ใคร่ครวญเกี่ยวกับ โรงเรียนสาธิต เตรียมมหาวิทยาลัยชีวิต


วันนี้ตั้งใจเขียนถึงมหาวิทยาลัยชีวิต หรือสถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน
ที่มีหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ แตกต่าง จากมหาวิทยาลัยหอคอย
งาช้างอื่น ๆ เป็นอันมาก ในขณะที่ทุกคนเตรียมไป globalization แต่
มหาวิทยาลัยนี้ กลับเดินทางไปสู่ localization อย่างเต็มสตรีม แถมยัง
แสดงปัญญาที่แตกต่างได้อย่างชัดเจน คือเรียนแล้วแก้ไขปัญหาชีวิต
ปัญหาเศรษฐกิจไปพร้อมกันได้เลย

คำตอบต่อสังคมเกษตรกรรม ที่ลักษณะเอื้อต่อระบบเศรษฐกิจชุมชน
และปรัชญาเศรษฐกิจพอเีพียง การจัดหลักสูตรก็ชัดเจนตรงที่ หลักสูตร
บูรณาการเอาปัญหาของชุมชนนั้นเป็นหลัก สะท้อนปรัชญาการศึกษา
แนว constructivism พอจบแล้วก็ได้รับ ปริญญาบัตร พร้อมปัญญาปฏิบัติ
ติดอาวุธทางปัญญากับความรู้เชิงปฏิบัติที่ทำได้จริง ตามสโลแกนก็คือ
อยู่กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน สวนทางกับมหาวิทยาลัยทั่วไปที่จบแล้วต้อง
ออกจากบ้าน ออกจากชุมชน ไปอยู่ในเมือง ทิ้งให้เกิดความล่มสลายของ
ชนบทไว้เบื้องหลัง

ขอปรบมือดัง ๆ ที่มีคนกล้าคิด กล้าทำ หลักสูตรอย่างนี้ที่มีประโยชน์ต่อ
ชุมชนหมู่บ้าน เพราะรวมทั้งอุดมการณ์และการปฏิบัติในทางเดียวกัน
ชนิดที่ว่าท่านอธิการบดีท่านวิพากษ์วิจารณ์อะไร และนำเสนออะไรท่าน
ก็ดำเนินการได้ตามที่คิดไว้ได้ แต่ มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการเรียนรู้
เพื่อปวงชน ยังจำกัดอยู่ในระดับอุดมศึกษา

ผมคิดว่า สถาบันการเีรียนรู้เพื่อปวงชน น่าจะมีโรงเรียนสาธิตด้วย เป็น
หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย สายเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการเตรียม
เพื่อเข้าสู่หลักสูตรของมหาวิทยาลัยชีวิต และมีแนวทางเดียวกับมหาวิทยาลัย
คือ มีเนื้อหาเกี่ยวกับปัญหาของชุมชน และการแก้ปัญหาของชุมชน

ผมส่งนักเรียนจบมาหลายรุ่น นักเรียนแต่ละคนที่ไปเรียนต่อ หลายคน
ไปทำงานที่อื่นที่แปลกแยกกับชุมชน และหลายคนมีเป้าประสงค์เพื่อ
รับราชการครู ซึ่งผมและชุมชนก็ช่วยกันวิเคราะห์ว่ามีทางเป็นไปได้
ที่เข้าสู่ตำแหน่งรับราชการครูยังขาดอีกจำนวนมาก และเป็นกำลังหลัก
ในการพัฒนาโรงเีรียนของหมู่บ้านนี้ต่อไป และแผนนี้กำลังจะเป็นจริง
อีก สามถึงสี่ปี ซึ่งผมจะอยู่โรงเรียนนี้ถึงหรือไม่ถึงก็ช่าง อย่างน้อยการ
รับราชการของศิษย์เก่าของโรงเรียน ก็เป็นการพัฒนาการศึกษาของ
หมู่บ้านให้รุดหน้า ด้วยอุดมการณ์ กลับมาพัฒนาบ้านเกิด

