บางห้วงเวลาของฉัน
คนหลังเขา
๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ ริมน้ำกก ห้วยหมากเลี่ยม
เศร้า
บางเวลาฉันเศร้า แม้เวลาที่ฉันประชุมร่วมกับชาวบ้าน ทั้งที่มีชาวบ้านอยู่รอบข้างมากมายหลายร้อยคน แต่ฉันก็ยังเศร้า ที่ฉันเศร้าเพราะเฝ้านึกถึงทางออกของเขาเหล่านั้น แต่สำหรับบางคน ทางออกที่น่าจะมีอยู่กลับไม่เห็นแม้กระทั่งแต่แสงเพียงน้อยนิดจากปลายอุโมงค์แห่งชีวิตนั้น เขาต้องวกวนอยู่ในความมืดจากการไม่รู้ของเขา แต่อีกส่วนหนึ่งกลับถูกกำหนดโดยคนอื่นที่ไม่เคยรู้เลยว่าชาวบ้านนั้นเกิดที่ใด ไม่ทราบแม้ว่าคนเหล่านั้นมีบ้านเรือนเป็นอย่างไร ไม่รู้แม้ว่าคนเหล่านั้น เป็นเชื้อชาติอะไร
บางเวลาฉันยิ่งเศร้าที่ได้มองเห็นพ่อแม่ที่เฝ้าห่วงใยลูกน้อยของตน ว่าจะมีอนาคตอย่างไร เฝ้าที่จะถามไถ่ถึงทางออกของลูกว่าจะไปทางไหนดี มีคำถามที่ฉันต้องตอบบ่อยครั้ง ว่าลูกเขาเกิดในไทยแล้วทำไมไร้สัญชาติ ทำไมต้องระบุว่าไม่มีสัญชาติไทย เมื่อไหร่จะมีสัญชาติไทย แม้ว่าจะตอบได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเหล่านั้นเข้าใจหรือมีความสุขมากขึ้นสักนิดเลย
เหงา
บางเวลาฉันเหงา แม้บางเวลาจะมีคนอยู่รอบข้างฉันมากมายหลายคน แต่ฉันก็ยังเหงา บางเวลาที่ฉันเดินทางไกล จากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยือนพี่น้องชาวบ้านต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ชีวิตของฉันแม้ว่าจะออกจากบ้านมานานมาก ตั้งแต่อายุต้น ๒๐ ทั้งเพื่อทำหน้าที่บางอย่างที่ฉันไม่ได้ตั้งใจเลือก บางครั้งเวลาก็เป็นช่วงชีวิตที่ฉันเลือก แม้ว่าจะลำบาก หรือทุกข์ยาก แต่ฉันก็ไม่เคยเหงา
แต่เมื่อต้องทำงานกับพี่น้องชาวบ้าน ฉันกลับเหงาอย่างบอกไม่ถูก ฉันต้องการคนพูดคุยที่เข้าใจ ฉันต้องการคนที่เข้าใจว่าสิ่งที่ฉันทำนั้นเป็นอย่างไร ต้องทำกับใคร เพื่อใคร แล้วจะสิ้นสุดเมื่อใด แต่บางครั้งก็ไม่มีใครที่เข้าใจเลย ยิ่งพูด ยิ่งไม่เข้าใจ ฉันยิ่งเหงา
ทุกข์
บางเวลาดูเหมือนฉันมีความสุข ยิ่งต่อหน้าชาวบ้านแล้ว ฉันยิ่งต้องทำให้ดูเหมือนฉันมีความสุขมาก แม้ว่าจะเป็นการใส่หน้ากาก แต่ฉันจำเป็นต้องทำเพื่อให้คนเหล่านั้นดูมีความสุข แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วเวลาหนึ่งก็ตาม แต่ฉันก็ต้องทำเพื่อให้ทุกคนได้รับกระแสแห่งความสุขจากฉันบ้าง เพราะลำพังเพียงความทุกข์ของชาวบ้านก็มากมายกว่าฉันหลายเท่า บางครั้งเหมือนกับความทุกข์นั้นจะล้มทับตัวฉันจนจมดิน แม้ว่าฉันจะมีความทุกข์เพียงเท่าใด แต่เมื่อเทียบกับคนที่มักจะถามไถ่เรื่องงานกับฉันแล้ว เทียบไม่ได้แม้แต่เพียงเสี้ยวหนึ่งของเขาเลย
เหงา
คาราวาน
เธอบอกว่าเหงา ฉันก็จะเชื่อ
เธอบอกว่าเหลือ แต่เพียงชีวิต
เธออาจจะค้น เธออาจจะคิด
นั่นก็เป็นสิทธิ์ หนึ่งในสังคม..
เธออาจจะหวัง แม้ยังไม่วาด
เธออาจจะคว้าง ไม่เคยสุขสม
จะมีเงินทอง ล่องลอยชวนชม
แต่ไม่อาจข่ม ความทุกข์ทางใจ..
หันมาทางนี้ มีผู้ยากไร้
เขาเหงายิ่งกว่า ลึกร้างกว้างไกล
มีมากมีมาย ใต้ฟ้ามัวหม่น..
เธออาจจะเหงา เขาคงเหงากว่า
แต่หวั่นผวา หัวใจสับสน
เขาอาจสะทก ทั้งจนทั้งทน
ซบหน้าเกลื่อนกล่น แค่ทางเท้าเธอ...
อ่านให้ความรู้สึกถึงคำพระที่ว่า "สุขทุกข์อยู่ที่ใจมิใช่หรือ ถ้าใจถือก็เป็นทุกข์มิสุกใส" จริงนะครับ
ใจที่อยากช่วยผู้อื่น ช่วยผู้อื่่น สุขใจที่ได้ช่วย ลบเลือนความทุกข์ได้ดีมาก