๓. การเดินทางที่ท้าทาย สองจังหวัดชายแดนเหนือ2


ผู้เขียนเดินทางกลับเชียงใหม่ ในช่วงบ่ายของวันที่ 17 ด้วยรถคันเดิม เส้นทางเดิม และเครื่องแบบชุดเดิม (ก็เอาไปชุดเดียว) หากแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ ผู้เขียนได้เรียนรู้ และมีมุมมองใหม่ๆ กับคนกลางคืนมากขึ้น ซึ่งอย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนต้องจดจำและเก็บไว้เป็นประสบการณ์และมุมมองให้ตัวเองคือ คนกลางคืนมิใช่ว่าจะเลวและแย่เสมอไป "เพียงให้เขามีโอกาสเขาก็พร้อมจะเป็นคนดี และสร้างอนาคตดีๆให้กับตัวเอง และสังคนได้ดุจเช่นวิญญูชนทั่วไปพึงคิดและกระทำ"

หลังจากที่ผู้เขียนได้บอกไว้ในตอนท้ายของ บันทึก ตามใจฉัน "การเดินทางทีท้าทาย สองจังหวัดชายแดนเหนือ1" เกี่ยวกับภารกิจที่ต้องเป็นพลขับจำเป็นเพื่อขนสัมภาระไปให้ผู้บังคับบัญชา ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายไปเมื่อคราวเดินทางกลับจากการไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปแล้วนั้น

รุ่งเช้าของวันที่สิบห้าเวลาประมาณ 06.00 น. ผู้เขียนเริ่มออกเดินทางจากมุมหนึ่งของอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ หากแต่การเดินทางครั้งนี้ได้เปลี่ยนจากรถหกล้อมาเป็นรถกระบะแทน เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจที่มีสัมภาระไม่มาก และระยะทางไม่ไกลนัก ซึ่งผู้เขียนมีตำบลปลายทางอยู่ที่ ค่ายเม็งรายมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

การเดินทางครั้งนี้ผู้เขียนใช้เส้นทางฝาง - แม่สรวย แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 118 (เชียงใหม่ - เชียงราย) โดยบรรทุกสัมภาระที่ใช้ในการทหารจำนวนหนึ่ง การเดินทางเป็นไปโดยสะดวก และค่อนข้างสบายหากเทียบกับการเดินทางไปอำเภอปาย ส่วนหนึ่งคงเพราะพาหนะเหมาะสมกับสัมภาระ และน้ำหนัก กับอีกส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะลักษณะเส้นทางที่ไม่คดเคี้ยว และลาดชันมากนัก

กระนั้นกว่าผู้เขียนจะเดินทางไปถึงเป้าหมายก็ปาเข้าไปเกือบ ๆ 10.00 น. ทันทีที่เข้าเขตอำเภอเมืองเชียงราย ผู้เขียนก็ได้รับทราบว่ามีการเปลี่ยนสถานที่นัดหมายกระทันหัน จากค่ายเม็งรายมาเป็นโรงแรมหรูแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย และเมื่อไปถึงผู้เขียนก็ต้องวุ่นอยู่กับการถ่ายเถสัมภาระ ไปจนเวลาเกือบบ่ายสามโมง จากนั้นจึงเยื่องย้ายกายไปไปชำระล้างคราบเหงื่อไคร ภายในที่พักของเพื่อนร่วมอาชีพ ในค่ายเม็งรายนั่นเอง

เวลา 17.00 น. โดยประมาณ ผู้เขียนได้รับการฉุดกระชากลากดึงจากเพื่อนร่วมอาชีพเพื่อท่องราตรีในเมืองเชียงราย เราเริ่มต้นด้วยการไปรับประทานอาหาร และร้องคาราโอเกะ ณ ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง แม้จะเป็นร้านเล็ก แต่ก็มีผู้คนเข้ามาเบียดเสียดยัดเยียดเป็นจำนวนมาก จากการสอบถามทราบว่าสาเหตุที่คนเยอะ เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด และร้านข้างๆ ปิด

เราใช้เวลานั่งอยู่ที่ร้านนี้จนเวลาล่วงเลือยไปถึงสามทุ่ม พี่คนหนึ่ง (จากทั้งหมดสี่คน) ได้ขอตัวแยกออกไป จึงเหลือผู้เขียนและเพื่อนอีกสองคนที่ยังคงท่องราตรีกันต่อในค่ำคืนนี้ โดยเราได้ย้ายร้านมานั่ง ณ ที่ใหม่ แถวชานเมือง (ขอสงวนชื่อร้าน) ที่นี่ผู้เขียนและเพื่อนได้สัมผัสกับบรรยากาศแปลกใหม่ คือแขกส่วนใหญ่ที่มานั่งจะเป็นคนวัยทำงาน ซึ่งต่างจากร้านแรกที่ส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัว เราอยู่ที่นี่จนเวลาเที่ยงคืน

