แบบทดสอบเก็บคะแนน
เรื่อง หน้าที่ของเงินและปริมาณเงิน
คำชี้แจง: แบบทดสอบมี 5 ข้อ ให้ทำทุกข้อ โดยตอบคำถามให้ถูกต้องและสมบูรณ์
1. ความหมายของเงิน คือ ...
2. หน้าที่ของเงิน คือ ...
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง...
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง...
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย...
เพิ่มเติม..ส่งคำตอบได้ที่ ...(เลือกตอบวิธีใดวิธีหนึ่ง)
1. [email protected] หรือ
2. แสดงคำตอบท้ายบล๊อคนี้
1.ตอบ เงิน คือสิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
ความสำคัญของเงิน
ไม่ว่ามนุษย์จะอยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศํยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2. ตอบ หน้าที่ของเงิน
เงินเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการชื้อขายแลกเปลี่ยนสิ้นค้า และบริการในระบบเศรษฐกิจ โดยที่เงินมีราคาที่แน่นอนเป็นหน่วยเงินตรา และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป ในการซื้อขายและชำระหนี้ คุณลักษณะดังกล่าวจึงทำให้เงินสามารถทำหน้าที่ ซึ่งมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ 3 ประเภทด้วยกับ คือ
ประเภทที่ 1 หน้าที่ขั้นต้น ได้แก่
1. เงินเป็นเครื่องวัดมูลค่า
หน้าที่ของเงิน ในแง่นี้ให้ความสะดวกในด้วนการใช้หน่วยของเงินสำหรับวัดมูลค่าของสิ่งของ และบริการ หน่วยของเงินนั้นแตกต่างกันในแต่ละประเทศ เช่น บางประเทศในหน่วยเป็นบาท กีบ ดอลลาร์ เปโซ ฟรังซ์ ปอนด์สเตอร์ลิง เป็นต้น มูลค่าของสินค้าและบริการแต่ละชนิดจะอยู่ในรูปของ ราคา ของสินค้าบริการนั้นๆ เช่น หมวกราคาใบละ 100 บาท เนื้อหมูกิโลกรัม ละ 38 บาท เป็นต้น
2. เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
เงินจะเป็นอะไรก็ได้ซึ่งเป๋นที่ยอมรับของคนทั้งไป ในสังคมว่าเป็นสื่อกลางในการกเปลี่ยน ดังนั้นเมื่อมีสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแล้ว หากมีความต้องการสินค้าบริการใด ก็ไม้ต้องแสวงหาคนที่ต้องการแลกเปลี่ยนที่ตรกกันกับเราเหมือนวิธีแลกเปลี่ยนสิ่งของ
ประเภทที่ 2 หน้าที่รอง ได้แก่
1. เงินเป็นมาตราฐานในการชำระหนี้ในอนาคต
ในระบบเศรษกิจปัจจุบันมีการขยายตัวในด้วนการค้า การติดต่อซื้อขายซึ่งกันและกันทั้งในและนอกประเทศ โดยทัวไปการค้าขายจะมีการผลัดเวลาการชำระเงินทุนดอกเบี้ย และหนี้สินต่างๆ จากปัจจุบันเป็นอนาคต ทั้งนี้ จะต้องอยู้ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า มูลค่าของเงินจะต้องไม้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป
2. เงินเป็นเครื่องรักษามูลค่า
โดยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจจะพยายามเลือกเก็บทรัพย์สินต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ใกที่สุด การเก็บทรัพย์สินในรูปต่างๆมูลค่าของมันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ชั้วระยะเวลาหนึ่ง ถ้าทรัพย์สิยนั้นมีมูลค่าสูงแต่ถ้าราคาลกต่ำลงก็ขาดทุน ทรัพย์สินบางชนิดเน่าเสียง่าย บางชนิดไม้สะดวกในการเก็บรักษา ดังนั้นจึงมีผิ้ยมแลกเปลี่ยนสิ่งของดังกล่าวเป็นเงิน เพราะเงินที่ดีมีมูลค่าคงตัวอยู่เสมอ
ประเภทที่ 3 หน้าที่ประกอบ ได้แก่
1. เงินเป็นเครื่องชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
ในข้อนี้รัฐจะต้องออกกฎหมายให้เงินที่ผลิตออกมา สามารถชำระหนี้ได้ถูกต้องได้ตามกฎหมาย และบนหน้าธนบัตรทุกฉบับก็จะมีข้อความอันนี้ยืนยันไว้ แต้ตัดว่า โดยไม่จำกัดจำนวน ออกไป
2. เงินเป็นเครื่องประกันฐานะของลูกหนี้
การค้าขายในปัจจุบันเป็นการค้าขายโดยใชแครดิตกันมาก โดยเฉพาะการค้าขายด้วยเงินเป็นจำนวนมากประกอบกับการดำเนินธุรกิจประจำวัน ย่อมจะต้องมีการกู้ยืมเงินกันเป็นนิจสิน การกู้ยืมนั้นผู้ขอยืมจะต้องมีเงินสดสำรองอยู่บ้าง
3. เงินเป็นเครื่องมือในการโอนย้ายมูลค่า
ในปัจจุบันนี้เงินทำหน้าที่เป็นหลักในการโอนหนี้ หรือโอนทรัพย์สินหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่งหรือจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้โดยสะดวกและรวดเร็ว แม้ว่าในบาครั้งการโอนหนี้ การโอนเงินจะอยู้ในรูปของการใช้ดร๊าฟ หรือใช้เช็คก็ตาม แต่การโอนดังกล่าวก็ใช้เงินเป็นรากฐานในการโอนเงิน
3. ตอบ ปริมาณเงินตามความหมายแคบ (Narrow Money) หมายถึง
ปริมาณเงินที่หมุนเวียนในมือประชาชน ประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ในมือประชาชนและเงินฝากเผื่อเรียกของประชาชนที่ระบบธนาคาร
4. ตอบ ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง(Broad Money) หมายถึง
ปริมาณเงินที่หมุนเวียนในมือประชาชน นอกจากประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ในมือประชาชนและเงินฝากเผื่อเรียกแล้ว ยังรวมเงินฝากประจำและออมทรัพย์ที่ระบบธนาคารอีกด้วย
5.นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย...
ตอบ ในการใช้ชีวิตในละวัน เราควรคำนึงถึง ค่าใช้จ่ายแต่ละวัน
โดยไม่ใช้เงินฟุ้มเฟือย ประหยัด
1. ความหมายของเงินคือ สิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2. หน้าที่ของเงิน คือ เงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ ทำหน้าที่สำคัญ ๆ 4 ประการ เช่น ต้องเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ต้องเป็นมาตราฐานในการวัดมูลค่าได้ เป็นต้น
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย คือ รู้จักวางแผนการใช้เงิน (Financial Planning) การใช้เงินแต่ละครั้งต้องมีความคุ้มค่าและทำให้เกิดความพอใจสูงสุดก่อนควักเงินออกจากกระเป๋า นอกจากนี้การวางแผนการใช้เงินยังช่วยให้คุณไม่ตกเป็นเหยื่อของโปรโมชั่น (ลด-แลก-แจก-แถม) ที่คอยทำให้คุณเกิดการซื้อด้วยอารมณ์ทำให้คุณต้องควักเงินซื้อของที่ไม่มีความจำเป็นเพราะนั่นคือการซื้อเพราะอยากซื้ออยากได้หรือเพราะถูกโน้มน้าวจากโปรโมชั่นของทางผู้ขายสินค้า สำหรับคนที่ขี้ใจอ่อนซื้อของง่ายให้ท่องคาถาประจำตัวไว้ว่า “อย่าซื้อโดยไม่ตั้งใจ” อาจช่วยเราได้บ้าง
ชื่อ นางสาว มนัสนันท์ คีรีวรรณ์ ม. 5/4 เลขที่ 33
1. ตอบ อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2. ตอบ 2.1 เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ( Medium of exchange )
2.2 เป็นที่เก็บรักษามูลค่า ( Store of value )
2.3 เป็นหน่วยวัดมูลค่า ( Unit of account )
2.4 เป็นมาตราฐานในการชำระหนี้ในอนาคต ( Standard of deferred payment )
3. ตอบ M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินผ่านกระแสรายวัน ( Demand deposit )
4. ตอบ M2 = M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3 = M2a+เงินฝากประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. ตอบ ต้องรู้จักใช้เงินในสิ่งที่จำเป็นหรือที่เรายังขาดและจำเเป็นต้องใช้ในแต่ละวัน และเก็บออมนำเงินที่เก็บแต่ละวันได้เท่าไหร่ก็นำไปฝากธนคารเพื่อเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นหรือใช้เป็นทุนการศึกษษาให้ตัวเองโดยเราก็จะสามารถเเบ่งเบาภาระของพ่อแม่ได้
1. ความหมายของเงินคือ
สิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2. หน้าที่ของเงิน คือ
เงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ ทำหน้าที่สำคัญ ๆ 4 ประการ เช่น ต้องเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ต้องเป็นมาตราฐานในการวัดมูลค่าได้ เป็นต้น
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง
องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย คือ
รู้จักวางแผนการใช้เงิน (Financial Planning) การใช้เงินแต่ละครั้งต้องมีความคุ้มค่าและทำให้เกิดความพอใจสูงสุดก่อนควักเงินออกจากกระเป๋า นอกจากนี้การวางแผนการใช้เงินยังช่วยให้คุณไม่ตกเป็นเหยื่อของโปรโมชั่น (ลด-แลก-แจก-แถม) ที่คอยทำให้คุณเกิดการซื้อด้วยอารมณ์ทำให้คุณต้องควักเงินซื้อของที่ไม่มีความจำเป็นเพราะนั่นคือการซื้อเพราะอยากซื้ออยากได้หรือเพราะถูกโน้มน้าวจากโปรโมชั่นของทางผู้ขายสินค้า
1. ความหมายของเงินคือ สิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2. หน้าที่ของเงิน คือ เงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ ทำหน้าที่สำคัญ ๆ 4 ประการ เช่น ต้องเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ต้องเป็นมาตราฐานในการวัดมูลค่าได้ เป็นต้น
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย คือ รู้จักวางแผนการใช้เงิน (Financial Planning) การใช้เงินแต่ละครั้งต้องมีความคุ้มค่าและทำให้เกิดความพอใจสูงสุดก่อนควักเงินออกจากกระเป๋า นอกจากนี้การวางแผนการใช้เงินยังช่วยให้คุณไม่ตกเป็นเหยื่อของโปรโมชั่น (ลด-แลก-แจก-แถม) ที่คอยทำให้คุณเกิดการซื้อด้วยอารมณ์ทำให้คุณต้องควักเงินซื้อของที่ไม่มีความจำเป็นเพราะนั่นคือการซื้อเพราะอยากซื้ออยากได้หรือเพราะถูกโน้มน้าวจากโปรโมชั่นของทางผู้ขายสินค้า
1. ความหมายของเงินคือ สิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2. หน้าที่ของเงิน คือ เงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ ทำหน้าที่สำคัญ ๆ 4 ประการ เช่น ต้องเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ต้องเป็นมาตราฐานในการวัดมูลค่าได้ เป็นต้น
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย คือ รู้จักวางแผนการใช้เงิน (Financial Planning) การใช้เงินแต่ละครั้งต้องมีความคุ้มค่าและทำให้เกิดความพอใจสูงสุดก่อนควักเงินออกจากกระเป๋า นอกจากนี้การวางแผนการใช้เงินยังช่วยให้คุณไม่ตกเป็นเหยื่อของโปรโมชั่น (ลด-แลก-แจก-แถม) ที่คอยทำให้คุณเกิดการซื้อด้วยอารมณ์ทำให้คุณต้องควักเงินซื้อของที่ไม่มีความจำเป็นเพราะนั่นคือการซื้อเพราะอยากซื้ออยากได้หรือเพราะถูกโน้มน้าวจากโปรโมชั่นของทางผู้ขายสินค้า
1. ความหมายของเงินคือ สิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2. หน้าที่ของเงิน คือ เงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ ทำหน้าที่สำคัญ ๆ
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย คือ รู้จักวางแผนการใช้เงิน (Financial Planning) การใช้เงินแต่ละครั้งต้องมีความคุ้มค่าและทำให้เกิดความพอใจสูงสุดก่อนควักเงินออกจากกระเป๋า นอกจากนี้การวางแผนการใช้เงินยังช่วยให้คุณไม่ตกเป็นเหยื่อ
1. ความหมายของเงินคือ สิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2. หน้าที่ของเงิน คือ เงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ ทำหน้าที่สำคัญ ๆ 4 ประการ เช่น ต้องเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ต้องเป็นมาตราฐานในการวัดมูลค่าได้ เป็นต้น
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย คือ รู้จักวางแผนการใช้เงิน (Financial Planning) การใช้เงินแต่ละครั้งต้องมีความคุ้มค่าและทำให้เกิดความพอใจสูงสุดก่อนควักเงินออกจากกระเป๋า นอกจากนี้การวางแผนการใช้เงินยังช่วยให้คุณไม่ตกเป็นเหยื่อของโปรโมชั่น (ลด-แลก-แจก-แถม) ที่คอยทำให้คุณเกิดการซื้อด้วยอารมณ์ทำให้คุณต้องควักเงินซื้อของที่ไม่มีความจำเป็นเพราะนั่นคือการซื้อเพราะอยากซื้ออยากได้หรือเพราะถูกโน้มน้าวจากโปรโมชั่นของทางผู้ขายสินค้า
1. ความหมายของเงินคือ สิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2. หน้าที่ของเงิน คือ เงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ ทำหน้าที่สำคัญ ๆ 4 ประการ เช่น ต้องเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ต้องเป็นมาตราฐานในการวัดมูลค่าได้ เป็นต้น
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง คือ ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย คือต้องมีความคุ้มค่าและทำให้เกิดความพอใจสูงสุด และพอเพียง พอใช้ ประหยัด คับ
1.ความหมายของเงิน คือ... อะไรก็ตามที่เป็นที่ในการยอมรับกันโดยทั่วไป ใช้ในการซื้อ-ขาย และบริการ
รวมไปถึงการใช้บริการ
2. หน้าที่ของเงิน คือ...เงินเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการชื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ระบบเศรษฐกิจซึ่งมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ 3 ประเภท คือ
เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ( Medium of exchange )
เป็นที่เก็บรักษามูลค่า ( Store of value )
เป็นหน่วยวัดมูลค่า ( Unit of account )
เป็นมาตราฐานในการชำระหนี้ในอนาคต ( Standard of deferred payment )
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง
M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินผ่านกระแสรายวัน ( Demand deposit )
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง
M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินผ่านกระแสรายวัน ( Demand deposit )
M2 = M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3 = M2a+เงินฝากประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร
ต้องรู้จักวางแผนในการใช้เงิน ตรวจสอบรายรับรายจ่าย มีการทำบันทึก เก็บเงินฝากธนาคาร
และรู้จักประหยัดใช้เงินตามฐานะของตนเองรู้จักประมาณตน ไม่ฟุ้มเฟ้อฟุ้มเฟือย
รู้จักการวางแผนการใช้เงิน รู้จักออมใช้อย่างประหยัด ไม่ควรจะกู้หนี้ยืมสิน และพอเพียง
ตอบข้อ 1. -เงินคือสิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
ตอบข้อ 2. -เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange) -เป็นที่เก็บรักษามูลค่า (Store of value) -เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of account) -เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต (Standard of deferred payment)
ตอบข้อ 3. -ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ (Narrow money) หรือที่เรียกว่า M1 หมายถึง M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน (Demand deposit) ปริมาณเงิน คือ เงินที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชนประกอบด้วย ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่อยู่ในมือประชาชนและรวมถึงเงินฝากกระแสรายวันซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคาร เช่น ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
ตอบข้อ 4. -ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) M2 หมายถึง M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากของประชาชน M2a หมายถึง M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในตั๋วสัญญาในเงินที่บริษัทลงทุน M3 หมายถึง M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
ตอบข้อ 5. -หลักการใช้เงินก็คือ ใช้เงินอย่างประหยัด คุ่มค่า และรู้คุณค่าของเงิน ก่อนนจะซื้อของแต่ละอบ่างควรคำนึงถึงว่าสิ่งๆนั้นจำเป็นต่อชีวิตประจำวันเราหรือไม่ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้ เพราะถ้าใช้จ่ายในสิ่งของที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันก็จะทำให้เงินหมดลงอย่างรวดเร็ว และยังเป็นการฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุอีกด้วย ฉะนั้น การใช้จ่ายแต่ละที ควรคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดว่าสิ่งๆนั้นจำเป็นหรือไม่ ถ้าจำเป็นก็ใช้จ่ายถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้จ่าย
1. ตอบ สิ่งใดก็ได้ที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปของสังคม ในขณะใดขณะหนึ่ง และในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนของสินค้าและบริการ ใช้ในการชำระหนี้และอื่นๆ ตามต้องการ
2.ตอบ หน้าที่ของเงินมีหลายประการเช่น 1. เป็นเครื่องวัดมูลค่า
2. เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
3. เป็นมาตรฐานการชำระหนี้ในอนาคต
4. เป็นเครื่องรักษามูลค่า
5. เป็นเครื่องชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
6. เป็นเครื่องมือประกันฐานะของลูกหนี้
3.ตอบ ความหมายของปริมาณเงินอย่างแคบ (Narrow money) หรือที่เรียกว่า M1 จะหมายถึง
M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน (Demand deposit)
ปริมาณ เงินคือเงินที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชน ประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่อยู่ในมือประชาชน และรวมถึงเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคาร อาทิ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
4.ตอบ ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ตอบ เราควรคิดคำนวนไต่ตรอง ก็ที่เราจะตัดสินใจซื้อสินค้า เเละรู้จักการเเบ่งเงินออกเป็นส่วนๆในเเต่ละวัน ใช้ส่วนหนึ่งเเละเก็บออมส่วนหนึ่ง
1.ตอบ คือ อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2.ตอบ คือ 1.เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน(Medium of exchange)
2.เป็นที่เก็บรักษามูลค่า(store of value)
3.เป็นหน่วยวัดมูลค่า(Unit of account)
4.เป็นมาตราฐานในการชำระหนี้ในอนาคต(Standard of deferred payment)
3. ตอบ หรือที่เรียกว่า M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน ( Demand deposit )
4. ตอบ M2 = M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a= M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3 = M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. ตอบ ต้ิองรู้จักใช้เงินให้เป็นและก่อนจะใช้ เงินควรคำนึงถึงความจำเป็นของสิ่งของนั้นว่าจำเป็นมากน้อยเพียงใด เพราะเงินเป็นสิ่งที่หายากมากในตอนนี้ และต้องรู้จักอดออมให้มากในแต่ละวันเพื่อเก็บไว้ซื้อของที่เราอยากได้และมี ความจำเป็นกับและเพื่อเป็นทุนเพื่อการศึกษาในอนาคต
1ตอบ เงินคืออะไรก้อตามที่คนยอมรับในการซื้อขายสินค้า และรวมไปถึงการใช้หนี้
2ตอบ เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (meium of exchange) เป็นที่เก็บรักษามูลค่า (store of value ) เป็นหน่วยวัดมูลค่า
(unit of account) และเป็นมาตรฐานชำระหนี้ในอนาคต(stand of deferred payment)
3ตอบ ปรมาณเงินอย่างแคบ (Narrow money) หรือที่เรียนว่า M1 หมายถึง ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน
ปริมาณเงินคือ เงินที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชนประกอบด้วย ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ ที่อยู่ในมือประชาชน และรวมถึง
เงินฝากกระแสรายวันที่ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
4ตอบ ปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) M2 หมายถึง M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากของประชาชน M2a หมายถึง
M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาที่ใช้เงินบริษัทเงินทุน M3 หมายถึง M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคาร
เฉพาะกิจ
5ตอบ เงินนั้นสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบันมากดังนั้นเราจึงต้องรู้จักคุณค่าของเงินให้มาก และใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
และต้องรู้จักประหยัดและอดออมไว้เพื่อที่เราจะได้มีเงินเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น
1.ตอบ- เงิน คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่
2.ตอบ- การเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (medium of exchange) เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุด เพราะทั้งฝ่ายผู้บริโภค ฝ่ายผู้ผลิต ฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องใช้เงินเป็นสื่อกลางทั้งสิ้น - นอกจากจะเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแล้ว เงินยังทำหน้าที่เป็นเครื่องวัดมูลค่า(standard unit of account) ของสิ้นค้าและบริการต่างๆ - การเป็นเครื่องรักษามูลค่า (store of value) การรักษาความสามารถในการซื้อสิ้นค้า และบริการต่างๆได้ - หลายครั้งที่การดำเนินกิจกรรมทางเศษฐกิจบางอย่าง อาจจะต้องมีเรื่องของการกู้หนี้ยืมสิน เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งในการชำระหนี้ที่จะเกิดขึ้นนั้น เงินจะเข้ามาทำหน้าที่ ในการเป็นมาตรฐานของการชำระหนี้ (standard of deferred payment)
3.ตอบ- ความหมายของปริมาณเงินอย่างแคบ (Narrow money) หรือที่เรียกว่า M1 จะหมายถึง M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน (Demand deposit) องค์ประกอบ แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
4.ตอบ- ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money)จะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ รวมไปถึงที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้อยู่ในนิยามนี้ด้วยได้แก่ เงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในรูปของตั๋วแลกเงิน เงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีความครอบคลุมถึงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) หมายถึง M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ตอบ- หลักการใช้เงิน การวางแผนเงิน ถือเป็นข้อพึงปฎิบัติแรกที่ทุกคนต้องทำ ทั้งวางแผนการเงินของตัวเองและครอบครัวให้เหมาะสม ขั้นตอนการวางแผนมีดังนี้ การสำรวจตัวเอง - กำหนดเป้าหมาย - จัดสัดส่วนการใช้เงินให้เหมาะสม - ลองนำแผนมาปฎิบัติ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรารู้จักใช้เงินและใช้เงินอย่างประยัดไม่ใช้เงินเกินตัวและฐานะทางครอบครัว และเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองและครอบครัวอีกด้วย
1.ความหมายของเงิน คือ อะไรก็ตามเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการซื้อขายสินค้ารวมถึงการชำระหนี้
2.หน้าที่ของเงิน คือ
2.1เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน(Medium of exchange)
2.2เป็นที่เก็บรักษาข้อมูล(Store of value)
2.3เป็นหน่วยวัดข้อมูล(Unit of account)
2.4เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต(Stand of deferred payment)
3.ปริมาณเงินในความหมายแคบ หมายถึง M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน(Demand deposit)
4.ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง
0 M2 หมายถึง M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
