เข้มแข็งโดยให้ อสม. 2 คน เป็นเลขานุการ
แกนนำที่สำคัญในชุมชนเป็นกรรมการในแต่ละชมรม คือ
ชมรมแม่และเด็ก ชมรมวัยเรียนวัยรุ่น
ชมรมวัยทำงาน ชมรมผู้สูงอายุ
โดยให้กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพต่างๆในชุมชน
ถูกจัดเข้าเป็นกิจกรรมของแต่ละชมรม ตามความเหมาะ สม
และร่วมเลือกจัดลำดับความสำคัญได้ เจ้าหน้าที่
รพ.สต.เป็นผู้แนะนำทางวิชาการ จดขึ้นทะเบียนชมรม กับ
อปท.และรพ.สต.เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณทำกิจกรรมต่างๆได้ง่าย
ถ้ามีการจัดการชมรมที่ดีอาจลดงานเจ้าหน้าที่ได้
-
- ควรมีอาคารส่งเสริมสุขภาพ เพิ่มเติมจากตึกเก่า
อาจสร้างแยกต่างหากหรือต่อเติมชั้นล่างออกไปอีก
เพื่อใช้ทำกิจกรรมกลุ่มต่างๆเช่นออกกำลังกาย
เรียนรู้เรื่องอาหารในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มป่วย
ประชุมแกนนำชมรมตามกลุ่มวัย
ประชุมกรรมการบริหารรพ.สต.ให้เหมาะสมกับการเป็น
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล