ชีวิตที่พอเพียง : 85. ประมวลเรื่องถูกต้ม


        ชีวิตคนเรา ต้องผ่านการถูกต้มกันทุกคน     ยิ่งคนแก่อย่างผมย่อมถูกต้มมามากเป็นธรรมดา     คิดให้เป็นเรื่องสนุกสนานก็ได้    คิดให้เป็นเรื่องแค้นก็ได้    คิดให้เป็นบทเรียนก็ได้  

        เราถูกต้มในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่    ที่บ่อยที่สุดคือโดนแม่ค้าตามตลาดโก่งราคา น้อยบ้างมากบ้าง จนผมหัดทำใจ     ว่าหน้าตาท่าทางอย่างเราต้องยอมซื้อของแพง     แม่ค้าตามตลาดเขามีชีวิตลำบากกว่าเรา     ความลำบากของเขาส่วนหนึ่งช่วยให้เราได้มีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายกว่าเขา     การซื้อของแพงนิดหน่อยถือเสียว่าเป็นการเจือจานกัน

        เรื่องถูกต้มในต่างแดนครั้งหนึ่งเกิดที่ฮังการีสมัยยังเป็นคอมมูนิสต์     มีคนมาชวนแลกเงินในอัตราร้อยเหรียญ (สหรัฐ) ละ ๒๐ เท่าของอัตราทางการ      เป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย     เราเห็นกำไรก็ตาโต แลกมา ๑๐๐ เหรียญ     และรีบเอาเงินใส่กระเป๋าและเดินหลบมาโดยเร็ว    กลัวโดนตำรวจจับ    พอมาถึงร้านหนังสือก็เข้าไปซื้อหนังสือรูปภาพเล่มโต     ล้วงเงินมาจ่ายพบว่ามีแต่ธนบัตรย่อย     มีใบโตๆ ปะหน้าอยู่ใบเดียว  ก็รู้ว่าถูกต้ม     โดยนักตุ๋นทำท่าล่อกแล่กดูตำรวจ ทำให้เรามัวระวังตำรวจ    ไม่จ้องที่เขา     เขานับเงินให้เราเราดูแล้วทำมือส่งให้เรา     ตอนช่วงเคลื่อนไหวมือนี่เองที่เขาเปลี่ยนปึกเงิน     ตกลงเงิน ๑๐๐ เหรียญของเราแลกมาได้เงินฮังการีเพียงเท่ากับ ๑๐ เหรียญเท่านั้น

        อีกครั้งหนึ่งที่ปารีส     ได้รับเชิญจาก UNESCO ให้ไปร่วมประชุม    พอเข็นกระเป๋าออกมาหาแทกซี่ไปโรงแรม    ก็มีคนมาถามว่าไปแท็กซี่ไหม     ผมกำลังเบลอๆ ก็ตอบว่าไป     เขาพาไปที่ Parking Lot ผมก็สงสัยว่าจะเป็นแทกซี่ผี     ก็ถามว่าใช้มิเตอร์หรือเปล่า  เขาก็ตอบว่านี่ไงมิเตอร์    ก็รู้ตัวว่าโดนต้มให้ใช้แทกซี่ผี     ระหว่างทางเขาชวนผมสูบบุหรี่     และกินหมากฝรั่ง ผมปฏิเสธ     เขาขอสูบบุหรี่ ผมบอกว่าผมแพ้บุหรี่     โดยผมบอกตัวเองว่าต้องระวังเรื่องโดนมอมยา    ภาษาที่พูดเป็นภาษาที่ต่างก็ต้องเดาซึ่งกันและกัน     ผมคิดวิธีเอาตัวรอดตลอดเวลา     โชคดีที่เขาพาไปที่โรงแรม     รถจอดห่างจากโรงแรมประมาณ ๒๐ เมตร
        เขาคำนวณว่าค่าโดยสาร ๑๕๔ ยูโร    ผมบอกว่าผมไม่มีเงินต้องไปเอาค่าโดยสารที่ UNESCO ฝากไว้ให้ที่โรงแรม    และลงจากรถไปฉวยกระเป๋า    เขาเข้ามาแย่ง บอกว่าต้องจ่ายเงินก่อน    ผมบอกว่าไม่มี  อยู่ที่โรงแรม    ให้ตามไปเอา     ตอนนั้นประมาณ ๗.๓๐ น. ตอนเช้า     ผมบอกพนักงานโรงแรมให้ช่วยเจรจาพราะคิดว่าเขาเรียกเงินแพงกว่าอัตราปกติ (๓๐ ยูโร) หลายเท่า
       พนักงานโรงแรมเป็นเด็กหนุ่มคนดำอยู่คนเดียว     เป่าปากว่าทำไมราคาค่าโดยสารสูงนัก    ผมบอกให้เรียกตำรวจมาเจรจา    ทางคนขับรถผงะและแสดงท่าทางข่มขู่     ในที่สุดก็ยอมถอยคนละก้าว     ผมบอกว่าผมให้ ๕๐ ยูโร    ถ้ายูไม่พอใจไอจะเรียกตำรวจมา     เป็นบทเรียนที่ทั้งตกใจและภูมิใจที่เอาตัวรอดมาได้    โดยที่เราก็ต้องตระหนักด้วยว่าเราไปอยู่ในถิ่นเขา     ถ้าเราเล่นงานเขาหนักจริงๆ เขาอาจมีแก๊งค์ที่จะมาเล่นงานเราทีหลังได้
        ที่ภูมิใจคือ ได้มีโอกาสเรียนรู้ด้วยค่าเล่าเรียนประมาณพันบาท   

        อีกตัวอย่างหนึ่งเป็นของคุณหมอสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ    เหตุเกิดที่เจนีวา      กำลังเดินลากกระเป๋าผ่านที่เปลี่ยวก็มีชาย ๒ คนมาแสดงตัวเป็นตำรวจ มีบัตรประจำตัวให้ดูด้วย     อ้างว่าเขาสืบรู้ว่าหมอสุวิทย์มีธนบัตรปลอม และของผิดกฎหมาย     สุวิทย์ตอบว่าเขาไม่มี มาประชุม WHO    สองคนนั้นไม่เชื่อ บอกให้เอากระเป๋าเงินมาให้เขาตรวจ     สุวิทย์พาซื่อยอมให้เขาดูว่าไม่มีอะไร     เจรจากันอยู่พักหนึ่งเขาก็ยอมคืนกระเป๋าเงิน    และรีบจากไป     เมื่อมาถึงโรงแรมสุวิทย์จึงรู้ว่าของในกระเป๋าโดนเอาไปเกือบเกลี้ยง     เสียเงินไปเป็นพันเหรียญ (สหรัฐ)   

        ส่วนเรื่องถูกต้มในการซื้อกล้องถ่ายรูปผ่านอินเทอร์เน็ต ได้บันทึกไว้แล้ว เมื่อวันที่ ๑๐ กค. ๔๙     ลูกสาวคนกลางบอกว่าเป็นที่รู้กันว่าการซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ตต้องตรวจสอบให้ดี     เขาซื้อสั่งกันเฉพาะต่อบริษัทที่น่าเชื่อถือจริงๆ เท่านั้น เช่น Amazon.com     ลูกสาวคนกลางเขาใช้อินเทอร์เน็ตตรวจสอบสินค้าและราคา     หากต้องการซื้อก็โทรศัพท์ไปถามว่าร้านอยู่ที่ไหน     เพื่อตรวจสอบตัวตนของร้านขายว่าน่าเชื่อถือหรือไม่    

วิจารณ์ พานิช
๑๑ กค. ๔๙

หมายเลขบันทึก: 44015เขียนเมื่อ 10 สิงหาคม 2006 15:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
   ขอบพระคุณครับ .. ตื่นเต้น เร้าใจ และเป็นบทเรียนเตือนใจผู้อ่านไปด้วย พร้อมๆกัน
   อ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจอยากเขียนบ้างแล้วล่ะครับ ที่เจอเองก็พอมี  ที่เห็นคนอื่นโดนก็มาก และหลากหลาย ส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับเรื่องผลผลิตทางเทคโนโลยีครับ  หลอกกันได้หลายแบบมาก

พี่ที่เคยเรียนด้วยกัน เคยหาซื้อโทรศัพท์มือถือใน eBay

ไปเจออยู่อันหนึ่ง ราคาแค่ 20 ปอนด์ (ปกติประมาณ 100 ปอนด์ได้) 

พอตกลงใจจ่ายเงินซื้อไปแล้ว กลายเป็นว่า จริง ๆ ไม่ใช่การซื้อโทรศัพท์ แต่เป็นการซื้อสิทธิเพื่อให้ได้ซื้อโทรศัพท์ราคา 20 ปอนด์ (คำว่าซื้อสิทธินี้ เป็นหมายเหตุตัวเล็ก ๆ อยู่ท้ายประกาศ ใช้ตัวอักษรสีเทาอ่อน บนพื้นขาว ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นเลย)

โดยเขาจะให้ไปอยู่ท้ายคิว เมื่อไรมีคนซื้อสิทธินี้เพิ่ม (โดนหลอกเหมือนเรา)  คนที่อยู่หัวคิว ก็จะได้โทรศัพท์ไป แล้วชื่อเราก็จะขยับเลื่อนขึ้นไป เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ดูแล้วต้องรออีกประมาณ 20 คนได้

คิดว่าบางคนพอรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็คงเจ็บใจ แต่ก็ยังอยากได้โทรศัพท์อยู่ ก็คงพยายามไปหาคนอื่น ๆ มาติดกับอีก ตัวเองจะได้มีสิทธิได้โทรศัพท์บ้าง

แต่พี่เขาไม่ยอม ร้องเรียนไปกับทั้งทาง eBay (สถานที่ประกาศขายของ) และ PayPal (นายหน้าจ่ายเงิน) ตามเรื่องอยู่หลายอาทิตย์ สุดท้ายก็ได้เงินคืนเต็มจำนวน

จะซื้อของอะไรต้องดูดี ๆ จริง ๆ

ไม่ว่าจะออนไลน์หรือไม่ออนไลน์*

*หมายเหตุตัวเล็ก ๆ มันเต็มไปหมด สมัยนี้ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท