O-NET สอบแล้วใด้อะไร


O-NET สอบแล้วใด้อะไร

จากผลคะแนน O-NET ที่ประกาศออกมา ทั้งของนักเรียน ม. 3 และ ม. 6 คะแนนส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ในฐานะที่เป็นครูคนหนึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผู้ใหญ่เขาทำอะไรกันอยู่ นโยบายและหลักการสอบดูดี แต่ปฏิบัติแล้วกลับตรงกันข้าม นี่แหละ การศึกษาไทย คนสอนคนหนึ่ง คนวัดและประเมินผลอีกคนหนึ่ง ผลออกมานักเรียนได้คะแนนต่ำ นักเรียนยังไม่ให้ความสำคัญกับการสอบ O-NET เพราะคะแนนไม่มีผลต่อตัวนักเรียน ถ้าให้นำคะแนนสอบ O-NET มามีผลต่อการเรียนจบ ชั้น ม.3 และ ม.6 ของนักเรียน ก็คงจะดี แต่ที่ทำกันอยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า  O-NET สอบแล้วได้อะไร นอกจากผลสัมฤทธิ์ของโรงเรียนต่ำ ไม่ผ่านเกณฑ์ระดับประเทศ แล้วจะจัดสอบให้เปลือง งบประมาณทำไม

คำสำคัญ (Tags): #o-net
หมายเลขบันทึก: 437020เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2011 22:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ใช่ค่ะ เห็นด้วยกับบันทึกนี้ค่ะ เหนื่อยทั้งครูทั้งนักเรียน ถึงเวลาผู้บริหารก็เอาคะแนนมาแจ้งในที่ประชุม ปีนี้คะแนนโรงเรียนเราเป็นอันดับที่เท่าไร คะแนนวิชาไหนต่ำก็ปรับเปลี่ยนครูผู้สอน ...เหนื่อยค่ะ...สอบแล้วได้อะไร

"...ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า O-NET สอบแล้วได้อะไร นอกจากผลสัมฤทธิ์ของโรงเรียนต่ำ ไม่ผ่านเกณฑ์ระดับประเทศ แล้วจะจัดสอบให้เปลือง งบประมาณทำไม..."

ถ้าเราไม่รู้ว่า ไม้บรรทัด ยาวเท่าไร เราจะ เสียเงินเสียเวลา วัดไปทำไม

เราชอบเห็นนักเรียนเข้าแถว เรียงลำดับความสูง (เพื่อความสวยงาม ในสายตาของเรา?) เราอยากเห็น แถวตรง แถวนิ่ง ...

"นักเรียนทั้งประเทศ แถวตรง!"

การสอนหลากหลาย

การวัดผลตามความเป็นจริง..

แต่วัดผล..ข้อสอบเดียวกันทั้งประเทศ

จะเอายังไงกัน...?????

ในประเทศนี้เขาลงทุนเรื่องกระจกสวย ๆ ราคาแพง ๆ เป็นเงินจำนวนมหาศาล

แต่ไม่ได้ลงทุนผู้ส่องกระจก ผู้ส่องกระจกทั้งหลาย ผอมเกร็ง ไร้เรี่ยวแรง

บ้างก็พยายามที่จะแต่งใบหน้าทีผอมเกร็งด้วยเครื่องสำีอางทั้งหลายเพื่อให้

กระจกนั้นสะท้อนภาพที่สุดยอดออกมา เราจะต้องเรียกร้องให้พวกเขาขาย

กระจกสวย ๆ แพง ๆ ที่มีพ่อค้าเจ้าเล่ห์แสวงหาผลประโยชน์จากกระจกนั้น

แล้วนำเงินลงทุนเรื่องกระจกสวย ๆ งาม ๆ นั้นมาบำรุงผู้ส่องกระจกก่อนให้

มีเรี่ยวแรง ให้สดใสตามธรรมชาติ แม้ไม่มีกระจกแต่ก็สะท้อนภาพและความงามได้

ตามความเป็นจริง

ผมไม่ปฏิเสธว่าในบรรดาคนส่องกระจกแล้วดูสวยสดใส ปิ๊ง ๆๆๆ นั้นล้วนแต่

เป็นผู้ได้รับการเอาใจส่วนน้อยมากจริง ๆ ตามหัวเมืองใหญ่ ซึ่งสามารถระดม

ทุนตกแต่งให้สวยเท่าไรก็ได้ และจริง ๆ แล้วบางทีการที่เห็นสดใส ปิ๊ง ๆ นั้น

ยังมีหน้ากากซ่อนความไม่สวยไว้ เพียงแต่โปะตีนกา ไม่ให้เห็น

แต่เมื่อเอาคนทั้งหมดมายืนเรียงกันให้เห็นหน้าทุกคน ก็ปรากฎว่า มีความน่าเกลียด

อันเนื่องมาจากสุขภาพไม่ดี แม้ว่าจะได้รับการบำรุงดีเพียงปีสองปี หลาย ๆ ปีที่

ไม่ได้บำรุง ก็ไม่ได้ทำให้ภาพดีขึ้น ภาพส่วนใหญ่จึงน่าเกลียด มีภาพสวยใสปิ๊ง

อยู่เพียงบางคน ที่สามารถคัดคนเข้าเรียนได้ มีคนสอนที่มีคุณภาพเสียส่วนใหญ่

เราไม่เอาเงินที่ซื้อกระจก ไปปรับปรุงบำรุงเลี้ยงร่างกาย เพื่อปรับสภาพก่อนหรือ

เมื่อปรับสภาพทุกอย่างตามความเป็นจริง เช่น

1.คนที่สวยปิ๊ง พร้อมแล้ว คนจำนวนเหล่านี้มีจำนวนน้อย งดงบประมาณ

2.คนที่สวยเพราะฉาบทา มีความพร้อมน้อย แต่มีจำนวนมากกว่าระัดับ 1 เพิ่มศักยภาพทุกด้าน

3.คนที่สวยแต่ไม่ได้รับการบำรุงเลี้ยงดี ให้เพิ่มศักยภาพทุกด้าน

4.คนที่ไม่สวยและไม่ได้รับการบำรุงเลี้ยงดี ที่อยู่ตามชายขอบ มีประวัติศาสตรที่อดอยากตั้งแต่ต้น ต้องบำรุงเลี้ยงให้มากทุกด้าน

เชืื่ี่อไหมว่า ทุกวันนี้เราไปบำรุงเลี้ยง คนที่สวยปิ๊งอยู่แล้ว เพราะอย่างไรกระจกก็ชอบ ประวัติของ

คนสวยปิ๊งก็ถูกบำรุงเลี้ยงอย่างดีมาอย่างเป็น สเต็ป ไม่มีประวัติศาสตรตอนไหนเลยที่คนสวยปิ๊งจะไม่ได้รับ

การบำรุงเลี้ยง เพราะเป็นหน้า เป็นตา ส่วนที่ไม่สวยและไม่ได้รับการบำรุงเีลี้ยง ส่องกระจกทีไรก็ไม่สวย

เมื่องส่องในภาพรวม กลับกลายเป็นว่า สวยปิ๊งกลับโดดเด่น

แล้วเราจะเอากระจกราคาแพง ๆ นั้นคืนไปก่อน แล้วบำรุงเลี้ยงให้สวยตามธรรมชาติ อย่างเท่าเทียมกันก่อน

แล้วกระจกราคาถูก ๆ ก็สามารถส่องได้ และจะสวยงามไปทั้งระบบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท