การเเก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องใช้หลายวิธีการประยุกต์ เเต่การจะเกิดผลสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยกลุ่มประเทศผลิตน้ำมันอาจเป็นตัวแปรสำคัญในเรื่องนี้ได้
วิกฤตทางเศรษฐกิจเเละการค้าระหว่างประเทศ กับการเเก้ไขทางกฎหมายระหว่างประเทศเเละทางองค์การระหว่างประเทศ
ทำไมจึงเกิดวิกฤตปัญหาทางเศรษฐกิจเเละการค้าระหว่างประเทศ
ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ถกเถียงกันมาตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เเละจะทวีความรุนเเรงขึ้นมาเรื่อยๆ เนื่องจากสภาพปัจจุบันสถานการณ์โลกได้เปลี่ยนเเปลงจากการยังชีพในอดีต มาสู่การค้าการเเข่งขันในสภาพปัจจุบัน อีกทั้งปัญหาทรัพยากรธรรมชาติเเละสิ่งเเวดล้อมก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้นเรื่อยอย่างทวีคูณ ทำให้เกิดปัญหา "ความไม่สมดุล" (imbalance) หรือปัญหา "ช่องว่าง" (gap) ทั้งในระดับประเทศและในระดับระหว่างประเทศ กล่าวคือประเทศที่ก้าวหน้าก็ก้าวหน้ากว่าประเทศกำลังพัฒนามาก ประเทศที่ร่ำรวยก็ร่ำรวยกว่าส่วนที่เหลือของโลกมาก และช่องว่างนี้ต่อๆ ไปก็ยังห่างกันมากขึ้น นำไปสู่ "การพังของประเทศ" หรือ "การพังของโลก" ได้เลย
สถานการณ์ของโลกในปัจจุบัน
ปัจจุบันเนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจของโลกดังกล่าว ทำให้เกิดช่องว่างทางชนชั้นทั้งในระดับประเทศและในระดับระหว่างประเทศ โดยเราสามารถเเบ่งเเยกโลกออกเป็นกลุ่มๆได้ดังนี้
1.ประเทศกำลังพัฒนา หรือ ประเทศโลกที่สาม คือ ประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชียบางประเทศ โดยประเทศในกลุ่มนี้สามารถคำนวณเป็นประชากรมากกว่า 2 ใน 3 ของประชากรโลก โดยประเทศกลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีกำลังเเรงงานเหลือเฟือ ค่าเเรงในประเทศไม่สูงมาก เเต่คุณภาพของเเรงงานจะเป็นเเรงงานที่ไร้การศึกษาเเละไร้ฝีมือ ส่วนเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศดังกล่าวจะอยู่ในรูปเกษตรกรรม ส่งออกสินค้าเกษตรเป็นหลักใหญ่ของโลก หรือใช้ทรัพยากรธรรมชาติในรูปเเบบปฐมภูมิเป็นส่วนใหญ่ ส่วนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะอยู่ในรูปแบบการรับเข้ามาใช้ในประเทศ
2.กลุ่มประเทศพัฒนาเเล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา สิงโปค์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นกลุ่มประเทศที่มีประชากรน้อย (น้อยกว่า 1 ใน 3 ของประชากรโลก) แต่ประชากรมีคุณภาพ และมีกำลังคนที่มีการศึกษาสูง หรือเป็นคนทำงานที่มีความรู้ (knowledge workers) นอกจากนั้น ก็เป็นกลุ่มประเทศที่ร่ำรวยมั่งคั่ง มีทุน และมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทค โนโลยีสูง ทำให้รูปเเบบทางเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มนี้มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ส่งออกสินค้าจำพวกอุตสาหกรรม ไอที เป็นต้น โดยประเทศกลุ่มนี้ไม่ต้องสนใจทรัพยากรธรรมชาติเนื่องจากการผลิตในส่วนวัตถุดิบเข้าไปลงทุนในประเทศกลุ่มที่1
3. กลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมัน เป็นสินค้าออก (oil exporting countries) เช่น โอมาน ซาอุดีอาระเบีย คูเวต และยูไนเต็ดอาหรับเอมิเรตส์ หรือประเทศในกลุ่มโอเปก เป็นต้น ประเทศในกลุ่มนี้เริ่มมีอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆในสภาพปัจจุบัน การที่เป็นผู้ควบคุมการจำหน่ายเเละการผลิตเชื้อเพลิงของโลกมีความสำคัญมาก เพราะปัจจุบันการดำเนินชีวิต ค่าครองชีพ ราคาสินค้า ส่วนปรับขึ้นลงตามราคาเชื้อเพลิงของโลก และประเทศกลุ่มนี้ก็มีอิทธิพลมาก จนเราสามารถเเยกประเทศกลุ่มนี้ออกมาอย่างน่าจับตามองในขณะนี้
การเเก้ไขทางกฎหมายระหว่างประเทศเเละทางองค์การระหว่างประเทศ
เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ได้กล่าวมารวมถึงปัญหาวิกฤตการณ์น้ำมัน ทำให้หลายประเทศที่เสียเปรียบต้องหาทางออกเพื่อแก้ไข หนึ่งในหลายวิธีคือการสร้างมาตรการทางกฎหมายเข้ามาควบคุมการนำเข้า ส่งออก เเละการลงทุนจากภายนอก เพื่อเป็นการจำกัดการค้าบางรายการให้อยู่ในประเทศ นอกจากนั้นต้องปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาให้สามารถยกระดับมาตรฐานสินค้าเเละเเรงงานให้เท่าเทียมประเทศที่พัฒนาเเล้ว
อีกประการหนึ่งในการเเก้ไขคือการร่วมมือทางองค์การระหว่างประเทศในมวลหมู่ประเทศกำลังพัฒนา กล่าวคือเพื่อยกระดับสินค้าเกษตรกรรมเละร่วมมือกันเพื่อปรับปรุงคุณภาพสินค้าเเละราคา เเต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเเข่งขันที่สูงขึ้น การร่วมตัวกันในระหว่างประเทศกำลังพัฒนาไม่สามารถกดดันประเทศที่พัฒนาเเล้วได้ การร่วมมือกันอย่างไม่จริงจัง เป็นต้น ดังนั้นการเเก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องใช้หลายวิธีการประยุกต์ เเต่การจะเกิดผลสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยกลุ่มประเทศผลิตน้ำมันอาจเป็นตัวแปรสำคัญในเรื่องนี้ได้