เพลงอีแซว ตอนที่ 19 เกาะติดเวทีการแสดง "ต้อนรับเยาวชนจังหวัดชายแดนภาคใต้"
จากคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและอยู่ห่างไกลกันมากกว่า 1000 กิโลเมตร ได้มีโอกาสโคจรมาพบกันด้วยสื่อการแสดงพื้นบ้าน “เสริมสร้างสันติสุข” จนกลายมาเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกัน
เพลงอีแซว ตอนที่ 19
เกาะติดเวทีการแสดงเพลงอีแซว
เพลงอีแซว ความรักความสามัคคี
ต้อนรับเยาวชน เสริมสร้างสันติสุข
จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดย นายชำเลือง มณีวงษ์
ผู้มีผลงานดีเด่น รางวัลราชมงคลสรรเสริญ ด้านการแสดงเพลงพื้นบ้าน ปี 2547
เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2554 ตอนบ่ายผมได้พบกับบุคคลสำคัญ สำนักงาน อบต.รั้วใหญ่ ได้แก่ ท่านรองนายก อบต. นายเสนาะ ตรีเดชา และคุณอัครพัชร์ (จรูญ) ปานอำพันธ์ เจ้าของตลาดลอยฟ้า 9 ยอด อยู่ที่หน้าวัดแค ต.รั้วใหญ่ องเมือง จ.สุพรรณบุรี ทั้ง 2 ท่านได้เดินทางมาหาผมที่โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 และได้พบกันที่บ้านพักของผม โยมีใจความว่า อบต.รั้วใหญ่จะเป็นเจ้าภาพต้อนรับคณะเยาวชน “เสริมสร้างความสันติสุข” จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยคณะทั้งหมดมาเยือนจังหวัดสุพรรณบุรี และจะมาพักรับประทานอาหารกลางวัน (12.00 น.) ที่ ข้างตลาดลอยฟ้า หน้าวัดแค
คุณจรูญขอให้ผมนำทีมงาน “เพลงพื้นบ้าน สายเลือดสุพรรณฯ” ไปแสดงเพื่อให้การต้อนรับคณะเยาวชน ครูผู้ควบคุมดูแลและผู้ติดตาม จากภาคใต้ ที่มาเยือนจังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 150 คน ในวันที่ 24 เมษายน 2554 ตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป โดยเฉพาะในงานนี้นอกจากจะมีศิลปะการแสดงประจำท้องถิ่น (เพลงอีแซว) ของจังหวัดสุพรรณบุรีแล้ว ยังมีชุดการแสดง “ดีเกฮูลู” จากภาคใต้มาร่วมกิจกรรมนี้ด้วย ส่วนเนื้อหาสาระในการแสดงเพลงพื้นบ้านบนเวที คุณจรูญ ปานอำพันธ์ ขอให้เป็นการแสดงที่เน้นในเรื่องของความรักสามัคคี (เสรีมสร้างความสันติสุข) เป็นหลัก
ผมนำทีมงาน เพลงอีแซว สายเลือดสุพรรณฯ จำนวน 15 คน ออกจากโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี เวลา 10.30 น. เพื่อที่จะได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนที่จะทำการแสดง ไปถึงสถานที่จัดกิจกรรมต้อนรับคณะเยาวชนเสริมสร้างสันติสุขจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ลานจอดรถ “ตลาดลอยฟ้า 9 ยอด” เวลา 11.00 น. บรรยากาศทั่วไปยังไม่มีอะไร เพราะคณะผู้มาเยือนจะมาถึงในเวลา 12.00 น. ผมให้เด็ก ๆ เตรียมการเปลี่ยนเป็นชุดนักแสดงและแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยตามเวลาที่จะต้องขึ้นเวทีทำการแสดง แต่ในขณะนั้นคณะผู้มาเยือนยังเดินทางมาไม่ถึงสถานที่จัดกิจกรรม ท่านรองนายก อบต.รั้วใหญ่ นำคณะนักแสดงไปรับประทานอาหารที่เต็นท์รับรอง (อาหารปักใต้) เด็ก ๆ รับประทานอาหารเสร็จกลับมานั่งที่หลังเวทีรอเวลาแสดง ในระหว่างนั้นมีคณะกรรมการจัดงานนำน้ำดื่มใส่กระติกในใหญ่และนำไอศกรีม (ถ้วยใหญ่) มาให้นักแสดง
คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ให้การดูแลทีมงานนักแสดงดีมาก คุณจรูญ หมั่นมาถามว่าพวกเราขาดเหลืออะไรบ้าง ในระหว่างที่รอผู้มาเยือน เด็ก ๆ ได้มีโอกาสไปเดินชมตลาดลอยฟ้า 9 ยอดซึ่งอยู่ใกล้กับเวทีการแสดงเหลือผมนั่งรออยู่ที่หลังเวทีกับท่านรองนายก อบต.รั้วใหญ่พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของการทำงานเพลงอีแซว เพลงพื้นบ้านว่า มีปัญหาอุปสรรคอย่างไรบ้าง ท่านรองนายก อบต. เสนาะ ตรีเดชา พูดกับผมด้วยความเป็นห่วงเพราะท่านเคยให้การอุปการะวงเพลงเมื่อครั้งที่ท่านจัดกิจกรรมลอยกระทง ให้วงเพลงอีแซวสายเลือดสุพรรณฯ ได้มีโอกาสนำทีมงานไปแสดง 3 คืน เมื่อปี พ.ศ.2548 (ผมยังจำได้ไม่เคยลืม)
คณะผู้มาเยือนเริ่มทยอยเข้ามายังเต็นท์รับรองเมื่อเวลาประมาณ 13.45 น. มาล่าไปนิดเพราะเยาวชนมัวไปหลงใหลในเสน่ห์ของตลาด 100 ปี สามชุกเสียนาน ก็น่าหลงใหลอยู่นะ เพราะว่าตลาดสามชุกวันนี้มีชีวิตชีวามาก เป็นที่รู้จักกันไปทั่วประเทศ มีผู้มาเที่ยวชมกันอย่างเนืองแน่นทุกวันยิ่งถ้าเป็นวันหยุด จะมีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเยือนตลาดเก่า 100 ปี สามชุกมากเป็นพิเศษ เยาวชนจากดินแดนภาคใต้บอกกับผมว่า “เดินชมตลาดสามชุดจนเลยเวลา”
เมื่อได้เวลาสมควร กำนันตำบลรั้วใหญ่ ทำหน้าที่พิธีกรบนเวทีกล่าวถึงรายละเอียดกิจกรรมในวันนี้และเชิญคณะเพลงอีแซว สายเลือดสุพรรณฯ ขึ้นสู่เวทีทำการแสดง เยาวชนทั้งหมดนั่งที่โต๊ะ เก้าอี้รับรองในเต็นท์ที่ อบต.รั้วใหญ่จัดเตรียมไว้ เสียงเพลงทำนอง “เสภา” ดังขึ้น นักแสดงทยอยขึ้นสู่เวทีจนครบทุกคน ผมยืนอยู่ที่ข้างบันไดทางขึ้น มีผู้ชานคนหนึ่งที่คอมีแผ่นป้ายบอกข้อมูลส่วนตัวห้อยอยู่ ตรงเข้ามาถามผมว่า “การแสดงชุดนี้อีกกี่นาทีเลิก” เล่นเอาผมตกใจและบอกออกไปว่า “ต้องไปถามผู้ที่เชิญพวกเรามา นี่เพิ่งจะเริ่มแสดงคงยังต้องรอไปอีกสักระยะหนึ่ง” ความจริงทางผู้จัดบอกคิวการแสดงกับผมไว้แล้ว โดยเริ่มจาก
- ทีมการแสดงจังหวัดสุพรรณฯ ทำการแสดง ประมาณ 30 นาที (หยุดเข้าพิธีการ)
- เข้าสู่พิธีการบนเวที กล่าวต้อนรับมอบของที่ระลึก และผู้ใหญ่กล่าวความรู้สึก
- การแสดงของวงเพลงอีแซว สายเลือดสุพรรณฯ (แสดงต่อ ประมาณ 15-20 นาที)
- การแสดงของจังหวัดชายแดนภาคใต้ “ชุดดีเกฮูลู”
- การแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมการแสดงภาคกลางกับภาคใต้ (ตัวแทนแต่ละทีม)
- ถ่ายภาพร่วมกัน ที่บนเวทีและที่หน้าเวที ก่อนที่จะอำลาจากกัน
ส่วนหนึ่งของเนื้อหาสาระในการแสดงที่เน้นความรักความสามัคคี (เสริมสร้างสันติสุข) ที่ทีมงานนักแสดงตัวแทนของจังหวัดสุพรรณบุรีจัดเตรียมไป มี 2 ชุด
ชุดที่ 1 การแสดงลำตัด “สื่อพื้นบ้านประสานใจ”
ชุดที่ 2 ปัญหาของสังคมไทย โยเฉพาะที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
บทร้องเพลงอีแซว ช่วงสุดท้ายของการนำเสนอบนเวทีการแสดง
สังคมไทยมีปัญหา อีกหลายด้าน
ไม่เว้นแต่ละวัน เป็นข่าวน่าอาย
ปัญหาคอรัปชั่น โครงการดื่มนม
ปัญหาที่ครึกโครม ปุ๋ยปลอมก็ยิ่งใหญ่
ปัญหาแบ่งโคกระบือ ไม่ถึงมือชาวบ้าน
ปัญหาทางด่วนคอรัปชั่น เริ่มบานปลาย
ปัญหาพระกับสีกา เข้ามานัวเนีย
ปัญหาสังคมผัวเมีย ทิ้งลูกในไส้
ปัญหาความแออัด เห็นชัดในเมืองหลวง
ปัญหาข่มขืนหลอกลวง จี้ปล้นอันตราย
ปัญหาความยากจน ไหนเล่าคนร่ำรวย
ปัญหาการเล่นหวย เจ้ามือไม่ยอมจ่าย
ปัญหาไข้หวัดนก ที่วกมาหลายครั้ง
ปัญหาการเลือกตั้ง ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
ปัญหาใหญ่ที่มีผล ต่อคนทั้งชาติ (เอิง เงอ เอ้ย) คนทั้งชาติ
โดยเฉพาะสามจังหวัด ที่ภาคใต้ (เอ่อ เอ้อ เอ๊ย) ที่ภาคใต้
เอ๊ย.. นราธิวาส ยะลา ปัตตานี กำลังมีปัญหา
ต้องช่วยกันเยียวยา หล่อหลอมหัวใจ
ผนึกกำลังกันให้มั่น สร้างสรรค์สิ่งที่ดี
ด้วยความรักสามัคคี ที่ยิ่งใหญ่
รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว อย่างเหนียวแน่น
ไม่แบ่งแยกดินแดนว่า ของใครของใคร
มรดกของชาติ เป็นสมบัติล้ำค่า
ต้องสั่งสมกันมา หลายชั่วอายุไขย์
ใครรักบ้านรักถิ่น ขอให้ทรัพย์สินมากมี
ให้ได้ลาภยศศักดิ์ศรี สูงส่งยิ่งขึ้นไป
ใครเบียดเบียนคนอื่น ขอให้ขมขื่นตลอดชีวิต
ใครทำดีขอให้สถิต สถาวรตลอดไป
มรดกของชาติ อย่าบังอาจตัดตอน (เอิง เงอ เอ๊ย) อย่าตัดตอน
มารวมพลังกันก่อน เพื่อย้อนทางอย่างไทย (เอ่อ เอ้อ เอ๊ย) แล้วอย่างไทย
เอ้ย…ตัวอย่างดีดีมีไหม ใคร่อยากรู้
จะได้ยกย่องเชิดชู ผู้ยิ่งใหญ่
เป็นลูกที่ดี ของพ่อแม่ อีรังแต่ จะครุ่นคิด
เป็นเยาวชน คนสุจริต ไม่คิดเบียด เบียนใคร
เป็นผู้ใหญ่ ใจดี โอบอ้อมอารี ต่อสังคม
ตั้งแต่ชั้นโคลนตม สูงสุดฟ้าใส
เป็นผู้นำของชาวบ้าน ของชุมชน
ช่วยเหลือคนจน ที่ต่ำใต้
ได้ลืมตาอ้าปาก แล้วขอฝากศีลธรรม (เอิง เงอ เอ้ย) ฝากศีลธรรม
จะได้รู้สูงรู้ต่ำ เป็นผู้นำจิตใจ (เอ่อ เอ้อ เอ๊ย) นำจิตใจ
จุดเด่นของกิจกรรมในวันที่ 24 เมษายน 2554 อยู่ตรงที่เยาวชนทั้ง 2 ภาค ตัวแทนของวงเพลงอีแซวสายเลือดสุพรรณฯ ได้ขึ้นเวทีไปพบกับตัวแทนคณะดีเกฮูลูบนเวที ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็สร้างสีสันเรียกเสียงฮาได้ตลอดเวลาที่พวกเขาสนทนากันด้วยภาษาถิ่นเสียงเหน่อสุพรรณฯกับภาษาใต้และแสดงความสามารถร่วมกันในเพลงสนุก ๆ ฝากไว้เป็นความสัมพันธไมตรีที่แนบแน่นในฐานะเยาวชนไทย ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนเราต่างก็เป็นคนไทย อยู่บนแผ่นดินไทยที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ
ผมสังเกตเห็นเด็ก ๆ ทั้ง 2 ภาค เขามีความสุขกันมากตามประสาของเยาวชนรุ่นราวคราวเดียวกัน ได้พูดคุยกันแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ติดต่อกันในโอกาสหน้า จากคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและอยู่ห่างไกลกันมากกว่า 1000 กิโลเมตร ได้มีโอกาสโคจรมาพบกันด้วยสื่อการแสดงพื้นบ้าน “เสริมสร้างสันติสุข” จนกลายมาเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกัน ภาพที่ปรากฏถึงแม้ว่าจะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ไม่นานนัก แต่ภาพที่เห็นยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำติดตาตรึงใจไปชั่วชีวิต
คำสำคัญ (Tags): #ภูมิปัญญาท้องถิ่น#เพลงพื้นบ้าน#เพลงอีแซว#เพลงอีแซว สายเลือดสุพรรณฯ#ต้อนรับเยาวชน 3 จังหวัดชายแดนใต้
หมายเลขบันทึก: 437810เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2011 12:49 น. ()ความเห็น (2)
น่ารักมากค่ะครู อ่านแล้วมีความสุขค่ะ
ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์มาก ครับ ที่ส่งกำลังใจมาให้