0 M2a หมายถึง M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
0 M3 หมายถึง M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.หลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวัน คือ เราก็จะต้อวางแผนในการใช้เงินในก่อน ควรจะเป็นในด้านที่ถูกต้อง ในด้านที่เหมาะสม ควรใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นสิ่งไหนไม่จำเป็นมากนักก็ไม่สมควรที่จะจ่ายมันไป อย่างเช่น ซื้อเสื้อผ้าทุกอาทิตย์ อย่างนี้ไม่สมควรเพราะจะทำให้เราเคยตัวจะทำให้เรานั้นเป็นคนฟุ่มเฟือยได้ และควรจะคำนึงว่าเงินนั้นมีค่ามากเพราะกว่าจะได้มาแต่ละบาทนั้นไม่ง่ายเลยจะใช้จ่ายอะไรควรจะคิดติตองให้ดีก่อนและหลักการอีกอย่างหนึ่งคือ ควรรู้จักประหยัดอดออมใช้ส่วนหนึ่งและออมส่วนหนึ่ง ค่ะ
1.> ความหมายของเงิน (Money)
ในแง่ของเศรษฐศาสตร์ “เงิน” คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่สินค้าและบริการ เงินแบ่งเป็น 3 ชนิด
คือ - เหรียญกษาปณ์ - ธนบัตร - เงินฝากประเภทต่าง ๆ
( กระแสรายวัน,ออมทรัพย์ , ประจำ)
2.> หน้าที่ของเงินมีดังนี้
1. เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
2. เป็นเครื่องวัดมูลค่า (เมื่อเทียบกับสินค้าและบริการ)
3. เป็นเครื่องรักษามูลค่า (ส่วนใหญ่รักษาค่าเงินด้วยทองคำ)
4. เป็นมาตรฐานการชำระหนี้ในอนาคต
3.> ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง
องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝาก
เผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน
(Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์
บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและ
สหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน (Demand deposit)
4.> ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money)
ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ
โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ
ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตา
มและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.> นักเรียนใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร
ตอบ " ตั้งแต่เราได้เงินมาโรงเรียนจากพ่อแม่เราก็เริ่มวางแผนการใช้จ่ายเงินในวันนั้นว่าจะ
ต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง และ เงินส่วนที่เหลือก็ให้เป็นส่วน ของเงินเก็บ เพื่อนำไปฝากธนาคาร หรือ นำไปใช้ในยามที่จำเป็นจริงๆ
เวลาเราจะเลือกซื้อของชิ้นใดชิ้นหนึ่งนั้นต้องคำนึงถึงความเหมาะสมว่าของสิ่งนั้นเหมาะสมกับเราหรือเปล่า ราคาเหมาะกับสินค้า
หรือไม่และการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง และต้องเข้ากับหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงด้วย คือไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป
ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย และซื้อของที่จำเป็นจริงๆ เป็นต้น " นี่คือหลักการใช้เงินของฉัน
<< น.ส. เพชราภรณ์ ศุภลักษณ์ ม.5/3 เลขที่ 37>>
1. ความหมายของเงินคือ สิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2.เงินเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการชื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เป็นเครื่องวัดมูลค่า
3.ตอบ- ความหมายของปริมาณเงินอย่างแคบ หรือที่เรียกว่า M1 จะหมายถึง M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน องค์ประกอบ แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน
4.ตอบ ปริมาณเงินอย่างกว้าง M2 หมายถึง M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากของประชาชน M2a หมายถึง M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาที่ใช้เงินบริษัทเงินทุน M3 หมายถึง M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ใช้ชื้อของตามความเหมาะสมตามระยะเวลาต่างๆเช่นสิ่งของจำเป็น เวลามีก็ใช้อย่างพอประมาณ เวลาไม่มีก็นำที่เก็บออมมาใช้ แทนก็จะพอใช้จ่ายตามสิ่งที่ต้องการได้ เป็นต้น
1.ตอบ เงินคืออะไรก็ตาม ที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขาย และบริการ รวมไปถึงการใช้ชำระหนี้
2.ตอบ หน้าที่ของเงินคือ 1.เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน(Medium of exchange)
2.เป็นที่เก็บรักษามูลค่า(Store of value)
3.เป็นหน่วยวัดมูลค่า(Unit of account)
4.เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต(Standard of deferred payment)
3.ตอบ ความหมายของปริมาณเงินอย่างแคบ(Narrow money)หรือที่เรียกว่า M1 จะหมายถึง
M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน(Demand deposit)
4.ตอบ ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง(Broad money)
- M2 หมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
- M2a หมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตัวสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
- M3 หมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ตอบ หลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวัน คือ ใช้เงินเท่าที่จำเป็น ไม่ฟุ้มเฟือย รู้จักการเก็บออม
ต้องรู้จักการวางแผนก่อนใช้เงินว่าสิ่งที่เราจะซื้อนั้นมีความจำเป็นต่อเรามากน้อยแค่ไหน มีความคงทนหรือไม่
คุ้มกับปริมาณเงินที่เราต้องจ่ายไปหรือเปล่า เราต้องรู้จักค่าของเงินให้มากว่าเงินแต่ละบาททำให้พ่อแม่
ตอ้งเหน็ดเหนื่อยขนาดไหนกว่าจะได้เงินมาให้เราได้ใช้จ่าย ได้เรียนหนังสือจนทุกวันนี้
1. เงิน คือ อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับ โดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขาย และบริการรวมไปถึงการใช้ชำระหนี้
2 .หน้าที่ของเงิน คือ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เป็นที่เก็บรักษามูลค่า เป็นหน่วยวัดมูลค่า เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ใน อนาคต
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ (Narrow money) คือ ความหมายของปริมาณเงินอย่างแคบ (Narrow money) หรือที่เรียกว่า M1 จะหมายถึง M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน (Demand deposit)
4. ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) คือ ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียว
กับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3
ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม
ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร
มีการวางแผนในการใช้จ่าย ประหยัด ควรซื้อเฉพาะของที่จำเป็นไม่ใช้จ่ายอย่างฟุ้มเฟือย
1.ตอบ อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับในการใช้ซื้อ-ขาย บริการ และการใช้หนี้
2.ตอบ 1.เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน 2.เป็นที่เก็บรักษามูลค่า 3.เป็นหน่วยวัดมูลค่า 4.เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต
3.ตอบ M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน
4.ตอบ M2 = M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตัวสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3 = M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ตอบ ใช้อย่างประหยัด ไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็น เก็บเงินไว้ใช้ยามที่จำเป็นจะดีกว่า
1. ความหมายของเงิน คือ สิ่งใดไก็ได้ อาจเป็นก้อนหิน แร่ธาตุ ที่สังคมยอมรับโดยทั่วไปขณะใดขณะหนึ่งในแต่ละเขตหรือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ โดยใช้ชำระค่าสินค้าและบริการทั้งยังใช้เพื่อการชำระหนี้ในอนาคต
2. หน้าที่ของเงิน คือ เป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนสินค้า,เป็นเครื่องวัดมูลค่า (เมื่อเทียบกับสินค้าและบริการ, เป็นเครื่องรักษามูลค่า (ส่วนใหญ่รักษาค่าเงินด้วยทองคำ),เป็นมาตรฐานการชำระหนี้ในอนาคต
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง ปริมาณของทรัพย์สินทางการเงินที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน คือ ธนบัตร เหรียญในมือประชาชน ( ไม่รวมธนาคารพาณิชย์ ) และเงินฝากรายวัน ( เงินฝากเผื่อเรียก ) ของภาคเอกชน ( ไม่รวมที่เงินที่อยู่ในมือของธนาคารกลางและกระทรวงการคลัง )
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง ปริมาณเงินตามความหมายแคบ ( M1 ) และสินทรัพย์ทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนเป็นเงินโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นั่นคือ เงินฝากประจำและเงินฝากออมทรัพย์ของภาคเอกชน ( รวมรัฐวิสาหกิจ )ที่ฝากไว้ที่ธนาคารพาณิชย์ ที่นับรวมเพราะเบิกมาใช้เมื่อไรก็ได้
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย ก่อนที่จะอะไรเราก็ต้องคิดก่อนว่ามันจำเป็นมาแค่ไหน ในแต่ละวันเราต้องวางแผนว่าในหนึ่งวันเราใช่จ่ายไปกับการซื้ออะไรบ้าง อันไหนไม่จำเปนเราก้ไม่ต้องซื้อเพื่อลดรายจ่าย และจะทำให้เรามีเงินเหลือเก้บมากขึ้น
1.ตอบ เงินคือ อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการซื้อขายและบริการรวมไปถึงการชำระหนี้
2.ตอบ หน้าที่ของเงินคือ
2.1)เป็นสื่อกลาง ในการแลกเปลี่ยน(Mediumofexchahge)
2.2)เป็นที่เก็บรักษามูลค่า(Store of value)
2.3)เป็นหน่วยวัดข้อมูล(Unit of account)
2.4)เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต(Standard of deferred payment)
3.ตอบ ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หรือที่เรียกว่า M1 จะหมายถึง
M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน(Demand deposit)
4.ตอบ ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง
๐ M2 หมายถึง M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
๐ M2a หมายถึง M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตัวสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
๐ M3 หมายถึง M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ตอบ ใช้แบบประหยัดอย่างเช่น สิ่งของอะไรที่อยากได้แต่ถ้ามันแพงเนไปก็จะยังไม่ซื้อแต่จะเอาไว้เวลาจำเป็นที่จะต้องใช้จริงๆค่อยซื้อและก็เลือกที่ราคาไม่แพงจนเกินไปเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าหรือม่ก็ถ้าอยากได้อะไรก็ใช้วิธียอดกระปุกออมสินวันละบาทสองบาทจนครบแล้วค่อยเอาเงินที่ออมได้ไปซื้อมาก็ได้
1.สิ่งที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในการซื้อขาย การให้บริการ และการใช้หนี้
2.เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เป็นที่เก็บรักษาและเป็นหน่วยวัดมูลค่า และเป็นมาตรฐานในการใช้หนี้ในอนาคต
3.M1 คือ ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน
4.M2 คือ M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน , M2a คือ M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน , M3 คือ M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ไม่ใช้เงินฟุ้มเฟือยซื้อของอย่างประหยัดไม่ควรให้ความสนใจกับของไร้สาระ
1. เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งของและถือว่าเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันที่เป็นการยอมรับโดยทั่งไปในการซื้อ ขายสินค้า
2. เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน,เป็นที่เก็บรักษามูลค่า,เป็นหน่วยวัดมูลค่า,เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต
3. M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาป์ + เงินฝากกระแสรายวัน
4. M2 = M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตัวสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3 = M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. ใช้น้อย ใช้นาน ใช้ให้ประหยัด จำเป็น และคุมค่าที่สุด
1 เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งของและถือว่าเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันที่เป็นการยอมรับโดยทั่งไปในการซื้อ ขายสินค้า และเป็น สิ่งที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในการซื้อขาย การให้บริการ และการใช้หนี้
2 เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เป็นที่เก็บรักษามูลค่า เป็นหน่วยวัดมูลค่า เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต
3 M1 คือ ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน
4 M2 = M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตัวสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
5 ควรรู้จักประหยัดอดออมใช้ส่วนหนึ่งและออมส่วนหนึ่งน่ะคัฟผม
1 เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งของและถือว่าเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันที่เป็นการยอมรับโดยทั่งไปในการซื้อ ขายสินค้า และเป็น สิ่งที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในการซื้อขาย การให้บริการ และการใช้หนี้
2 เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เป็นที่เก็บรักษามูลค่า เป็นหน่วยวัดมูลค่า เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต
3 M1 คือ ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน
4 M2 = M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตัวสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
5 ไม่ใช้เงินฟุ้มเฟือย
1.ตอบ อะไรก็ตามที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ ซื้อ-ขาย สินค้าและบริการ รวมไปถึงการใช้ชำระหนี้
2.ตอบ 1.เป็นสื่อกลางในกลางแลกเปลี่ยน 2.เป็นที่เก็บรักษามลูค่า 3.เป็นหน่วยวัดมลูค่า 4.เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้
3.ตอบ M1=ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน
4.ตอบ M2หมายถึงM1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2aหมายถึงM2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั่วสัญญาใช้เงินบริษัทเงินทุน
M3หมายถึงM2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนคารเฉพาะกจิ
4.ตอบใช้อย่างประหยัด เวลาจะใช้ควรคิดว่าสิ่งที่จะซื้อหรือจะใช้มันจำเป็นมาแค่ไหนและควรเก็บเงินไว้เพื่อวันข้างหน้า
เมื่อมีเหตุจำเป็น
1.ตอบ อะไรก็ตามที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ ซื้อ-ขาย สินค้าและบริการ รวมไปถึงการใช้ชำระหนี้
2.ตอบ 1.เป็นสื่อกลางในกลางแลกเปลี่ยน 2.เป็นที่เก็บรักษามลูค่า 3.เป็นหน่วยวัดมลูค่า 4.เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้
3.ตอบ M1=ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน
4.ตอบ M2หมายถึงM1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2aหมายถึงM2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั่วสัญญาใช้เงินบริษัทเงินทุน
M3หมายถึงM2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนคารเฉพาะกจิ
5.ตอบใช้อย่างประหยัด เวลาจะใช้ควรคิดว่าสิ่งที่จะซื้อหรือจะใช้มันจำเป็นมาแค่ไหนและควรเก็บเงินไว้เพื่อวันข้างหน้า
เมื่อมีเหตุจำเป็น
1. เงินคือ อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อขายสินค้า่และบริการรวมไปถึงการใช้ชำระหนี้
2.หน้าที่ของเงินคือ 1เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน(medium of exchange)
2เป็นที่เก็บรักษามูลค่า(store of value)
3เป็นหน่วยวัดมูลค่า(unit fo account )
4เป็นมาตฐานในการชำระหนี้ในอนาคต(standard fo deferred payment)
3.ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบหมายถึง M1 =ธนบัตร+เหรียน+เงินฝากกระแสรายวัน
4.ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้างหมายถึง M2=M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a=M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสันญวใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3=M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.หลักการใช้เงินของฉันคือ ก่อนจะใช้เงินมีเงินเท่าไรก็เอาเก็บไว้ก่อนส่วนหนึ่งฉันจะไม่ใช้ให้เงินหมดไปฉันจะหักเก็บไว้ก่อน เช่นแม่ให้เงินมา100ค่ารถเมล์30ฉันก้อจะเหลือเงินที่ใช้70บาทฉันจะเอามาใช้40และจะเก็บไว้30บาทเพื่อเป็นเงินเก็บของตัวเอง
1. ความหมายของเงิน คือ ...
ตอบ อะไรก็ตามที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ ซื้อ-ขาย สินค้าและบริการ รวมไปถึงการใช้ชำระหนี้
2. หน้าที่ของเงิน คือ ...
ตอบ 1. สื่อการในการแลกเปลี่ยน
2. เป็นที่เก็บรักษามูลค่า
3.เป็นหน่วยวัดมูลค่า
4.เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง...
ตอบ หรื่อเรยกว่า m1 = ธนบัตร+เหรียน + เงินฝากกระแสรายวัน
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง...
ตอบ 1. M2=M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
2. M2a=M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสันญวใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
3. M3=M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย...
ตอบ เราควรใช้อย่างประหยัดเพราะว่าในปัจจุบันประเทศของเราของแพ้ขึ้นถ้าเกิดเราช่วยกันประหยัดคนละนิดประเทศของเราก็จะเจริญ
1.ตอบ เงินคือ อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ - ขาย และบริการ
2.ตอบ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange)
เป็นที่เกบรักษามูลค่า (Store of Value)
เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of accound)
เป็นมาตราในการชำระหนี้ในอนาคต (Standdard of deferred payment)
3.ตอบ ปริมาณเงินอย่างแคบหรือเรียกว่า M1 (Narrow money)
M1 หมายถึง ธนบัตร+เหรียกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน Demant
4.ตอบ ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broud money)
M2 หมายถึง M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำขของประชาชน
M2a หมายถึง M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงิน
M3 หมายถึง M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ตอบ การใช้เงินแต่ละครั้งควรคำนึงถึงคุณค่า และประโยชน์ของมัน ไม่ใช่แค่เพราะซื้อมาแล้วได้ความสุขเพียงชั่วคราว
1.ความหมายของเงิน คือ อะไรก็ตามเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการซื้อขายสินค้ารวมถึงการชำระหนี้
2.หน้าที่ของเงิน คือ
2.1เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน(Medium of exchange)
2.2เป็นที่เก็บรักษาข้อมูล(Store of value)
2.3เป็นหน่วยวัดข้อมูล(Unit of account)
2.4เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต(Stand of deferred payment)
3.ปริมาณเงินในความหมายแคบ หมายถึง M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน(Demand deposit)
4.ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง
0 M2 หมายถึง M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
0 M2a หมายถึง M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
0 M3 หมายถึง M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.หลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวัน คือ เราก็จะต้อวางแผนในการใช้เงินในก่อน ควรจะเป็นในด้านที่ถูกต้อง ในด้านที่เหมาะสม ควรใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นสิ่งไหนไม่จำเป็นมากนักก็ไม่สมควรที่จะจ่ายมันไป อย่างเช่น ซื้อเสื้อผ้าทุกอาทิตย์ อย่างนี้ไม่สมควรเพราะจะทำให้เราเคยตัวจะทำให้เรานั้นเป็นคนฟุ่มเฟือยได้ และควรจะคำนึงว่าเงินนั้นมีค่ามากเพราะกว่าจะได้มาแต่ละบาทนั้นไม่ง่ายเลยจะใช้จ่ายอะไรควรจะคิดติตองให้ดีก่อนและหลักการอีกอย่างหนึ่งคือ ควรรู้จักประหยัดอดออมใช้ส่วนหนึ่งและออมส่วนหนึ่ง ค่ะ
1. ความหมายของเงินคือ สิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2. หน้าที่ของเงิน คือ เงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ ทำหน้าที่สำคัญ ๆ 4 ประการ เช่น ต้องเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ต้องเป็นมาตราฐานในการวัดมูลค่าได้ เป็นต้น
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง คือ ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย คือต้องมีความคุ้มค่าและทำให้เกิดความพอใจสูงสุด และพอเพียง พอใช้ ประหยัด คับ
1. ตอบ อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2. ตอบ 2.1 เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ( Medium of exchange )
2.2 เป็นที่เก็บรักษามูลค่า ( Store of value )
2.3 เป็นหน่วยวัดมูลค่า ( Unit of account )
2.4 เป็นมาตราฐานในการชำระหนี้ในอนาคต ( Standard of deferred payment )
3. ตอบ M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินผ่านกระแสรายวัน ( Demand deposit )
4. ตอบ M2 = M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3 = M2a+เงินฝากประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. ตอบ ต้องรู้จักใช้เงินในสิ่งที่จำเป็นหรือที่เรายังขาดและจำเเป็นต้องใช้ในแต่ละวัน และเก็บออมนำเงินที่เก็บแต่ละวันได้เท่าไหร่ก็นำไปฝากธนคารเพื่อเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นหรือใช้เป็นทุนการศึกษษาให้ตัวเองโดยเราก็จะสามารถเเบ่งเบาภาระของพ่อแม่ได้
1.ความหมายของเงิน คือ ตอบ อะไรก็ตามเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการซื้อขายสินค้ารวมถึงการชำระหนี้
2. หน้าที่ของเงิน คือ ตอบ เงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ ทำหน้าที่สำคัญ ๆ 4 ประการ เช่น ต้องเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ต้องเป็นมาตราฐานในการวัดมูลค่าได้ เป็นต้น
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง ตอบ องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง... ตอบ