จากนั้นก็ถึงเวลาท่องราตรี ตามนิยามของ"ชายชาตรี" เราพากันไปนั่ง ณ ผับมีชื่อแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ซึ่งบรรยากกาศก็มิได้ต่างกับผับทั่วไปในเมืองเจริญ มีกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน ทั้งที่เข้ามาได้โดยเกณฑ์อายุ และแอบเข้ามาด้วยความอยากรู้ อยากลอง และอยากเห็น แต่ละคนล้วนนั่งอยู่ไม่เป็นสุข หัวสั่นหัวคลอน ขยับมือขยับไม้ โยกซ้ายโยกขวา ไปตามจังหวะเพลงที่เร้าใจอยู่ตลอดเวลา บางคนเกิดอารมณ์พุ่งสุดขีดโดดขึ้นไปโชว์ท่า Zexy บนฟอร์ ที่เขาจัดไว้ก็มี

การท่องราตรีของผู้เขียน และเพื่อนร่วมอาชีพในคืนนั้นจบลงด้วยเวลาเกือบตีสาม แต่ความมีสาระในการมาเชียงรายครั้งนี้กลับเกิดขึ้นในวันถัดมา เมื่อผู้เขียนและเพื่อนได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่อำเภอแม่สายต่อในช่วงบายของวันที่ 16 ที่นี้ผู้เขียนได้มีโอกาสพูดคุยกับ นักร้องสาวคาเฟ่คนหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้เขียนได้เรียนรู้ และเข้าใจในสัจจธรรมบางประการของสังคมมนุษย์เกี่ยวกับเรื่องโอกาสได้ชัดเจนมากขึ้น

นักร้องคาเฟ่ท่านนี้เล่าว่า "เธอเป็นชาวเขาเผ่าอาข่า อยู่ในจังหวัดเชียงตุงประเทศพม่า เขามาทำงานในเมืองไทยได้สามปีแล้ว ด้วยการแนะนำของแม่ เนื่องจากแม่มามีสามีใหม่อยู่ที่เมืองไทย" เพียงคำบอกเล่าแค่นี้คงไม่ทำให้ผู้เขียนคิดอะไรได้ หากเธอไม่เล่าต่ออีกว่า "เมื่อเข้ามาอยู่ในเมืองไทย เธอตั้งใจจะเรียนหนังสือไทย และปัจจุบันเธอกำลังเรียน กศน. ระดับชั้น ม.ต้น และวาดฝันในอนาคตไว้ว่า จะเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย"

สิ้นสุดคำบอกเล่าถึงเป้าหมายในอนาคต เธอก็ขอตัวไปทำหน้าที่ของเธอคือการร้องเพลง แต่สิ่งที่เธอทิ้งไว้ให้ผู้เขียนได้คิดคือคำว่า "โอกาส" ซึ่งผู้เขียนมองว่าคำว่าโอกาสในสังคมมนุษย์เรามีอยู่สองแบบ แบบแรกมีโอกาสแต่ไม่ใช้โอกาส กับแบบที่สองไม่มีโอกาสแต่ไขว่คว้าหาโอกาส ซึ่งกับนักร้องท่านนี้น่าจะเข้าทำนองหลัง เพราะแม้เธอจะต้องดิ้นรนทำงานกลางคืน งานที่คนส่วนใหญ่มองภาพว่าเป็นงานที่ต้อยต่ำ เป็นงานของคนไม่ดี เป็นงานที่มีแต่สิ่งเลวร้าย กับอีกมากมายที่คนจะนิยาม แต่เธอกลับใช้โอกาสนี้ โอกาสที่เธอมีทางเลือกเพียงน้อยนิด ทำงานเลี้ยงปากท้องของตัวเอง และแม่ ตลอดจนใช้โอกาสนี้สานฝันในอนาคตของตัวเอง

ในทางกลับกันมีคนอีกมากมายที่มีโอกาสแต่ไม่ใช้โอกาส ซึ่งเราจะเห็นตัวอย่างบ่อยครั้งทางสื่อ ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือกระทั่งอินเทอร์เน็ต เช่น ตรวจพบฉี่สีม่วงลูกชายสารวัตร  ลูกสาวครูใจแตกหนีออกจากบ้าน ลูกนักการเมืองดังทุจริตการสอบ และอีกมากมายตัวอย่าง ทั้งที่บุคคลเหล่านี้มีโอกาสที่จะสานฝันของตัวเองให้เต็มได้เพียงง่ายดายแต่เขากลับไม่ไขว่ขว้า