สิ่งที่ผมคิดและหาคำแนะนำจากเืพื่อนพี่น้อง ที่เข้ามาร่วมพัฒนาหลาก
หลายอาชีพ หนึ่งในนั้นทำงานที่สภาพัฒน์ได้ฝากโน้ตไว้ให้ผมดังนี้
ขอเอามาเล่าให้ฟังครับ
 " สำหรับเรา เราก็เห็นด้วยกับปุกนะ ว่าสิ่งสำคัญ คือ สร้างความเข้มแข็ง
และติดอาวุธทางปัญญาให้เด็กเขามีตะแกรงร่อน ที่ดีและแข็งแรง ในการกลั่นกรองว่ อะไรเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเค้า สำหรับชุมชนของเค้าอย่าแท้จริง ไม่ใช่ตามกระแสสังคมภายนอก และอะไรดีไม่ดีควรหลีกเลี่ยง

ความเจริญไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่ปัญหาคือเด็ก ๆและชุมชนจะตั้งหลักเพื่อตั้งรับกับมัน ความเจริญจะมาคู่กับ การพัฒนา ไม่ใช่ ปัญหา

ดังนั้น สำหรับคนที่เป็นครู ภาระหนักอึ้งที่มีคุณค่า คือ เพาะบ่มให้เด็ก เข้าใจ และ เห็นคุณค่าของตนเอง ชุมชนของตนเอง หาจุดอ่อนจุดแข็งของชุมชนให้เจอ ในขณะเดียวกันต้องรู้ทันการเปลี่ยนแปลงภายนอกและเรียนรู้ที่จะปกป้องตนเองจากสิ่งไม่ดีด้วย ซึ่งก็ูรู้ว่ามันง่ายที่จะเขียน แต่ยากมากสำหรับผู้ปฏิบัติ ...เชื่อว่าถ้าเค้าได้เรียนรู้ และเห็นคุณค่าของตนเอง/ชุมชนของตนเองแท้จริงเมื่อไร ไม่ว่าจะโตขึ้น เค้าจะเป็นใคร
อยู่ที่ไหน ทำอะไร เค้าจะระลึกได้เสมอถึงความสำคัญของบ้านเกิดตนเอง และถ้ามีโอกาส นะไม่รีรอที่จะกลับมาช่วยกันทำให้มันดีขึ้น
(แต่ว่าดีในที่นี้คือการมีรถกระบะขับ มีเงินเยอะขึ้น มีพอกินพอใช้หรืออะไร ครูและชุมชนคงต้องช่วยกันหาคำตอบ)" 

ดังนั้น ผมเห็นว่า สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน นี่คงต้องหันมาทำเพื่อ
ปวงชนในระดับที่ต่ำกว่าอุดมศึกษาด้วย จะเป็นโรงเรียนสาธิตหรืออะไร
ก็ได้ที่จัดกระบวนการเรียนรู้ที่แตกต่างไปจากปัจจุบันนี้ เพื่อให้หลักสูตร
นี้เป็นการเตรียมมหาวิทยาลัยชีวิตเพื่อพัฒนาท้องถิ่นอย่างเข้มแข็งใน
บริบทที่แตกต่างกันต่อไป เชียร์มหาวิทยาลัยชีวิตครับ 

หมายเลขบันทึก: 437194เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2011 21:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับอาจารย์

ผมสนใจกำลังจะไปสมัครเป็นอาจารย์ั้ที่นี่อยู่พอดีเลยครับ

แหะ แหะ ไม่รู้เขาจะเอาหรือเปล่า

ครับ มหาวิทยาลัยชีวิต เป็นอะไรที่ท้าทายระบบสังคม

คนทำก็เป็นคนที่เข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับระบบสังคมและโรงเรียน

ไหน ๆ จะขับเคลื่อนไปแล้ว ทำให้มันครบวงจรไปเลย

ถ้าหนานเกียรติได้เป็นอาจารย์ที่นี่ เชื่อว่าจะทำให้มหาวิทยาลัยชีิวิต

ได้คนที่มีคุณภาพ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท