ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง : ละคอนถาปัด ๕๔ "แฟรงเกนสไตน์" คืนชีพอสูรกาย ความตาย ความรัก


เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๕๔ ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าชมละครเวทีของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่หอประชุมใหญ่ ถูกสร้างขึ้นโดยนิสิตปัจจุบันของสถาปัตย์ ทั้งที่มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๗ หลังยุคของ ลูกทุ่งถาปัด จางหายไป ..

ละคอนถาปัด เป็นกิจกรรมประจำปีที่ให้นิสิตได้มีการทำงานร่วมกันจนกลายเป็นเอกลักษณ์และผลิตศิลปินที่มีชื่อออกมามากมายในวงการบันเทิง อย่างเช่นกลุ่ม ซูโม่สำอางค์ อดีตนิสิตสถาปัตย์ที่มาเอาดีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง นอกเหนือจากการทำอาชีพสถาปนิค เช่นทำดนตรี (วงเฉลียง) นักแต่งเพลง หรือทำรายการโทรทัศน์ (เวิร์คพอยท์) นักเขียน ทำหนังสือ เขียนบทละคร และอื่นๆ 

ในปีนี้ทางสถาปัตย์ได้นำเสนอเรื่อง "แฟรงเกนสไตน์" คืนชีพอสูรกาย ความตาย ความรัก เรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์ที่ทดลองสร้างมนุษย์จากซากศพแต่ละชิ้นส่วนมาประกอบกันเพื่อให้เกิดมนุษย์คืนชีพขึ้นมา แม้สำเร็จแต่ก็ไม่ได้ดังหวังเพราะมนุษย์คืนชีพกลายเป็นปีศาจร่างยักษ์ที่น่าเกลียดน่ากลัวแก่ผู้พบเห็น จึงไม่ได้รับความรักจากใครแม้ผู้ที่สร้างเขาขึ้นมา จนกลายเป็นความเกลียดชัง แต่ในที่สุดเขากลับได้ความรักจากสาวที่ดวงตาบอดแต่จิตใจไม่บอด สามารถบอกได้ว่าเขาก็มีหัวใจ มีความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ทั่วไป เธอมองเห็นแม้กระทั่งความดีงามของเขา เพียงเพราะเธอไม่ได้มองเพียงแค่ภาพลักษณ์ที่อัปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ..

                                            

โดยเนื้อหา การสอดแทรกมุกต่างๆ ถ้าเป็นสมัยก่อนคงเรียกได้ว่าเป็นละครเสียดสีสังคมแต่คงไม่รุนแรงเหมือนละครล้อการเมือง แต่แฟรงเกนสไตน์ยุคนี้เป็นมุกล้อเลียนที่เน้นฮาแบบน่อมแน้มน่ารัก แต่ถ้าไม่ทันมุก ไม่ใช่เด็กถาปัด ไม่ใช่เด็กเล่นเกมส์ก็มีแป๊กไปเหมือนกันสำหรับเรา ตัวละครหลักๆ แสดงได้ดีมีสมาธิ มีความตั้งใจ ไม่มีหลุดเรียกได้ว่ามีอินเนอร์ ถ้าเอาดีทางนี้ก็ไปได้สวย แสงสีเสียง เพลงประกอบมิกซ์ก็พอได้ อันนี้ต้องยกให้ผู้จัดทำและนักแสดงที่ต้องมาตามเวลาเป๊ะๆ แต่การใช้ไมโครโฟนที่วางตามริมเวทีเท่าที่สังเกตุประมาณ ๓-๔ ตัว หรืออาจจะมีมากกว่านั้นตามมุมต่างๆ แต่จากบทสนทนาของนักแสดงแล้วแสนจะทรมานนักเพราะต้องตะเบงเสียงให้ถึงไมค์ น้ำเสียงผ่อนหนักผ่อนเบาจึงไม่ค่อยมี ช่วงเปลี่ยนฉาก ยอมรับว่าเวียนหัวอาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงสายตากำลังปรับ พอมาเจอความมืดเข้าสังเกตุว่าหลายคนเอาหัวพิงพนักและหลับตาไปเลยก็มี เอฟเฟค ก็ธรรมดาๆ อันนี้สำคัญ ผู้ชมที่ชอบเปิดโทรศัพท์ช่วงเปลี่ยนฉาก แสงจากโทรศัพท์รบกวนสายตาเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่าจะเช็คข่าวสารอะไรกันตลอดเวลา การเดินเข้าออกช่วงละครกำลังแสดง คงเป็นปรากฏการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมได้อยู่เสมอๆ มนุษย์เนี่ยะ ..

แต่นับว่าเป็นความพยายามของนิสิตในการทำละครเวที เป็นความร่วมมือกันของนิสิตทุกชั้นปี ในการรักษาประเพณีของคณะและการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ที่เป็นการรวมตัวพบปะของศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุบันได้กลับมารำลึกถึงกันอย่างมีความทรงจำที่ดี ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นพ่อแฟรงเกนสไตน์กลายเป็นศิลปินตามรุ่นพี่ไปก็ได้ .. พอได้เห็นบรรยากาศแล้วรู้สึกรื่นรมย์ใจเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ต้องส่งสายตาไปยังผู้ใหญ่ใจดีที่ซื้อตั๋วให้ว่าปีหน้าขอมาอีก แต่อีก ๒ เดือนถัดไปขอเจอคุณหลวง และแม่มณีที่กระจกย้อนอดีตกับ ทวิภพ ก่อนนะคะ

 

หมายเลขบันทึก: 439829เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2011 14:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

เธอมองเห็นแม้กระทั่งความดีงามของเขา เพียงเพราะเธอไม่ได้มองเพียงแค่ภาพลักษณ์ที่อัปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ..

แค่นี้ก็งามนักแล้วครับ

ขอบพระคุณมากครับ

  • ขอบคุณคุณแสงแห่งความดีค่ะสำหรับดอกไม้เป็นกำลังใจ ..
  • เราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเราก็มองภาพเบื้องหน้าที่สวยๆ งามๆ เหมือนกับใครๆ ซึ่งการมองให้เห็นถึงความจริงบางอย่างลึกๆ ในใจก็คงต้องใช้เวลา ว่าแต่เราพร้อมที่จะเปิดใจมองมันแล้วรึยัง ..
  • ขอบพระคุณคุณแสงฯ เช่นเดียวกันค่ะ มีความสุขนะคะ =)

*ขอบคุณค่ะ..พี่ใหญ่ชมชอบละครเวทีทุกยุคทุกสมัย..เดี๋ยวนี้มักไปกับหลานๆเสมอค่ะ..มีชีวิตชีวามากกว่าดูภาพยนต์นะคะ..

*เก็บภาพ โครงการ “รวมพล (ครอบครัว) คนพันธุ์ Rh-” ประจำปี ๒๕๕๔ มาฝากค่ะ..ขอบคุณที่นำดอกไม้ไปเป็นกำลังใจผู้เกี่ยวข้องทุกคนค่ะ

  • ขอบพระคุณพี่ใหญ่นงนาทค่ะ เห็นด้วยที่พี่ใหญ่บอกว่าละครเวทีมีชีวิตชีวามากกว่าภาพยนต์ค่ะ บรรยากาศของความสด การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของนักแสดง มันเห็นกันชัดๆ ในด้านการแสดงของเค้าจริงๆ แต่คงต้องให้เครดิตกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเบื้องหลังทุกฝ่ายทุกแผนกที่สนับสนุนการแสดงให้ได้สมบทบาทของนักแสดงด้วยหล่ะค่ะ นี่ขนาดเป็นแค่นิสิตยังทำได้ดีประหนึ่งมืออาชีพเชียวค่ะ ..
  • จะบอกว่าวันนั่งรถไปดูละครเวทีที่จุฬา ยังคิดถึงพี่ใหญ่อยู่เลยค่ะ เพราะผ่านที่ทำงานของพี่ใหญ่ (มูลนิธิฯ/ไทยพานิชย์) ซึ่งเมื่อ ๓-๔ ปีที่ผ่านมา ได้ไปดูงานศิลปะและร่วมงานปาฐกถา ดร.อุทัย ดุลยเกษม กับอาจารย์วิรัตน์ด้วยหล่ะค่ะ ..
  • กิจกรรมของมูลนิธิฯ มีประโยชน์ต่อสังคมอย่างมากนะคะ อาจจะมีโอกาสไปร่วมบริจาคโลหิตกับทางมูลนิธิฯ บ้างนะคะ ..
  • ขอบพระคุณพี่ใหญ่มากๆ เช่นกันค่ะ =)
  • เคยอ่านหนังสือและดูหนังเรื่องนี้ครับพี่เหมียว
  • แต่ไม่เคยดูละคร
  • เอามาฝากพี่
  • เผื่อครูที่ราชบุรีได้ใช้
  • วิจัยในชั้นเรียน
  • http://portal.in.th/kha-ku/pages/4817/
  • ขอบคุณคร๊าบอาจารย์ขจิต ตามลิงค์ไปดูแล้ว โอ้โห! อาจารย์ทำอะไรเยอะแยะมากมายเลยนะคะเนี่ยะ แล้วจะทะยอยเข้าไปดูที่อาจารย์รวบรวมไว้ให้นะคะ ขอบคุณอีกครั้งครับ =)
  • ขอบคุณท่านหนานวัฒน์สำหรับดอกไม้เป็นกำลังใจค่ะ =)

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมกันนะคะ

ช่วงนี้ยุ่งดีค่ะ เลยเอางานเก่าเก็บมาอัพบล็อคไปพลางๆ

ชอบเรื่องของแฟลงเกนสไตน์เหมือนกันค่ะ

  • พี่เหมียวสบายดีไหม
  • สงสัยงานยุ่งๆหายไปนาน
  • คิดถึงๆๆ

สวัสดีค่ะพี่ณัฐรดา : ถึงจะเป็นผลงานเก่าแต่ก็เก่าลายครามน๊า (เกี่ยวมั๊ย) ^^" ๕๕๕

สวัสดีครับอาจารย์ขจิต :

  • ก็ยุ่งแบบไม่ได้โงหัวกันเลยเชียวช่วงนี้ กำลังมีการปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างเลยมีเรื่องให้คิด ให้ทำเยอะม๊าาววกกกก ^^"
  • ขอบคุณที่คิดถึงกันนะครับ *^^*
  • อาจารย์สบายดีนะคะ

สวัสดีค่ะพี่ณัฐ

ขึ้นชื่อว่าละคอนถาปัด รับประกันคุณภาพนะคะ

เรื่องนี้ นึกถึง รจนากะเจ้าเงาะป่า ส่งกำลังใจกับการงานค่ะ

สวัสดีค่ะน้องปู : แวะมาทักทายกันนานแล้วนะเนี่ยะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ขอให้มีความสุขในการทำงานเช่นกันค่ะ =)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท