สรุปบทเรียน โครงการ การพัฒนาจิตสาธารณะ และศักยภาพของนักศึกษาพยาบาลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง (active aging)
2. กลุ่มเป้าหมาย นักศึกษาพยาบาลชมรมวิชาการ และนักศึกษาชั้นปีที่ 2 จำนวน 30 คน
3. ระยะเวลาดำเนินการ กุมภาพันธ์ 2552 – สิงหาคม 2553
4. การดำเนินการ
4.1 ระยะที่ 1 การวิเคราะห์ปัจจัยนำเข้าของการดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัย
กิจกรรมที่ดำเนินการ | ตัวชี้วัดความสำเร็จ |
1. ประสานงานกับผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย และองค์กรภาคีเพื่อ ประสานการมีส่วนร่วมในการพัฒนาผู้สูงอายุ 2. ประกาศเชิญนักศึกษาชมรมวิชาการผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ 3. ปฐมนิเทศนักศึกษาเกี่ยวกับแนวคิดการประเมินสภาพเพื่อการสร้างเสริม สุขภาพผู้สูงอายุในชุมชนให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง 4. สร้างพันธะสัญญาการเข้าร่วมกิจกรรมของโครงการกับนักศึกษา 5. ประชุมวางแผน และดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลความต้องการส่งเสริม สุขภาพของผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลังร่วมกับ อสม. ผู้นำชุมชน และ เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย |
1. การให้ความหมายเกี่ยวกับการสร้างเสริม สุขภาพตามการรับรู้ของนักศึกษา |
6. นักศึกษานำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ความต้องการของผู้สูงอายุ และผู้ดูแล ผู้สูงอายุ 7. ตรวจสอบความถูกต้องของการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันกับผู้สูงอายุ อสม. ผู้ดูแลผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยด้วยการจัดทำเวทีสาธารณะ |
2. ศูนย์บริการสุขภาพชุมชนมีข้อมูลเชิง คุณภาพที่สะท้อนแบบแผนของความ ต้องการในการสร้างเสริมสุขภาพ ผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง |
กิจกรรมที่ดำเนินการ | ตัวชี้วัดความสำเร็จ |
7. นักศึกษาร่วมประชุมกับ อสม. ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย ตัวแทน ผู้สูงอายุ จัดทำแผนงาน/โครงการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง9. สรุปบทเรียนของนักศึกษาที่ได้รับจากรวบรวมข้อมูลการรับรู้ของ นักศึกษาต่อ การมีจิตสาธารณะ |
3. ได้แผนงาน/โครงการ และผู้รับผิดชอบ โครงการต่าง ๆ ในการพัฒนาบริการ สุขภาพเพื่อสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุใน ชุมชนให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง 4. ได้ทัศนคติของนักศึกษาที่มีต่อการมีจิต สาธารณะ และความสามารถในการ ประเมินสุขภาพผู้สูงอายุเพื่อสร้างเสริม สุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง |
4.2 ระยะที่ 2 กระบวนการพัฒนาจิตสาธารณะเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง และกระบวนการพัฒนาศักยภาพนักศึกษาให้มีสมรรถนะด้านการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในสถานบริการปฐมภูมิ ให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง
กิจกรรมที่ดำเนินการ | ตัวชี้วัดความสำเร็จ |
1. นักศึกษา อสม. ผู้นำชุมชน. เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย และตัวแทนผู้สูงอายุ ดำเนินกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง 2. ประชุมนักศึกษา อสม. ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยเพื่อประเมินผล และปรับปรุงการดำเนินกิจกรรม (formative evaluation) 3. ดำเนินการพัฒนากิจกรรมหรือการปฏิบัติเพื่อสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้ เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง 4. สรุปถอดบทเรียนการรับรู้กระบวนการพัฒนาจิตสาธารณะของนักศึกษา และ กระบวนการพัฒนานักศึกษาให้มีสมรรถนะด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง |
1.ได้กลวิธีการพัฒนาให้นักศึกษามีจิตสาธารณะเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง 2. ได้กระบวนการพัฒนาศักยภาพนักศึกษาให้มีสมรรถนะด้านการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในสถานบริการปฐมภูมิ ให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง |
4.3 ระยะที่ 3 ผลลัพธ์ของการดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในสถานบริการปฐมภูมิ ให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง
กิจกรรมที่ดำเนินการ | ตัวชี้วัดความสำเร็จ |
1. นักศึกษา อสม. ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย และตัวแทนผู้สูงอายุ ร่วมกันประเมินผลการดำเนินกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็น ผู้สูงวัยที่มีพลังด้วยการประชุม สนทนากลุ่ม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 2. ประชุมวางแผนเพื่อปรับปรุงกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้ สูงวัยที่มีพลัง 3. ดำเนินการพัฒนาตามที่ได้ปรับปรุงกิจกรรมการพัฒนา 4. นักศึกษา อสม. ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย และตัวแทนผู้สูงอายุ ร่วมกันประเมินผลโดยรวม (summative evaluation) การดำเนินกิจกรรมการ สร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง 5. สรุปบทเรียนที่นักศึกษาได้จากการดำเนินการในประเด็นการเปลี่ยนแปลง ด้านจิตสาธารณะของนักศึกษา และการเปลี่ยนแปลงด้านการมีสมรรถนะด้าน การสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง |
1. ได้ผลลัพธ์ของการดำเนินการ สร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในสถาน- บริการปฐมภูมิ ให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง ได้แก่ - ความพึงพอใจต่อบริการ - การเปลี่ยนแปลงสู่การมีพฤติกรรม การสร้างเสริมสุขภาพ 2. นักศึกษามีการเปลี่ยนแปลงด้านการมี จิตสาธารณะที่ดีขึ้น และมีสมรรถนะ ด้านการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้ เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง |
5. สรุปบทเรียน
5.1 ระยะที่ 1 การวิเคราะห์ปัจจัยนำเข้าของการดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง
5.1.1 นักศึกษามีความรู้เกี่ยวกับแนวคิดของการสร้างเสริมสุขภาพ
นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการมีความรู้ของนักศึกษาเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพจากการเรียนในวิชาทฤษฎี และวิชาปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเสริมสุขภาพ และการป้องกันความเจ็บป่วยที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับ แนวคิด และทฤษฎีเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ และการป้องกันการเจ็บป่วยแบบองค์รวม และการสร้างเสริมสุขภาพ และการป้องกันการเจ็บป่วยของบุคคลวัยผู้สูงอายุแบบองค์รวม และนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการทุกคนมีประสบการณ์ฝึกภาคปฏิบัติ ความรู้ที่นักศึกษาสรุปบทเรียนก่อนการเข้าร่วมโครงการพบว่านักศึกษามีการรับรู้เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ 3 นัย คือ
ความหมายนัยแรก การสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้ผู้สูงอายุเป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง หมายถึง แบบแผนของกิจกรรมที่นักศึกษาจัดให้กับผู้สูงอายุ ได้แก่ การให้คำแนะนำ การให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้สูงอายุ การสร้างสัมพันธภาพกับผู้สูงอายุ เพื่อให้เกิดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การผ่อนคลายความเครียด
ความหมายนัยที่สอง การสร้างเสริมสุขภาพคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุให้มีพฤติกรรมด้านการสร้างเสริมสุขภาพ เช่น การสร้างเสริมสุขภาพกาย จิตสังคม อารมณ์ จิตวิญญาณ และวัฒนธรรม
ความหมายนัยที่สาม การสร้างเสริมสุขภาพคือ ความสามารถของผู้สูงอายุในการดูแลตนเอง ได้แก่ ความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน การออกำลังกาย การทำงาน การกินอยู่หลับนอน เพื่อให้ชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข
จากการสรุปข้อมูลร่วมกันได้ข้อค้นพบว่านักศึกษายังไม่ได้ให้ความหมายที่เป็นนัยที่แสดงว่ามีการนำทฤษฎีแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพดังนั้นสิ่งที่ต้องพัฒนานักศึกษาเพื่อให้มีสมรรถนะนักศึกษาให้มีศักยภาพในการสร้างเสริมสุขภาพให้กับผู้สูงอายุ ได้แก่ การนำแนวคิดทฤษฎีด้านการสร้างเสริมสุขภาพมาใช้เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ
5.1.2 สถานีอนามัยมีข้อมูลเชิงคุณภาพที่สะท้อนแบบแผนของความต้องการในการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง
5.1.2.1 รูปแบบที่ 1 การสร้างเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุรายบุคคล เงื่อนไขของความต้องการนี้ ได้แก่ ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ หรือชาวบ้านใช้คำว่า “คนแก่ที่อยู่ติดเตียง ติดบ้าน ไปยากมายาก” จึงต้องการกิจกรรมการดูแลรายบุคคลซึ่งเป็นการดูแลที่บ้าน ได้แก่ การตรวจสุขภาพที่บ้าน การออกกำลังกายอยู่กับบ้าน การจัดสิงแวดล้อมให้ปลอดภัยเพื่อป้องกันผู้สูงอายุเกิดอุบัติเหตุ การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้สามารถดูแลตนเอง เช่น การให้ความรู้เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร การจัดการความเครียด เป็นต้น
5.1.2.2 รูปแบบที่ 2 การสร้างเสริมสุขภาพโดยใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลาง หรือการสนับสนุนให้คนในครอบครัวร่วมสร้างเสริมสุขภาพให้กับผู้สูงอายุ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุที่เรียกว่า ผู้สูงอายุกลุ่ม “ติดบ้าน” กล่าวคือ สามารถไปไหนมาไหนได้ แต่ได้เฉพาะที่บ้านของตนเอง ไม่สามารถเดินทางไปร่วมกิจกรรม หรือไปที่อื่นได้ด้วยตนเอง การเดินทางเข้าร่วมกลุ่ม หรือทำกิจกรรมในงานบุญต่าง ๆ ต้องให้ลูกหลานพาไป หรือไปรับไปส่ง กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพที่ต้องการ ได้แก่ การส่งเสริมให้ญาติดูแลผู้สูงอายุทั้งทางร่างกาย จิตใจ เช่น การรับประทานอาหาร การป้องกันโรค การรำลึกความหลัง การออกกำลังกาย การจัดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้สะอาด และปลอดภัย
5.1.2.3 รูปแบบที่ 3 การทำกิจกรรมรวมกันเป็นกลุ่ม สำหรับผู้สูงอายุที่สามารถเดินทางด้วยตนเอง เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมได้ การสร้างเสริมสุขภาพที่ผู้สูงอายุต้องการทำร่วมกัน ได้แก่ การออกกำลังกาย การเล่นดนตรี และการได้สนทนากลุ่มพูดคุยกันในกลุ่มผู้สูงอายุ
5.1.3 ได้แผนงาน/โครงการ และผู้รับผิดชอบโครงการต่าง ๆ ในการพัฒนาบริการสุขภาพเพื่อสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชนให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง
5.1.3.1 โครงการวิจัย เรื่อง การศึกษาผลของบทบาทครอบครัวในการสร้างเสริมพลังอำนาจให้ผู้สูงอายุแสดงบทบาทเป็นผู้สูงวัยอย่างมีพลัง เพื่อตอบสนองแบบแผนความต้องการในการสร้างเสริมสุขภาพแบบที่ 1
5.1.3.2 โครงการวิจัย เรื่อง การศึกษาผลของการส่งเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อมต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อตอบสนองแบบแผนความต้องการในการสร้างเสริมสุขภาพแบบที่ 2