M2 = M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3 = M2a+เงินฝากประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย... ตอบ ตั้งแต่เราได้เงินมาโรงเรียนจากพ่อแม่เราก็เริ่มวางแผนการใช้จ่ายเงินในวันนั้นว่าจะ ต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง และ เงินส่วนที่เหลือก็ให้เป็นส่วน ของเงินเก็บ เพื่อนำไปฝากธนาคาร หรือ นำไปใช้ในยามที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น เพราะในอนาคตข้างหน้าเราจะได้มีเงินเหลือเพื่อจะได้ไปใช้จ่ายสิ่งที่เราอยากได้ไม่ต้องมาขอเงินคุณพ่อคุณแม่เลยเพราะเรารู้จักเก็บเงิน
1ตอบเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2ตอบเงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ
3ตอบสมัยก่อนคนเรามีการแลกเปลี่ยนสิ่งของซึ่งกันและกัน แต่มาปัจจุบัน เงิน กลายเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งของ ซึ่งก่อให้เกิดความง่ายดายในการแลกเปลี่ยนสิ่งของ และเงินก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนเรา
4ตอบ0 M2 หมายถึง M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
0 M2 หมายถึง M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
0 M2a หมายถึง M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5ตอบ ตัวอย่างการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันของฉัน เช่น
- ด้านการใช้จ่ายเงินในครอบครัว คือ ครอบครัวของฉันจะมีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายประจำวัน รวมถึงฉันเองก็จะมีการวางแผนหรือจดบันทึกเพื่อที่จะได้ทราบว่าในแต่ละวันเราใช้จ่ายไปเท่าไหร่ ครอบครัวเราใช้จ่ายอะไรบ้างในแต่ละวัน ซึ่งเราจะได้รู้ถึงหลักการในการใช้จ่ายเงินให้เหมาะสมภายในครอบครัว
1. เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน
2. เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ( Medium of exchange )
เป็นที่เก็บรักษามูลค่า ( Store of value )
เป็นหน่วยวัดมูลค่า ( Unit of account )
3. M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินผ่านกระแสรายวัน ( Demand deposit )
4. M2 = M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3 = M2a+เงินฝากประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. พอเพียง พอใช้ ประหยัด
1.ตอบเงิน คือสิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
ความสำคัญของเงิน
2.ตอบเงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ ทำหน้าที่สำคัญ ๆ 4 ประการ
3.ตอบ o ปริมาณเงินตามความหมายแคบ องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
4.ตอบo ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง จะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ รวมไปถึงที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้อยู่ในนิยามนี้ด้วยได้แก่ เงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในรูปของตั๋วแลกเงิน เงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีความครอบคลุมถึงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
5.ตอบตัวอย่างการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันของฉัน เช่น
- ด้านการใช้จ่ายเงินในครอบครัว คือ ครอบครัวของฉันจะมีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายประจำวัน รวมถึงฉันเองก็จะมีการวางแผนหรือจดบันทึกเพื่อที่จะได้ทราบว่าในแต่ละวันเราใช้จ่ายไปเท่าไหร่ ครอบครัวเราใช้จ่ายอะไรบ้างในแต่ละวัน ซึ่งเราจะได้รู้ถึงหลักการในการใช้จ่ายเงินให้เหมาะสมภายในครอบครัว
- ด้านการใช้เงิน คือ ตั้งแต่เราได้เงินมาโรงเรียนจากพ่อแม่เราก็เริ่มวางแผนการใช้จ่ายเงินในวันนั้นว่าจะ ต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง และ เงินส่วนที่เหลือก็ให้เป็นส่วน ของเงินเก็บ เพื่อนำไปฝากธนาคาร หรือ นำไปใช้ในยามที่จำเป็นจริงๆ
- ด้านการเลือกซื้อของ คือ เวลาเราจะเลือกซื้อของชิ้นใดชิ้นหนึ่งนั้นต้องคำนึงถึงความเหมาะสมว่าของสิ่งนั้นเหมาะสมกับเราหรือเปล่า ราคาเหมาะกับสินค้าหรือไม่และการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง และต้องเข้ากับหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงด้วย คือไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย และซื้อของที่จำเป็นจริงๆ เป็นต้น
1. เงินคือ อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อขายสินค้า่และบริการรวมไปถึงการใช้ชำระหนี้
2.หน้าที่ของเงินคือ 1เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน(medium of exchange)
2เป็นที่เก็บรักษามูลค่า(store of value)
3เป็นหน่วยวัดมูลค่า(unit fo account )
4เป็นมาตฐานในการชำระหนี้ในอนาคต(standard fo deferred payment)
3.ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบหมายถึง M1 =ธนบัตร+เหรียน+เงินฝากกระแสรายวัน
4.ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้างหมายถึง M2=M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a=M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสันญวใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3=M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.หลักการใช้เงินของฉันคือ ก่อนจะใช้เงินมีเงินเท่าไรก็เอาเก็บไว้ก่อนส่วนหนึ่งฉันจะไม่ใช้ให้เงินหมดไปฉันจะหักเก็บไว้ก่อน
1ตอบ เงินคืออะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ ซื้อ-ขาย สินค้าและบริการรวมไปถึงการชำระหนี้
2ตอบ 2.1 เป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยน
2.2เป็นที่เก็บรักษามูลค่า
2.3เป็นหน่วยวัดมูลค่า
2.4เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต
3ตอบ ปริมาณเงินอย่างแคบ หรือที่เรียกว่าM1 จะหมายถึง M1=ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน
4ตอบ 1.M2หมายถึงM1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
2.M2aหมายถึงM2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
3.M3หมายถึงM2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5ตอบ เราต้องรู้จักการใช้เงิน และเราต้องใช้เงินอย่างประหยัดและให้คุ้มค่ากับการใช้เงินก้อนนั้นไป เงินจำเป็นกับชีวิตเรามากเพราะฉะนั้นแล้วเราควรคิดก่อนจะใช้เงินก้อนนั้นไป
1.“เงิน” คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่
2. 1.เป็นสื่อกลางในกลางแลกเปลี่ยน 2.เป็นที่เก็บรักษามลูค่า 3.เป็นหน่วยวัดมลูค่า 4.เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้
3.M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน ปริมาณ เงินคือเงินที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชน ประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่อยู่ในมือประชาชน และรวมถึงเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคาร อาทิ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
4.ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. รู้จัก ออม รู้จัก เก็บ ประหยัด ไม่ฟุ่มเฟื่อย คิดก่อนใช้เสมอเพราะเงินหายาก
อย่าย่ามใจ ควรตรวจเงินในกระเป๋าสัปดาห์ละครั้งค่ะเพื่อเปรียบเทียบส่วนที่ใช้ไปกับเงินที่เหลือติดในกระเป๋าของเราทำบัญชีรายรับรายจ่ายด้วยค่ะ
1.เงินคือสิ่งที่เอาไว้เเรกเปลี่ยนกัน
2.1.เป็นสื่อกลางในกลางแลกเปลี่ยน 2.เป็นที่เก็บรักษามลูค่า 3.เป็นหน่วยวัดมลูค่า 4.เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้
3. M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน (Demand deposit)
4.ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ
* M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
* M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
* M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.รู้ข้อกําจัดของตัวเอง รู้ศักยภาพการหมุนเงินของตัวเอง ไม่ฟุ่มเฟื่อยเวลาซื้อของหรือใช้เงิน
1. ความหมายของเงิน (Money) ในแง่ของเศรษฐศาสตร์ “เงิน” คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่ เหตุที่เราศึกษาเรื่องเงิน เพราะ D Ms ของเงินมีผลต่อตัวแปรทาง ศ.ก. เช่น GNP, i, I , P และการจ้างงาน อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2. ด้วยปัญหาข้างต้น เงินจึงเกิดขึ้นและทำหน้าที่ดังนี้
• เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange)
• เป็นที่เก็บรักษามูลค่า (Store of value)
• เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of account)
• เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต (Standard of deferred payment) หน้าที่นี้เกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อขายสินค้าเงินเชื่อกัน เพราะการกำหนดเป็นการคืนด้วยเงินนั้น ย่อมที่จะดีกว่าการกำหนดการคืนด้วยสินค้า ซึ่งอาจมีปัญหาทั้งด้านขนาด ปริมาณและคุณภาพ อีกทั้งสินค้าบางอย่างยังอาจเน่าเสียได้ง่าย
3. ปริมาณเงินตามความหมายแคบ องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
• ความหมายของปริมาณเงินอย่างแคบ (Narrow money) หรือที่เรียกว่า M1 จะหมายถึง
M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน (Demand deposit)
ปริมาณ เงินคือเงินที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชน ประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่อยู่ในมือประชาชน และรวมถึงเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคาร อาทิ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
4. ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง จะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ รวมไปถึงที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้อยู่ในนิยามนี้ด้วยได้แก่ เงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในรูปของตั๋วแลกเงิน เงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีความครอบคลุมถึงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากเรื่องของ ปริมาณเงินนั้น ยังคงมีอีกหลายแง่มุมที่เกี่ยวข้องกัน แต่เพื่อไม่ให้บทความนี้ยาวจนเกินไป จึงขออนุญาตเก็บไว้เล่าในตอนต่อไปว่าปริมาณเงินเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนแปลงได้จะเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยใด คนมีความต้องการถือเงิน (Demand for money) เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง และเกี่ยวข้องอะไรกับอัตราดอกเบี้ยหรือเปล่า รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
• ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.เราควนใช้แบบประหยัดอย่างเช่น สิ่งของอะไรที่อยากได้แต่ถ้ามันแพงเนไปก็จะยังไม่ซื้อแต่จะเอาไว้เวลาจำเป็นที่จะต้องใช้จริงๆค่อยซื้อและก็เลือกที่ราคาไม่แพงจนเกินไปเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าหรือม่ก็ถ้าอยากได้ เเละเรากว่าจะได้เงินมาเเต่ละบาทเราต้องไปทำงานเเลกเงินมาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน อะไรก็ใช้วิธียอดกระปุกออมสินวันละบาทสองบาทจนครบแล้วค่อยเอาเงินที่ออมได้ไปซื้อมาก็ได้ไม่ใช้เงินฟุ้มเฟือยซื้อของอย่างประหยัดไม่ควรให้ความสนใจกับของไร้สาระ พอเพียง พอใช้ ประหยัด
นาย เฉลิมชัย ทองห่อ เลขที่ 6 ม.5/3
1. ความหมายของเงิน คือ ...
อะไรก็แล้วแต่ที่สังคมยอมรับในการแลกเปลี่ยนสินค้าและสามารถชําระหนี้ได้
2. หน้าที่ของเงิน คือ ...
.1 เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
.2 เป็นที่เก็บรักษามูลค่า
.3 เป็นหน่วยวัดมูลค่า
.4 เป็นมาตราฐานในการชำระหนี้ในอนาคต
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง...
.M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน ปริมาณ เงินคือเงินที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชน ประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง...
1. M2=M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
2. M2a=M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสันญวใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
3. M3=M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย...
ใช้อย่างประหยัดและรู้จักเก็บอดออม ใช้อย่างคุ้มค่าคิดก่อนใช้เงินเสมอ
และไม่ฟุ้มเฟื่อย
ข้อ1.เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสิค้า และชำระหนี้
ข้อ2.1.เป็นสื่อกลางในกลางแลกเปลี่ยน 2.เป็นที่เก็บรักษามลูค่า 3.เป็นหน่วยวัดมลูค่า 4.เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้
ข้อ3.M1=ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน
ข้อ4.M2 = M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตัวสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
ข้อ5.ใช้อย่างประหยัดอดออมคราฟผม☻♥☺
1.ตอบ เงิน คือสิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
ความสำคัญของเงิน
2. ตอบคือ เป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนสินค้า,เป็นเครื่องวัดมูลค่า (เมื่อเทียบกับสินค้าและบริการ, เป็นเครื่องรักษามูลค่า (ส่วนใหญ่รักษาค่าเงินด้วยทองคำ),เป็นมาตรฐานการชำระหนี้ในอนาคต
3.> ตอบ
องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝาก
เผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน
(Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์
บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นต้น
4.ตอบ
0 M2 หมายถึง M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
0 M2a หมายถึง M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
0 M3 หมายถึง M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ตอบ
ใช้เงินเท่าที่จำเป็น ไม่ฟุ้มเฟือย ครับอาจารย์↨§↨
1. ความหมายของเงิน (Money) ในแง่ของเศรษฐศาสตร์ “เงิน” คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่ เหตุที่เราศึกษาเรื่องเงิน เพราะ D Ms ของเงินมีผลต่อตัวแปรทาง ศ.ก
2. หน้าที่ของเงิน คือ ...เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง... M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน(Demand deposit)
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง...1. M2=M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
2. M2a=M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสันญวใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
3. M3=M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย...ไม่ฟุ้มเฟื่อยและต้องประหยัดไว้เพื่อวันข้างหน้า
1. ความหมายของเงิน คือ ...
ตอบ อะไรก็ตามที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ ซื้อ-ขาย สินค้าและบริการ รวมไปถึงการใช้ชำระหนี้
2. หน้าที่ของเงิน คือ ...
ตอบ 1. สื่อการในการแลกเปลี่ยน
2. เป็นที่เก็บรักษามูลค่า
3.เป็นหน่วยวัดมูลค่า
4.เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง...
ตอบ หรื่อเรยกว่า m1 = ธนบัตร+เหรียน + เงินฝากกระแสรายวัน
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง...
ตอบ 1. M2=M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
2. M2a=M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสันญวใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
3. M3=M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย...
เราต้องรู้จักการใช้เงิน และเราต้องใช้เงินอย่างประหยัด
1.เงิน คือ อะไรก็ได้ที่เป้นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการซื้อ-ขายสินค้า บริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2.หน้าที่ของเงิน คือ
-เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
-เป็นที่เก็บรักษามูลค่า
-เป็นหน่วยวัดมูลค่า
-เป็นมาตราฐานในการชำระหนี้ในอนาคต
3.ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง M1= ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน
4.ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง เงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบเงินฝากออมทรัพย์ และ
เงินฝากประจำ
-M2=M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประชาชน
-M2a=M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
-M3=M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ใช้เงินไม่ฟุ่มเฟือย ใช้เท่าที่จำเป็น
1. เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน
2. เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ( Medium of exchange )
เป็นที่เก็บรักษามูลค่า ( Store of value )
เป็นหน่วยวัดมูลค่า ( Unit of account )
3. M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินผ่านกระแสรายวัน ( Demand deposit )
4. M2 = M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3 = M2a+เงินฝากประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. พอเพียง พอใช้ ประหยัด
1. ความหมายของเงินคือ สิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไม่ว่ามนุษย์จะอย่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศัยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2. หน้าที่ของเงิน คือ เงินที่นำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใด ๆ ทำหน้าที่สำคัญ ๆ 4 ประการ เช่น ต้องเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ต้องเป็นมาตราฐานในการวัดมูลค่าได้ เป็นต้น
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง คือ ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย พอเพียง พอใช้ ประหยัด คับ ง่าย ๆ
1. ความหมายของเงิน คือเงิน คือสิ่งที่คนในสังคมได้สมมติขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
ความสำคัญของเงินไม่ว่ามนุษย์จะอยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบใด ย่อมต้องอาศํยเงินเป็นประการสำคัญ เพราะเงินช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน การผลิต และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
2. หน้าที่ของเงิน คือ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ( Medium of Exchange )
เป็นมาตรฐานในการวัดค่า ( Standard of Value )
เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ภายหน้า ( Standard of Deferred Payment )
เป็นเครื่องเก็บรักษามูลค่า ( Store of Value )
3. ปริมาณเงินในความหมายอย่างแคบ หมายถึง ( M1 ) หมายถึงปริมาณของทรัพย์สินทางการเงินที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน คือ ธนบัตร เหรียญในมือประชาชน ( ไม่รวมธนาคารพาณิชย์ ) และเงินฝากรายวัน ( เงินฝากเผื่อเรียก ) ของภาคเอกชน ( ไม่รวมที่เงินที่อยู่ในมือของธนาคารกลางและกระทรวงการคลัง )
4. ปริมาณเงินในความหมายอย่างกว้าง หมายถึง ( M2 ) หมายถึง ปริมาณเงินตามความหมายแคบ ( M1 ) และสินทรัพย์ทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนเป็นเงินโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นั่นคือ เงินฝากประจำและเงินฝากออมทรัพย์ของภาคเอกชน ( รวมรัฐวิสาหกิจ )ที่ฝากไว้ที่ธนาคารพาณิชย์ ที่นับรวมเพราะเบิกมาใช้เมื่อไรก็ได้
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย ใช้เงิน เป็น ประหยัด พอเพียงไม่ใช้เพียงพอ เก็บ บ้างยาม จำเปน ใช้ บ้างยามคับขัน
ลืม เขียน คับ เลย เขียน ทับ อีก ที ขอโทด ครับ
1.เป็นสื่อกลางและเป็นที่ยอมรับในการซื้อขาย แลกเปลี่ยน และชำระหนี้
2.เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้
เป็นหน่วยวันมูลค่า
ป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
3.เรียกว่า M1 = ธนบัตร+เหรียญกษาปณ์+เงินฝากกระแสรายวัน
4. M2 = M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2a = M2 + เงินฝากประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3 = M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. มีสติ รู้ทันตัวเอง ใช้เศรษฐกิจพอเพียง เตรียมพร้อมกับอนาคต
1.ตอบ เงิน คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่
2.ตอบ • เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange)
• เป็นที่เก็บรักษามูลค่า (Store of value)
• เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of account)
• เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต (Standard of deferred payment)
3.ตอบ เงินในความหมายอย่างแคบหรือ M1 ประกอบด้วย เหรียญกษาปณ์ และธนบัตร ตลอดจนเงินฝากกระแสรายวันที่จ่ายโอนกันด้วยเช็ค
4.ตอบ M2 จะประกอบ M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
M2aประกอบไปด้วย M2+เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
M3ประกอบไปด้วยM2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ตอบ เราควรใช้เงินให้พอตัวไม่ใช้มี 20 ใช้ 25 อย่างน้อยเราควรจะเหลือเก็บซักบาทหนึ่งก็ดีเพื่อเก็บไว้ใช้ในยามที่จำเป็นบาง
1. ความหมายของเงิน (Money) ในแง่ของเศรษฐศาสตร์ “เงิน” คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่ เหตุที่เราศึกษาเรื่องเงิน เพราะ D Ms ของเงินมีผลต่อตัวแปรทาง ศ.ก. เช่น GNP, i, I , P และการจ้างงาน อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2. ด้วยปัญหาข้างต้น เงินจึงเกิดขึ้นและทำหน้าที่ดังนี้
• เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange)
• เป็นที่เก็บรักษามูลค่า (Store of value)
• เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of account)
• เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต (Standard of deferred payment) หน้าที่นี้เกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อขายสินค้าเงินเชื่อกัน เพราะการกำหนดเป็นการคืนด้วยเงินนั้น ย่อมที่จะดีกว่าการกำหนดการคืนด้วยสินค้า ซึ่งอาจมีปัญหาทั้งด้านขนาด ปริมาณและคุณภาพ อีกทั้งสินค้าบางอย่างยังอาจเน่าเสียได้ง่าย
3. ปริมาณเงินตามความหมายแคบ องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
• ความหมายของปริมาณเงินอย่างแคบ (Narrow money) หรือที่เรียกว่า M1 จะหมายถึง
M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน (Demand deposit)
ปริมาณ เงินคือเงินที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชน ประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่อยู่ในมือประชาชน และรวมถึงเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคาร อาทิ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
4. ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง จะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ รวมไปถึงที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้อยู่ในนิยามนี้ด้วยได้แก่ เงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในรูปของตั๋วแลกเงิน เงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีความครอบคลุมถึงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากเรื่องของ ปริมาณเงินนั้น ยังคงมีอีกหลายแง่มุมที่เกี่ยวข้องกัน แต่เพื่อไม่ให้บทความนี้ยาวจนเกินไป จึงขออนุญาตเก็บไว้เล่าในตอนต่อไปว่าปริมาณเงินเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนแปลงได้จะเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยใด คนมีความต้องการถือเงิน (Demand for money) เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง และเกี่ยวข้องอะไรกับอัตราดอกเบี้ยหรือเปล่า รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
• ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.เราควนใช้แบบประหยัดอย่างเช่น สิ่งของอะไรที่อยากได้แต่ถ้ามันแพงเนไปก็จะยังไม่ซื้อแต่จะเอาไว้เวลาจำเป็นที่จะต้องใช้จริงๆค่อยซื้อและก็เลือกที่ราคาไม่แพงจนเกินไปเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าหรือม่ก็ถ้าอยากได้ เเละเรากว่าจะได้เงินมาเเต่ละบาทเราต้องไปทำงานเเลกเงินมาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน อะไรก็ใช้วิธียอดกระปุกออมสินวันละบาทสองบาทจนครบแล้วค่อยเอาเงินที่ออมได้ไปซื้อมาก็ได้ไม่ใช้เงินฟุ้มเฟือยซื้อของอย่างประหยัดไม่ควรให้ความสนใจกับของไร้สาระ พอเพียง พอใช้ ประหยัด
1. ความหมายของเงิน (Money) ในแง่ของเศรษฐศาสตร์ “เงิน” คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่ เหตุที่เราศึกษาเรื่องเงิน เพราะ D Ms ของเงินมีผลต่อตัวแปรทาง ศ.ก. เช่น GNP, i, I , P และการจ้างงาน อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2. ด้วยปัญหาข้างต้น เงินจึงเกิดขึ้นและทำหน้าที่ดังนี้
• เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange)
• เป็นที่เก็บรักษามูลค่า (Store of value)
• เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of account)
3. ปริมาณเงินตามความหมายแคบ องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
4. ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง จะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ รวมไปถึงที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้อยู่ในนิยามนี้ด้วยได้แก่ เงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในรูปของตั๋วแลกเงิน เงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีความครอบคลุมถึงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5. นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย พอเพียง พอใช้ ประหยัด คับ ง่าย ๆ
ขอโทษคับ
ลืมเขียนเลขที่คับ
1. ตอบ อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2. ตอบ 2.1 เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ( Medium of exchange )
3. ปริมาณเงินตามความหมายแคบ องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
• ความหมายของปริมาณเงินอย่างแคบ (Narrow money) หรือที่เรียกว่า M1 จะหมายถึง
M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน (Demand deposit)
ปริมาณ เงินคือเงินที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชน ประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่อยู่ในมือประชาชน และรวมถึงเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคาร อาทิ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
4. ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง จะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ รวมไปถึงที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้อยู่ในนิยามนี้ด้วยได้แก่ เงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในรูปของตั๋วแลกเงิน เงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีความครอบคลุมถึงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากเรื่องของ ปริมาณเงินนั้น ยังคงมีอีกหลายแง่มุมที่เกี่ยวข้องกัน แต่เพื่อไม่ให้บทความนี้ยาวจนเกินไป จึงขออนุญาตเก็บไว้เล่าในตอนต่อไปว่าปริมาณเงินเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนแปลงได้จะเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยใด คนมีความต้องการถือเงิน (Demand for money) เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง และเกี่ยวข้องอะไรกับอัตราดอกเบี้ยหรือเปล่า รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
• ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.เราควนใช้แบบประหยัดอย่างเช่น สิ่งของอะไรที่อยากได้แต่ถ้ามันแพงเนไปก็จะยังไม่ซื้อแต่จะเอาไว้เวลาจำเป็นที่จะต้องใช้จริงๆค่อยซื้อและก็เลือกที่ราคาไม่แพงจนเกินไปเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าหรือม่ก็ถ้าอยากได้ เเละเรากว่าจะได้เงินมาเเต่ละบาทเราต้องไปทำงานเเลกเงินมาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน อะไรก็ใช้วิธียอดกระปุกออมสินวันละบาทสองบาทจนครบแล้วค่อยเอาเงินที่ออมได้ไปซื้อมาก็ได้ไม่ใช้เงินฟุ้มเฟือยซื้อของอย่างประหยัดไม่ควรให้ความสนใจกับของไร้สาระ พอเพียง พอใช้ ประหยัด
1. ความหมายของเงิน (Money) ในแง่ของเศรษฐศาสตร์ “เงิน” คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่ เหตุที่เราศึกษาเรื่องเงิน เพราะ D Ms ของเงินมีผลต่อตัวแปรทาง ศ.ก. เช่น GNP, i, I , P และการจ้างงาน อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2. ด้วยปัญหาข้างต้น เงินจึงเกิดขึ้นและทำหน้าที่ดังนี้
• เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange)
• เป็นที่เก็บรักษามูลค่า (Store of value)
• เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of account)
3. ปริมาณเงินตามความหมายแคบ องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
4. ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง จะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ รวมไปถึงที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้อยู่ในนิยามนี้ด้วยได้แก่ เงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในรูปของตั๋วแลกเงิน เงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีความครอบคลุมถึงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.ตอบ การใช้เงินแต่ละครั้งควรคำนึงถึงคุณค่า และประโยชน์ของมัน ไม่ใช่แค่เพราะซื้อมาแล้วได้ความสุขเพียงชั่วคราว
อาจารย์ ผมลืม เขียนเลขที่ 20 ม5/4 ครับ
คำตอบข้อ1.เงินคืออะไรก็ได้ที่เป็นซื่อกลางในแลกเปลี่ยนและมีมูลค่าค่อนข้างคงที่ และเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
คำตอบข้อ2.1.เป็นซื่อกลางไนการแลกเปลี่ยน
2.เป็นที่เก็บรักษามูลค่า
3.เป็นหน่วยวัดมูลค่า
คำตอบข้อ3.ปริมาณเงินไนความหมายอย่งแคบคือเงินที่หมุนเวียนอยู่ไนมือประชาชนประกอบด้วยธนบัติและเหรียญกษาปณ์รวมถึงเงินฝากกระแสรายวัน
คำตอบข้อ4.เงินไนความหมายอย่างกว้างคือจะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ไนรูปเงินฝากออมทรัพย์เงินฝากประจำเงินฝากไนรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุนเงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
คำตอบข้อที่5.ใช้หนึ่งส่วนออมสามส่วน
ปลอมแปลง และเก็บไว้ได้นานโดยไม่เสื่อมสภาพ เงินสามารถแบ่งเป็นหน่วยย่อย ๆได้ และสามารถนำติดตัวไปเพื่อการแลกเปลี่ยนสินค้าได้ง่าย
3ตอบ. • ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียว
กับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3
ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม
(ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
4ตอบ.M2 หมายถึง M1+เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
-M2a หมายถึง M2+เงินฝากประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน-Ms หมายถึง M2a+เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารธนกิจ
.เราควนใช้แบบประหยัดอย่างเช่น สิ่งของอะไรที่อยากได้แต่ถ้ามันแพงเนไปก็จะยังไม่ซื้อแต่จะเอาไว้เวลาจำเป็นที่จะต้องใช้จริงๆค่อยซื้อและก็เลือกที่ราคาไม่แพงจนเกินไปเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าหรือม่ก็ถ้าอยากได้ เเละเรากว่าจะได้เงินมาเเต่ละบาทเราต้องไปทำงานเเลกเงินมาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน อะไรก็ใช้วิธียอดกระปุกออมสินวันละบาทสองบาทจนครบแล้วค่อยเอาเงินที่ออมได้ไปซื้อมาก็ได้ไม่ใช้เงินฟุ้มเฟือยซื้อของอย่างประหยัดไม่ควรให้ความสนใจกับของไร้สาระ พอเพียง พอใช้ ประหยัด
1. ความหมายของเงิน (Money) ในแง่ของเศรษฐศาสตร์ “เงิน” คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่ เหตุที่เราศึกษาเรื่องเงิน เพราะ D Ms ของเงินมีผลต่อตัวแปรทาง ศ.ก. เช่น GNP, i, I , P และการจ้างงาน อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2. ด้วยปัญหาข้างต้น เงินจึงเกิดขึ้นและทำหน้าที่ดังนี้
• เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange)
• เป็นที่เก็บรักษามูลค่า (Store of value)
• เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of account)
• เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต (Standard of deferred payment) หน้าที่นี้เกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อขายสินค้าเงินเชื่อกัน เพราะการกำหนดเป็นการคืนด้วยเงินนั้น ย่อมที่จะดีกว่าการกำหนดการคืนด้วยสินค้า ซึ่งอาจมีปัญหาทั้งด้านขนาด ปริมาณและคุณภาพ อีกทั้งสินค้าบางอย่างยังอาจเน่าเสียได้ง่าย
3. ปริมาณเงินตามความหมายแคบ องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
• ความหมายของปริมาณเงินอย่างแคบ (Narrow money) หรือที่เรียกว่า M1 จะหมายถึง
M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน (Demand deposit)
ปริมาณ เงินคือเงินที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชน ประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่อยู่ในมือประชาชน และรวมถึงเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคาร อาทิ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
4. ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง จะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ รวมไปถึงที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้อยู่ในนิยามนี้ด้วยได้แก่ เงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในรูปของตั๋วแลกเงิน เงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีความครอบคลุมถึงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากเรื่องของ ปริมาณเงินนั้น ยังคงมีอีกหลายแง่มุมที่เกี่ยวข้องกัน แต่เพื่อไม่ให้บทความนี้ยาวจนเกินไป จึงขออนุญาตเก็บไว้เล่าในตอนต่อไปว่าปริมาณเงินเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนแปลงได้จะเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยใด คนมีความต้องการถือเงิน (Demand for money) เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง และเกี่ยวข้องอะไรกับอัตราดอกเบี้ยหรือเปล่า รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
• ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3 ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม (ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.เราควนใช้แบบประหยัดอย่างเช่น สิ่งของอะไรที่อยากได้แต่ถ้ามันแพงเนไปก็จะยังไม่ซื้อแต่จะเอาไว้เวลาจำเป็นที่จะต้องใช้จริงๆค่อยซื้อและก็เลือกที่ราคาไม่แพงจนเกินไปเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าหรือม่ก็ถ้าอยากได้ เเละเรากว่าจะได้เงินมาเเต่ละบาทเราต้องไปทำงานเเลกเงินมาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน อะไรก็ใช้วิธียอดกระปุกออมสินวันละบาทสองบาทจนครบแล้วค่อยเอาเงินที่ออมได้ไปซื้อมาก็ได้ไม่ใช้เงินฟุ้มเฟือยซื้อของอย่างประหยัดไม่ควรให้ความสนใจกับของไร้สาระ พอเพียง พอใช้ ประหยัด
อาจารย์คับผมทำใหม่ลืมเขียนข้อคับ
1. ความหมายของเงิน (Money) ในแง่ของเศรษฐศาสตร์ “เงิน” คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่ เหตุที่เราศึกษาเรื่องเงิน เพราะ D Ms ของเงินมีผลต่อตัวแปรทาง ศ.ก. เช่น GNP, i, I , P และการจ้างงาน อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2. ด้วยปัญหาข้างต้น เงินจึงเกิดขึ้นและทำหน้าที่ดังนี้
• เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange)
• เป็นที่เก็บรักษามูลค่า (Store of value)
• เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of account)
3. ปริมาณเงินตามความหมายแคบ องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
4. ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง จะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ รวมไปถึงที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้อยู่ในนิยามนี้ด้วยได้แก่ เงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในรูปของตั๋วแลกเงิน เงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีความครอบคลุมถึงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
5.เราควนใช้แบบประหยัดอย่างเช่น สิ่งของอะไรที่อยากได้แต่ถ้ามันแพงเนไปก็จะยังไม่ซื้อแต่จะเอาไว้เวลาจำเป็นที่จะต้องใช้จริงๆค่อยซื้อและก็เลือกที่ราคาไม่แพงจนเกินไปเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าหรือม่ก็ถ้าอยากได้ เเละเรากว่าจะได้เงินมาเเต่ละบาทเราต้องไปทำงานเเลกเงินมาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน อะไรก็ใช้วิธียอดกระปุกออมสินวันละบาทสองบาทจนครบแล้วค่อยเอาเงินที่ออมได้ไปซื้อมาก็ได้ไม่ใช้เงินฟุ้มเฟือยซื้อของอย่างประหยัดไม่ควรให้ความสนใจกับของไร้สาระ พอเพียง พอใช้ ประหยัด
1. ความหมายของเงิน (Money) ในแง่ของเศรษฐศาสตร์ “เงิน” คืออะไรก็ได้ที่ สังคมยอมรับ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และมีมูลค่าค่อนข้างคงที่ เหตุที่เราศึกษาเรื่องเงิน เพราะ D Ms ของเงินมีผลต่อตัวแปรทาง ศ.ก. เช่น GNP, i, I , P และการจ้างงาน อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้
2. ด้วยปัญหาข้างต้น เงินจึงเกิดขึ้นและทำหน้าที่ดังนี้
• เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange)
• เป็นที่เก็บรักษามูลค่า (Store of value)
• เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of account)
• เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต (Standard of deferred payment) หน้าที่นี้เกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อขายสินค้าเงินเชื่อกัน เพราะการกำหนดเป็นการคืนด้วยเงินนั้น ย่อมที่จะดีกว่าการกำหนดการคืนด้วยสินค้า ซึ่งอาจมีปัญหาทั้งด้านขนาด ปริมาณและคุณภาพ อีกทั้งสินค้าบางอย่างยังอาจเน่าเสียได้ง่าย
3. ปริมาณเงินตามความหมายแคบ องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่ สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
• ความหมายของปริมาณเงินอย่างแคบ (Narrow money) หรือที่เรียกว่า M1 จะหมายถึง
M1 = ธนบัตร + เหรียญกษาปณ์ + เงินฝากกระแสรายวัน (Demand deposit)
ปริมาณ เงินคือเงินที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชน ประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่อยู่ในมือประชาชน และรวมถึงเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคาร อาทิ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
4. ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง จะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ รวมไปถึงที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้อยู่ในนิยามนี้ด้วยได้แก่ เงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในรูปของตั๋วแลกเงิน เงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีความครอบคลุมถึงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากเรื่องของ ปริมาณเงินนั้น ยังคงมีอีกหลายแง่มุมที่เกี่ยวข้องกัน แต่เพื่อไม่ให้บทความนี้ยาวจนเกินไป จึงขออนุญาตเก็บไว้เล่าในตอนต่อไปว่าปริมาณเงินเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนแปลงได้จะเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยใด คนมีความต้องการถือเงิน (Demand for money) เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง และเกี่ยวข้องอะไรกับอัตราดอกเบี้ยหรือเปล่า รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
5.เราควนใช้แบบประหยัดอย่างเช่น สิ่งของอะไรที่อยากได้แต่ถ้ามันแพงเนไปก็จะยังไม่ซื้อแต่จะเอาไว้เวลาจำเป็นที่จะต้องใช้จริงๆค่อยซื้อและก็เลือกที่ราคาไม่แพงจนเกินไปเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าหรือม่ก็ถ้าอยากได้ เเละเรากว่าจะได้เงินมาเเต่ละบาทเราต้องไปทำงานเเลกเงินมาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน
กรณีนักศึกษาวิชาทหาร
กำหนดส่งข้อมูลได้ถึง เวลา 18.00 น.ของวันที่ 5 มิถุนายน 2554ค่ะ
เงิน คือ อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้า
และบริการ รวมไปถึงการใช้ชำระหนี้ โดยในสมัยก่อน คนอาจจะใช้เปลือกหอย หรือทอง
หรือโลหะอะไรก็ได้เพื่อใช้เป็นเงิน ตราบเท่าที่คนในสังคมยอมรับค่าของสิ่งนั้น ๆ แต่ทั้งนี้
ก็ต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญคือ เมื่อกำหนดค่าของเงินแล้ว ค่านั้นจะต้องคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
รวดเร็ว ไม่ใช่วันนี้มีค่า 1 บาท แต่อีกวันมีค่าแค่ 50 สตางค์ หรืออีกวันมีค่าถึง 100 บาท
เป็นต้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้สิ่งๆ นั้นยังสามารถทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนในสังคมได้
เนื่องจากหากค่าของเงินไม่คงที่ เช่น ด้อยลงเรื่อย ๆ คนในสังคมก็จะขาดความเชื่อถือ
และไม่ยอมรับเงินนั้นเป็นสื่อกลาง รวมทั้งไม่ยอมรับให้เป็นสิ่งที่ใช้ชำระหนี้ในอนาคต
เมื่อรู้เรื่องของเงินแล้วว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็มาดูเรื่องของคำว่า “ปริมาณเงิน”
ที่มักจะมีการพูดถึงอยู่เรื่อย ๆ ในสื่อต่าง ๆ
เงินจึงเกิดขึ้นและทำหน้าที่ดังนี้
• เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange)
• เป็นที่เก็บรักษามูลค่า (Store of value)
• เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of account)
• เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต (Standard of deferred payment) หน้าที่นี้เกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อขายสินค้าเงินเชื่อกัน เพราะการกำหนดเป็นการคืนด้วยเงินนั้น ย่อมที่จะดีกว่าการกำหนดการคืนด้วยสินค้า ซึ่งอาจมีปัญหาทั้งด้านขนาด ปริมาณและคุณภาพ อีกทั้งสินค้าบางอย่างยังอาจเน่าเสียได้ง่าย
• ความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง (Broad money) ความครอบคลุมตามนิยามนี้ก็เป็นเช่นเดียว
กับชื่อที่ใช้คือ ค่อนข้างครอบคลุมไปถึงเงินในหลายรูปแบบ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า M2 M2a M3
ในไทย หรือ M4 รวมทั้ง M5 ในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศเลือกที่จะรวบรวมปริมาณเงินในแต่ละนิยาม
(ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล) ไว้เพื่อติดตามและวิเคราะห์อย่างไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวนี้ก็คือความหมายของปริมาณเงินอย่างกว้าง อาทิ
o M2 จะหมายถึง M1 + เงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของประชาชน
o M2a จะหมายถึง M2 + เงินฝากของประชาชนที่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน
o M3 จะหมายถึง M2a + เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
แต่ ปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เผยแพร่นิยามใหม่ของปริมาณเงิน โดยนิยามของปริมาณเงินที่ใช้กันอยู่ล่าสุด
จะเหลือเพียงปริมาณเงินใน 2 นิยามเท่านั้น คือ
o ปริมาณเงินตามความหมายแคบ องค์ประกอบยังเหมือนเดิมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่ในส่วนของเงินฝาก
กระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียกที่ประชาชนฝากไว้ที่ระบบธนาคารนั้น เปลี่ยนเป็นเงินฝากกระแสรายวันที่
สถาบันรับฝากเงิน (Demand deposits at depository corporations) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและ
สหกรณ์การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market mutual fund)
o ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง จะประกอบไปด้วยเงินฝากของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในรูปของ
เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุน เงินฝากของประชาชนที่ธนาคารเฉพาะกิจ
รวมไปถึงที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้อยู่ในนิยามนี้ด้วยได้แก่ เงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในรูปของตั๋วแลกเงิน
เงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีความครอบคลุมถึงปริมาณเงิน
ในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
นักเรียนมีหลักการในการใช้เงินในชีวิตประจำวันอย่างไร อธิบาย...
1 .สิ่งสำคัญมาก ๆ สำหรับการใช้เงินให้ได้ผล คือการทำตัวเป็นต้นแบบที่ดีด้วยค่ะ อะไรที่เราก็ต้องทำอย่างนั้น เช่น เรารู้จักประหยัด แต่เราเองไม่ทำก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ
2. ได้รับผิดชอบเงินของตัวเอง ว่าสิ่งไหนที่เราควรจ่ายหรือไม่ควรจ่าย เช่น ถ้าอยากได้ของเล่นที่แถมมากับขนม ซึ่งเราดูแล้วว่าไม่
มีประโยชน์ต้องใช้เงินอย่างจำเป็น
3. ใช้เงินเหมือนกับ น้ำยาหยดตา เช่น ใช้เงินนิดเดียว อย่าฟุ่มเฟือย