ยุทธศาสตร์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมองโดยองค์รวม

Three Studies - Balance Literacy
Brain Based Learning (TS-BL.BBL)

• สมองส่วนหน้า frontal lobe จะทำหน้าที่แก้ปัญหา การวางแผน การเข้าใจพฤติกรรมของผู้อื่น
• สมองส่วนข้าง parietal lobe ทำหน้าที่การได้ยิน การพูด การสื่อสาร
• สมองน้อย cerebellum ทำหน้าที่การทรงตัว การเคลื่อนไหวของร่างกาย
• สมองส่วน corpus callossum เป็นตัวเชื่อมสมองทั้งสองข้าง

หลังจากที่เด็กเกิดสมองยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสาเหตุที่อาจจะเป็นไปได้คือ

• การที่เซลล์ประสาทไปอยู่ผิดที่ ทำให้การทำงานของสมองผิดปกติ
• การหลั่ง neurotransmitters ผิดปกติ

ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาของสมอง

• พันธุกรรม พบว่าฝาแผดไข่ใบเดียวกัน หากมีคนหนึ่งเป็นอีกคนหนึ่งจะมีโอกาสสูง หากมีพี่นอนคนหนึ่งเป็นน้องก็มีความเสี่ยงสูง
• ขณะตั้งครรภ์ ขณะเป็นตัวอ่อนในครรภ์สมองเด็กจะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากมีสิ่งมากระทบสมองเด็กโดยเฉพาะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ตัวอย่างภาวะดังกล่าวได้แก่ การติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน การขาด oxygen ขณะคลอด

โรคที่พบร่วมกับ Autism

จากภาพ จะเห็นว่า ขนาดประธานาธิบดีโอบามา และสตรีหมายเลข 1
ยังเลือกที่จะพัฒนาเด็กๆ ในประเทศของเค้าด้วยการอ่านให้ฟัง
ซึ่งถือเป็นการปลูกฟังค่านิยมที่ดีๆ ให้เก็บเด็ก และส่งผลให้เด็กเหล่านี้โตเป็นผู้ใหญ่ที่ในวันหน้าทำให้ประเทศเจริญ นับว่าเป็นการมองการไกลที่ยอดเยี่ยม
งั้น เรามาลองอ่านหนังสือให้เด็กๆ หรอลูกๆ เราฟัง กันดีกว่า รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้า

ไม่เป็นไรแต่ลึกๆ แล้ว นี่แหละคือการเรียนรู้ที่เค้าจะได้ ก่อนการไปเรียนที่ โรงเรียน  สุดท้าย มีอีกเรื่อง (เยอะจริงๆ) คือ ในการอ่านให้ฟัง เราต้องรู้จักเลือกสิ่งที่จะนำมาอ่านให้เหมาะสมกับเด็กด้วยไม่ใช่ว่าหยิบอะไรได้ ก็นำมาอ่านให้เด็กฟัง... ข่าวการเมือง ข่าวก๊อซซิปดารา ประกาศศอฉ. ผลออกฉลากกินแบ่งฯ อันนี้ไม่เหมาะแน่  งั้นที่เหมาะสมมันก็น่าจะเป็นพวก นิทาน บทกลอน อะไรอย่างนี้ได้แก่...

1. คำกลอนสั้น
2. นิทานสั้น เช่น ราชสีห์กับหนู กระต่ายกับเต่า
3. นำทานเรื่องยาว
4. คำกลอนยาว
5. บทเพลงสั้น
6. บทเพลงยาว
              เด็กกับเพลงเป็นของคู่กัน เมื่อเริ่มร้องได้เด็กก็จะอ่านได้ในที่สุด  
ปล. สำหรับกลอนยาว ไม่ได้ให้เด็กอ่านเอง แต่ ครูหรือผู้ปกครองจะเป็นผู้อ่านให้ฟัง
โดยการเปิดหนังสือ หันไปทางเด็ก แล้วให้เด็กดูภาพตาม และครู/ผู้ปกครองอ่านเป็นทำนอง 

จากภาพ จะเห็นว่า ขนาดประธานาธิบดีโอบามา และสตรีหมายเลข 1
ยังเลือกที่จะพัฒนาเด็กๆ ในประเทศของเค้าด้วยการอ่านให้ฟัง
ซึ่งถือเป็นการปลูกฟังค่านิยมที่ดีๆ ให้เก็บเด็ก และส่งผลให้เด็กเหล่านี้โตเป็นผู้ใหญ่ที่ในวันหน้าทำให้ประเทศเจริญ นับว่าเป็นการมองการไกลที่ยอดเยี่ยม
งั้น เรามาลองอ่านหนังสือให้เด็กๆ หรอลูกๆ เราฟัง กันดีกว่า รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้า

ไม่เป็นไรแต่ลึกๆ แล้ว นี่แหละคือการเรียนรู้ที่เค้าจะได้ ก่อนการไปเรียนที่ โรงเรียน  สุดท้าย มีอีกเรื่อง (เยอะจริงๆ) คือ ในการอ่านให้ฟัง เราต้องรู้จักเลือกสิ่งที่จะนำมาอ่านให้เหมาะสมกับเด็กด้วยไม่ใช่ว่าหยิบอะไรได้ ก็นำมาอ่านให้เด็กฟัง... ข่าวการเมือง ข่าวก๊อซซิปดารา ประกาศศอฉ. ผลออกฉลากกินแบ่งฯ อันนี้ไม่เหมาะแน่  งั้นที่เหมาะสมมันก็น่าจะเป็นพวก นิทาน บทกลอน อะไรอย่างนี้ได้แก่...

1. คำกลอนสั้น
2. นิทานสั้น เช่น ราชสีห์กับหนู กระต่ายกับเต่า
3. นำทานเรื่องยาว
4. คำกลอนยาว
5. บทเพลงสั้น
6. บทเพลงยาว
              เด็กกับเพลงเป็นของคู่กัน เมื่อเริ่มร้องได้เด็กก็จะอ่านได้ในที่สุด  
ปล. สำหรับกลอนยาว ไม่ได้ให้เด็กอ่านเอง แต่ ครูหรือผู้ปกครองจะเป็นผู้อ่านให้ฟัง
โดยการเปิดหนังสือ หันไปทางเด็ก แล้วให้เด็กดูภาพตาม และครู/ผู้ปกครองอ่านเป็นทำนอง