5.1.3.3 โครงการวิจัยเรื่อง การ ศึกษาผลของการออกกำลังกายโดยใช้ขวดทรายต่ออัตราการเต้นของชีพจร และความผาสุกในชีวิตของผู้สูงอายุ เพื่อตอบสนองแบบแผนความต้องการในการสร้างเสริมสุขภาพแบบที่ 2
5.1.4 ได้ทัศนคติของนักศึกษาที่มีต่อการมีจิตสาธารณะ และความสามารถในการประเมินสุขภาพผู้สูงอายุเพื่อส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง
5.1.4.1 การรับรู้ต่อการมีจิตสาธารณะประกอบด้วย 2 แบบแผน ดังนี้
1) การรับรู้จิตสาธารณะที่มาจากความเมตตา กรุณา ความปราณี ที่มีอยู่ในจิตใจของนักศึกษา นักศึกษาได้สะท้อนจากบันทึกการเรียนรู้ของตนเอง ดังตัวอย่างที่ว่า
“ได้พบจิตสาธารณะแล้ว การลงไปในชุมชนทำให้ได้ทราบปัญหาหลายอย่าง เกิดความรู้สึกที่อยากจะช่วยเหลือ อยากช่วยให้เขาสุขภาพดีขึ้น เราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ รู้สึกสงสาร และเห็นใจผู้สูงอายุ รู้สึกว่าตนเองสามารถสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นได้”
2) การรับรู้จิตสาธารณะที่มาจากการการรับรู้ผลลัพธ์ที่เกิดจากการมีจิตสาธารณะ ได้แก่ การมีความสุข การรู้ว่าตนเองมีคุณค่าที่ได้ทำ การได้ฝึกทักษะการสร้างสัมพันธภาพ และการมีสมรรถนะด้านวิชาชีพของนักศึกษาเอง ดังตัวอย่างคำพูดที่ว่า
“เมื่อทำแล้วทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำโครงการ”
“พบแล้วรู้สึกดีมาก รู้สึกว่าตนเองสามารถสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นได้”
“ดีใจที่ได้พบเห็นสภาพความเจ็บป่วยของผู้สูงอายุ และรู้สึกว่าจะทำยังไง ให้เขามีคนดูแล เข้าไปช่วยเหลืออย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้สูงอายุได้เห็นคุณค่าของตัวเองว่ายังมีคนที่ยังคอยให้ความช่วยเหลือเขาอยู่ การช่วยเหลือผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดี เหมือนกับการทำบุญอย่างหนึ่ง ซึ่งรู้สึกว่าเป็นการหาโอกาสที่ทำได้ยาก และรู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการนี้ หากมีโอกาสอีกครั้ง ก็อยากเข้าร่วมโครงการดี ๆ นี้อีกค่ะ”
5.2 ระยะที่ 2 กระบวนการพัฒนา (development process) การดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง
การถอดบทเรียนตามตัวชี้วัดนี้เป็นการแสดงองค์ความรู้ทางการพยาบาลที่เรียกว่า ความรู้เชิงสุนทรียศาสตร์ (aesthetic knowledge) ที่เป็นความรู้ที่แสดงว่าพยาบาลได้ใช้ศิลปะสำหรับการปฏิบัติการพยาบาล หรืออีกนัยหนึ่งหากพิจารณาว่านักศึกษานำแนวคิดทฤษฎีมาใช้อย่างไรที่สะท้อนให้เห็นว่าความรู้ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สำหรับการปฏิบัติที่เรียกว่า practical knowledge หรือหากถึงขั้นสูงสุดของความรู้ที่พบคือ ความรู้สำหรับการปลดปล่อยให้คนมีอิสรภาพที่เรียกว่า emancipate knowledge หรือได้ความรู้ใหม่ที่เรียกว่า transform knowledge ในโครงการนี้สามารถสรุปบทเรียนที่สะท้อนวิธีการสำหรับการพัฒนาจิตสาธารณะของนักศึกษา และขั้นตอนของการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาให้มีสมรรถนะด้านการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง ดังนี้
5.2.1 กระบวนการพัฒนาจิตสาธารณะของนักศึกษา
นักศึกษาสะท้อนคิดว่าจริง ๆ แล้วนักศึกษามีจิตสาธารณะอยู่แล้ว กระบวนการพัฒนาจิตสาธารณะของโครงการเกิดประกอบด้วย 3 ขั้นตอนตามลำดับ ดังนี้
5.2.1.1. การเรียนรู้จากสภาพจริง (authentic learning) ได้แก่ การได้มีโอกาสเข้าไปสนทนากับผู้สูงอายุทำให้เห็นบริบทความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุ เรียนรู้ความต้องการของผู้สูงอายุ รับรู้ และเข้าใจปัญหา และต้องการช่วยเหลือ