การเดินทางไปเชียงรายในครั้งนี้ของผู้เขียนแม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ  ซึ่งผู้เขียนเดินทางกลับเชียงใหม่ ในช่วงบ่ายของวันที่ 17 ด้วยรถคันเดิม เส้นทางเดิม และเครื่องแบบชุดเดิม (ก็เอาไปชุดเดียว) หากแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ ผู้เขียนได้เรียนรู้ และมีมุมมองใหม่ๆ กับคนกลางคืนมากขึ้น ซึ่งอย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนต้องจดจำและเก็บไว้เป็นประสบการณ์และมุมมองให้ตัวเองคือ คนกลางคืนมิใช่ว่าจะเลวและแย่เสมอไป เพียงให้เขามีโอกาสเขาก็พร้อมจะเป็นคนดี และสร้างอนาคตดีๆให้กับตัวเอง และสังคมได้ดุจเช่นวิญญูชนทั่วไปพึงคิดและกระทำ

หมายเลขบันทึก: 439676เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2011 11:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

อ่านแล้วอยากไปย่ำราตรีที่เชียงรายด้วยคน
เมื่อก่อนผมมีอยู่ร้านนึง เล่นเพลงเพื่อชีวิต เล่นดีมาก ผมจะเข้าไปต้ังแต่เขายังไม่เริ่มเล่น และอยู่ที่นั่นกระทั่งร้านปิด เสียดายตอนนี้ปิดไปแล้ว
เอาบันทึกมาฝากครับ เป็นบันทึกที่ช่วยถอดเทปให้

AMUSEMENT - ดนตรีเปลี่ยนโลก

สวัสดีครับอาจารย์

ต้องขอบคุณมากที่คอยให้กำลัง กับบันทึกที่อาจารย์นำมาฝาก ได้อ่านแล้วครับรู้สึกดีจัง ดีจนอยากกลับไปทำงานกับอาจารย์ (555)

ส่วนเรื่องท่องราตรี ก็ไปตามเพื่อนครับ เขาลากไปไหนก็ไปตามเขา แต่ก็ดีครับเพราะอย่างน้อยก็ให้ได้เห็นชีวิตคนที่หลากหลาย

ส่วนงานที่ข้างผมจะรีบดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วนะครับ

ตามมาย่ำราตรีด้วยคน 555 อ่านแล้วลุ้นๆๆ รออ่านอีกครับ...

สวัสดีครับ อ.ขจิต

ต้องขอบคุณอีกครั้งครับ ที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด

เรียกว่าต้อนรับตั้งแต่บันทึกเรื่องแรก จนเรื่องที่สาม

ไงก็ขอให้เป็นเช่นนี้ไปนานๆ นะครับ

ส่วนเรื่องย่ำราตรี ผมเพียงน้องใหม่พึ่งหัด คงต้องรอคำชีแนะจากอาจารย์ครับ 555

อีกทั้งเรื่องเขียนบันทึกก็ยังด้อยด้วยประสบการณ์ ไงก็ต้องรบกวนอาจารย์ ช่วยขัดเกลาด้วยเช่นกันนะครับ

แต่ถ้าหากยังมีกำลังใจจากอาจารย์ ก็คงจะมีบันทึกสะเปะสะปะ จากผมมาให้อ่านไปเรื่อยๆ ครับ 555

เดินเรื่องได้น่าสนใจดีค่ะน้องน้อย พี่เป็นกำลังใจ ให้น้องน้อยสร้างสรรค์+เรียงร้อยถ้อยคำดีๆ มาสู่กันอ่านอีกบ่อยๆนะค่ะ

ขอบคุณพี่หน่อย มากครับ

รับปากว่าหากมีคนให้กำลังใจบ้าง จะพยายามครับสร้างสรรค์ผลงานเรื่อยๆ ครับ อิอิ...

อ่านแล้วมีข้อคิด คิดว่าเราจะไเที่ยวกลางคืนบางดีไม อิอิ (ล้อเล่นค่ะ)

ดีค่ะ เข้ามาอ่านแล้วสเหมือนว่าได้อยู่ให้เหตุการณ์ด้วยเลย สู้ๆ พี่น้อย ครั้งหน้าเอามันกว่านี้นะ

ขอบคุณน้องน้ำครับ

ไว้จะหาเรื่องดีๆ มาเล่าสู่กันฟัง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท