"พี่หนาน"
นาย พรพจน์ พี่หนาน เรียงประพัฒน์

"ภรรยา" หรือ "เมีย" ๔


ไม่นอกใจ ด้วยใจ ไม่นอกใจด้วยกาย

ภรรยา หรือ เมีย

 

๒๗/๐๕/๒๕๕๔

*********

               

                วันนี้ผมได้มีโอกาสได้ไปร่วมงานฌาปนกิจศพ ของแม่ใหญ่ เป็ง  ชมเชย ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๔๗๐  เสียชีวิตเวลา ตี ๓ ของคืนวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๔  อายุรวมได้ ๘๔ ปี ซึ่งนับว่าอายุมากที่สุดแล้วในยุคปัจจุบัน หลานของผู้ตายคนหนึ่ง  บวชเป็นพระตั้งแต่ยังเยาว์ ปัจจุบันคือ พระมหาสมชาย สุจิตฺโต  ดำรงตำแหน่งเลขาฯเจ้าอาวาส วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จังหวัดนนทบุรี และเลขาฯเจ้าคณะภาค ๑๗ ทางภาคใต้  ได้มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพและจูงศพป้าไปสู่ฌาปนสถาน  ได้ขอแสดงปาฐกถาธรรมก่อนดำเนินการฌาปนกิจ ท่านเล่านิทานปริศนาธรรมให้ผู้มาร่วมงานฟังพอสรุปความได้ว่า

                มีเศรษฐีคนหนึ่ง มีภรรยา ๔ คน 

คนแรกนั้นเศรษฐีไม่ค่อยรัก ไม่ค่อยคิดถึง ไม่ค่อยไปหา ปล่อยให้อยู่คนเดียว แบบไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่ไม่ถึงกับทอดทิ้งอย่าร้างไปเสียทีเดียว

คนที่ ๒   เศรษฐีรักบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก  มีแวะเวียนมาหาอยู่บ้างเป็นครั้งคราว

คนที่ ๓   เศรษฐีรักมาก  ทั้งทะนุถนอม ถึงขนาดว่าใส่กุญแจขังเอาไว้ เพราะกลัวคนอื่นจะมารัก มาจีบ และขโมยเอาไปก็มี  เขาจะแวะเวียนไปหาภรรยาคนนี้บ่อยครั้ง

คนที่ ๔   เศรษฐีรักมากที่สุด  ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ต้องการอะไรก็หามาให้ทุกอย่างทุกประการ

อยู่มาระยะหนึ่งเศรษฐีฝันว่า เทพบุตรตนหนึ่งได้เข้านิมิต(ฝัน)บอกว่า “อีกไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ท่านต้องตายแน่ จะทำอะไรก็รีบทำเสียนะ จะสั่งเสียญาติคนไหนก็ให้รีบไปสั่งเสีย ก่อนที่จะไม่มีโอกาส”

เศรษฐีคิดถึงภรรยาคนที่รักมากที่สุด เป็นคนแรก ก็ไปหาและพูดว่า “พี่กำลังจะตาย น้องจะตายไปพร้อมกับพี่ไหม พี่กลัวเหงาเวลาไปสวรรค์หรือนรกคนเดียว ตายเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ”    ฝ่ายภรรยาตอบว่า  “เป็นไปไม่ได้  มันเรื่องของพี่  พี่จะเอาฉันไปด้วยได้ไง ไปตายคนเดียวเถอะ ถ้าพี่ตายเราก็จบกัน” เศรษฐีคิดในใจว่าภรรยาที่เราอุตส่าห์รักมากที่สุดเป็นแบบนี้เองหรือ

คิดถึงภรรยาคนที่ ๒  ที่รักรองลงมา ก็ไปหาและพูดเช่นเดียวกันว่า “พี่กำลังจะตาย น้องจะตายไปพร้อมกับพี่ไหม พี่กลัวเหงาเวลาไปสวรรค์หรือนรกคนเดียว ตายเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ”  ฝ่ายภรรยาก็ตอบว่า  “เป็นไปไม่ได้ พี่จะตายก็ตายไปคนเดียวสิ  ถ้าพี่ตายฉันจะมีผัวใหม่” เศรษฐีได้ฟังก็เสียใจมากขึ้นอีก คนที่รักมากทั้งสองพูดหักหาญน้ำใจกันอย่างมาก

คิดถึงภรรยาคนที่ ๓  ที่รักอยู่บ้างนิดหน่อย  ก็ไปหาอีกและพูดว่า “พี่กำลังจะตาย น้องจะตายไปพร้อมกับพี่ไหม พี่กลัวเหงาเวลาไปสวรรค์หรือนรกคนเดียว ตายเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ”ภรรยาคนที่ ๓ ก็ตอบว่า “พี่ไปคนเดียวเถอะ ถึงน้องจะรักพี่อยู่บ้างก็ไม่ไปด้วยหรอก แต่ก็จะไปส่งก็แล้วกันนะ  เดี๋ยวจะหาว่า ใจจืดใจดำจนเกินไป”

เศรษฐีไปหาภรรยาคนสุดท้าย  ที่เขาไม่ค่อยรักและไม่ค่อยเอาใจใส่ จนบางครั้งลืมไปด้วยซ้ำว่ามีเธออยู่ด้วย  แล้วก็พูดลักษณะเดียวกันว่า  “พี่กำลังจะตาย น้องจะตายไปพร้อมกับพี่ไหม พี่กลัวเหงาเวลาไปสวรรค์หรือนรกคนเดียว ตายเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ” ภรรยาคนนี้กลับตอบว่า “ตกลง  ถ้าพี่ตายฉันก็จะตายตามพี่ไปด้วย ไม่ว่าขึ้นสวรรค์หรือลงนรก จะมีน้องเป็นเพื่อนไปด้วย”   เศรษฐีปลื้มใจมาก ไม่คิดว่าคนที่ตนเองไม่ค่อยรัก ไม่ค่อยคิดถึง ไม่ค่อยชอบ กลับรักตนมากขนาดนี้

นิทานสรุปว่า...

ภรรยาคนที่ ๔ ที่เศรษฐีรักมากที่สุดนั้นก็คือ ตัวเราเอง (ขันธ์ ๕)  ที่พยายามทำงานหาข้าวของเงินทอง ของใช้ ของกิน มาบำรุงบำเรอตนเองให้สุขสบายดีทุกอย่าง  เวลาตายชวนไปด้วยกลับไม่ไป พาไปด้วยก็ไม่ยอมไป

ภรรยาคนที่ ๓  คือ ทรัพย์ สมบัติ เงิน ทอง ที่เราหามาได้เวลาเราตายแล้วก็จะต้องตกเป็นของคนอื่นทั้งหมด แม้จะรักมากถึงกับใส่กุญแจล็อกเอาไว้ก็ตาม

ภรรยาคนที่ ๒ คือ ลูก หลาน ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้าน ที่คอยเลี้ยงดู เอาใจใส่ปรนนิบัติ ป้อนข้าวป้อนน้ำยามเจ็บไข้ พาไปหาหมอที่โรงพยาบาล และมาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพเรา จนสุดท้ายมาส่งที่ป่าช้าเวลาเราตาย แต่ถ้าจะให้พวกเขาตายตามไปด้วยก็คงไม่มีใครยอมไป

ภรรยาคนที่ ๑  คือ  บุญ กับ บาป บุญ ที่เราไม่ค่อยได้ทำได้สร้าง ชาวพุทธส่วนใหญ่จะทำบุญกันก็เฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น  เช่น วันสงกรานต์ วันวิสาขบูชา  วันสลากภัต  วันเข้าพรรษา วันอาสาฬหบูชา วันออกพรรษา หรือวันสำคัญทางศาสนาเท่านั้น  พากันมาเต็มศาลาจนพระฉันอาหารกันไม่หวาดไม่ไหว ท่านว่าโดยปกติทั่วไปเราควรจะหาโอกาสทำบุญกันเรื่อย ๆ บ่อย ๆ อย่ารอแต่เทศกาล เดี๋ยวจะไม่ทันการ

ส่วน บาปนั้น ถ้าเว้นได้ก็ควรจะเว้น อย่าทำกันบ่อย ๆ ไม่ทำเสียเลยนั่นแหละเป็นการดี เพราะมันจะส่งเราไปทุคติ ทางที่ไม่ดี หรือส่งไปนรก

แล้วท่านก็จบปาฐกถาลงแต่เพียงนี้  ผมกล่าวคำว่า “สาธุ ๓ ครั้ง”  ต้องขอกราบขอบคุณปริศนาธรรมที่มีแง่คิดดี ๆ อีกแบบหนึ่งจากใจ  หลังจากนั้น ก็เป็นหน้าที่ “พิธีกรจำเป็น” อย่างผมต่อไป

 