“จากเดิมคิดว่าตัวเองมีจิตสาธารณะอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว แต่เมื่อได้เข้าไปเรียนรู้ในการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน เห็นความต้องการของบุคคลที่อยู่ในชุมชนในการที่จะสร้างเสริมสุขภาพ จึงเกิดพลัง และแรงขับเคลื่อนที่จะทำสิ่งดี ๆ เพื่อคนในชุมชนต่อไป”
5.2.1.2 การมีสัมพันธภาพที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เหมือนเป็นญาติ โดยนักศึกษาเข้าไปสร้างเสริมสุขภาพในฐานะของลูกหลาน เหมือนเราเป็นคนหนึ่งในครอบครัวของเขา ผู้สูงอายุเรียกนักศึกษาว่า “หมอน้อย” นักศึกษาเรียกผู้สูงอายุว่า “พ่อใหญ่ แม่ใหญ่” “คุณตา คุณยาย” ซึ่งผู้สูงอายุรู้สึกผูกพันกับนักศึกษาอยากให้มาเที่ยวที่บ้าน พูดคุย เยี่ยมเยือน
5.2.1.3 การรับรู้เกี่ยวกับการให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพ เมื่อผู้สูงอายุให้ความสนใจ กระตือรือร้นต่อการเข้าร่วมกิจกรรม เช่น ผู้สูงอายุบางคนลงทุนไปตัดกางเกงเพื่อเตรียมออกกำลังกาย “ค่าตัดตัวละ 30 บาท” ผู้สูงอายุเตรียมขวดทรายมาร่วมออกกำลังกาย ผู้สูงอายุออกมาขอให้ไปตรวจสุขภาพให้ที่บ้าน ผู้สูงอายุจัดเตรียมบ้านรอการมาเยี่ยมเยือนของนักศึกษา ผู้สูงอายุสั่ง และย้ำให้อาสาสมัครพานักศึกษาไปเยี่ยมบ้านตนเองให้ได้ “อย่าลืมมาบ้านยายนะ” “เขากระตือรือร้น เขาให้ feedback กลับมาดี”
5.2.2 กระบวนการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง
5.2.2.1 ขั้นที่ 1 ขั้นการรับรู้ทฤษฎีจากการเรียนในห้องเรียน นักศึกษามีความรู้จากการเรียนวิชาการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในห้องเรียนแล้ว แต่ยังไม่สามารถนำความรู้เกี่ยวกับแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพมาใช้จริงในการปฏิบัติงานได้ เช่น แนวคิดการสร้างเสริมพลังอำนาจ แนวคิดแนวคิดสมรรถนะแห่งตน แนวคิดการสร้างเสริมสุขภาพตามกฎบัตรออตตาวา เป็นต้น ซึ่งเป็นขั้นของการเรียนรู้เพื่อให้จำและนำไปสอบได้
5.2.2.2 ขั้นที่ 2 การเชื่อมโยงทฤษฎีกับการปฏิบัติด้วยตนเอง และเรียนรู้ด้วยตนเองว่า จะใช้ทฤษฎี ณ โอกาสใด เวลาใด ดังเช่น กรณีการนำทฤษฎีการสร้างเสริมพลังอำนาจเพื่อสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุป้องกันภาวะสมองเสื่อม หรือเพื่อสนับสนุนความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง ดังตัวอย่างคำสนทนาของนักศึกษาที่ว่า
“บางทีทฤษฎีก็ใช้ได้ บางทีก็ใช้ไม่ได้ บางทีก็ต้องปรับประยุกต์ใช้ให้เข้ากับความแตกต่างของแต่ละบุคคลเพื่อให้ตรงกับการรับรู้ และประสบการณ์เดิมของผู้สูงอายุ อย่างเช่น คุณยายทราบไหมครับว่าโรคสมองเสื่อมเป็นอย่างไร ยายตอบไม่ได้ ก็เลยขยายความบอกยายว่า โรคหลง ๆ ลืม ๆ นะครับ พอผู้สูงอายุเริ่มเข้าใจโดยแสดงออกทางคำพูด ต้องการที่จะรู้จึงเสริมรายละเอียดเกี่ยวกับโรคนั้นเข้าไป ก็ไม่ได้เสริมสร้างพลังอำนาจในตอนนี้”
“หนูรู้เลยว่ายิ่งชมเขายิ่งทำ พอเขาเอาสมุดบันทึกการออกกำลังกาย การคิดเลขมาให้ดู หนูชมเขา เขาก็ยิ่งทำ แล้วเขาก็เห็นผลลัพธ์ที่เกิดกับตัวเอง”
5.3 ระยะที่ 3 ผลลัพธ์ (output) ของการดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง
5.3.1 ผลลัพธ์ของการพัฒนาจิตสาธารณะ
5.3.1.1 ทำให้นักศึกษารับรู้ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง มีความสุขมากขึ้น ดังที่นักศึกษาสะท้อนความรู้สึกผลลัพธ์ของการพัฒนาจิตสาธารณะของตนเองว่า
“จิตสาธารณะดีขึ้นกว่าเดิม เพราะได้เห็นสภาพชีวิตผู้สูงอายุ พอได้ทำงานจริง ๆ แล้วทำให้เรารับรู้ว่าเราอยากช่วยเหลือเขา ยิ่งทำให้เขาดีขึ้นเรายิ่งรับรู้ว่าเรามีจิตสาธารณะมากขึ้น พอรู้ว่าเขามีความสุขมากขึ้นก็ยิ่งรับรู้ผลของการมีจิตสาธารณะ เขาดีขึ้นเพราะว่าเราไปเสริมสร้างพลังอำนาจให้กับเขาโดยการค่อย ๆ เข้าไปกระตุ้นจากการที่คุณตา คุณยายไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพเพื่อตนเองเลย แต่หลังจากที่พวกเราเข้าไปแนะนำแล้วผู้สูงอายุก็ทำตามทำให้รู้สึกมีความรู้สึกอิ่มเอมใจและมีความสุข”
5.3.1.2 มีการรับรู้การเสียสละของตนเองมากขึ้น นักศึกษาให้ความเห็นสอดคล้องกันหลายคนว่า
“ได้สร้างจิตสาธารณะเกิดขึ้นกับตนเอง และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี”
5.3.2 ผลลัพธ์ของการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง
5.3.2.1 นักศึกษารับรู้เกี่ยวกับวิธีการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุว่า การเสริมสร้างพลังอำนาจเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลังว่ามีผลทำให้ผู้สูงอายุมีความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง รับรู้เป้าหมายของการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุว่าในกิจกรรมที่ดำเนินการนั้นต้องนำไปสู่การสร้างความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองให้กับผู้สูงอายุ
5.3.2.2 นักศึกษาได้เรียนรู้ว่าการสร้างเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุต้องการวิธีการปฏิบัติกิจกรรมที่แตกต่างกัน ทั้งนี้รวมถึงควรนำประเด็นเพศภาวะมาพิจารณาจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับความเป็นหญิง และความเป็นชายของผู้สูงอายุด้วย ดังเช่นคำพูดที่ว่า
“ผมว่าสูงอายุหญิงกับชายไม่เหมือนกัน ผู้ชายเขาคิดเลขเก่ง คำนวณเก่ง ผู้หญิงเขาชอบเข้ากลุ่มพูดคุย ถ้าจัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ผมว่าน่าจะจัดให้หญิงชายแตกต่างกัน ควรจัดในกิจกรรมที่เขาสนใจ และถนัดมากกว่าทำเหมือนกันหมดทุกคน ไม่ว่าหญิงว่าชาย”
“ผมว่าการดูแลผู้ป่วยแต่ละคนนั้นถึงแม้สภาพปัญหาความเจ็บป่วยจะเหมือนกัน แต่วิธีการการสร้างเสริมสุขภาพเราต้องประยุกต์หลากหลายทฤษฎีเข้าด้วยกัน ให้เหมาะสมกับความแตกต่างของแต่ละบุคคล เพื่อให้เกิดการสร้างเสริมสุขภาพที่เขาสามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่อง”
โดยสรุปในภาพรวมของโครงการกระบวนการพัฒนานักศึกษาให้มีจิตสาธารณะเกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กับการปฏิบัติการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง โดยพบขั้นตอนที่สำคัญในการพัฒนานักศึกษาคือ (1) การให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติเรียนรู้จากสภาพจริงผ่านการสนทนากับผู้สูงอายุ (2) การสร้างสัมพันธภาพแบบคนในครอบครัวเดียวกันเหมือนเป็นญาติ (3) การรับรู้ว่าผู้สูงอายุ และครอบครัวผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในโครงการหรือกิจกรรม (4) การสร้างเสริมพลังอำนาจเพื่อสนับสนุนให้ผู้สูงอายุรับรู้ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง และ(5) การพัฒนากิจกรรมหรือโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการบริการสร้างเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุหญิง และชายที่มีความต้องการสนับสนุนบริการสุขภาพที่แตกต่างกัน
สรุปบทเรียน โครงการ การพัฒนาจิตสาธารณะ และพัฒนาสมรรถนะ นักศึกษาพยาบาลด้านการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง (active aging) โดย ดร.บุญสืบ โสโสม อ.ขวัญชนก ดำเกลี้ยง วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พระพุทธบาท
1. วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาเพื่อจัดการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้เป็นผู้สูงวัยที่มีพลัง
ละเอียดมากเลยครับอาจารย์ ขอเอาไป link ให้ผู้สนใจนะครับ ขอบคุณครับ
ตามสบายค่ะ