เมื่อเขียนถึงเรื่องภรรยา สามีแล้ว  ก็ขอเพิ่มเติมสาระธรรมอีกนิดหน่อย

สามี และ ภรรยา ที่จะรักกันและครองรักกันได้นานแค่ไหนนั้น  มองตามหลักพุทธศาสนาที่พระพุทธองค์แสดงไว้ก็มี  ๔ เหมือนกัน ในพระไตรปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต เล่มที่ ๒๑  ข้อที่ ๕๕  หน้าที่ ๕๐  สมชีวิสูตร กล่าวไว้ว่า

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ เภสกฬามฤคทายวัน ใกล้บ้านสุงสุมารคีระ แคว้นภัคคะ  ครั้งนั้นแล เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของนกุลบิดาคฤหบดี แล้วประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ ครั้งนั้นแล  คฤหบดีผู้นกุลบิดาและคฤหปตานีผู้นกุลมารดา เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่(สม)ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว นกุลบิดาคฤหบดีได้กราบทูลกะพระผู้มีพระภาคว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นับแต่เวลาที่ตระกูลนำคฤหปตานีผู้นกุลมารดาซึ่งยังเป็นสาวมา เพื่อข้าพระองค์ผู้ยังเป็นหนุ่ม ข้าพระองค์มิได้รู้สึกจะประพฤตินอกใจคฤหปตานีผู้นกุลมารดาแม้ด้วยใจเลย ที่ไหนจะประพฤตินอกใจด้วยกายเล่า ข้าพระองค์ทั้งสองปรารถนาพบกันและกันทั้งในปัจจุบัน(ชาตินี้)ทั้งในสัมปรายภพ(ชาติหน้า)   

แม้คฤหปตานีผู้นกุลมารดา ก็ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นับแต่เวลาที่ตระกูลนำหม่อมฉันซึ่งยังเป็นสาวมา เพื่อคฤหบดีผู้นกุลบิดา ซึ่งยังเป็นหนุ่ม หม่อมฉันมิได้รู้สึกจะประพฤตินอกใจคฤหบดีผู้นกุลบิดาแม้ด้วยใจเลย ที่ไหนจะประพฤตินอกใจด้วยกายเล่า  หม่อมฉันทั้งสองปรารถนาพบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรคฤหบดีและคฤหปตานี ถ้าภรรยาและสามีทั้งสองหวังพบกันและกันทั้งในปัจจุบันและในสัมปรายภพ  ทั้งสองเทียว พึงเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน  มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน  มีปัญญาเสมอกัน  ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น ย่อมได้พบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพฯ

 

พอสรุปสมชีวิสูตรได้ว่า ชายหรือหญิงก็ตาม เมื่อปรารถนาที่จะรักกันใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องไม่ นอกใจ ด้วยใจ(อยู่กับเรา ใจคิดถึงแต่คนอื่น)  นอกใจ  ด้วยกาย (อยู่กับเรา แต่ไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นอีก) ต่อกันและกัน  และให้มี ศรัทธา(ความเชื่อ)  ศีล(ความปกติสุข) จาคะ(ความเสียสละ) และ ปัญญา(ความรู้)เสมอกัน หรืออยู่ในระดับใกล้เคียงกัน  ถึงจะเป็นภรรยา สามีที่พบแต่ความสุขความเจริญอยู่ด้วยกันทุกภพทุกชาติ.

 

หมายเลขบันทึก: 441177เขียนเมื่อ 28 พฤษภาคม 2011 15:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน 2013 13:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

มาอ่านเรื่องราวของพระพุทธองค์ครับผม

สวัสดีครับ

เป็นบันทึกที่น่าอ่านมากครับ

แต่สิ่งที่ผมจะเล่า อาจไม่เกี่ยวกับบันทึกนี้ครับ

ไปตลาดมา

เห็นพ่อค้าคนหนึ่งคุยกับเพื่อน

" แม่ก็ไม่มีแล้ว.... ก็เลยกลัวเมีย " ครับ

สวัสดีครับอาจารย์โสภณ เปียสนิท

ที่เข้ามาอ่านทบทวนหลักธรรมจากพระไตรปิฎก

ขอบคุณมากที่ให้กำลังใจ

สวัสดีครับคุณทิมดาบ

ที่เข้ามาอ่านและเล่าอะไรให้ฟัง

และทำให้ผมยิ้มได้

ขอบคุณครับ

ขอขอบคุณอาจารย์ ดร.จันทวรรณ ปิยะวัฒน์

และหนานวัฒน์ที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจด้วยนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท