ดูรายละเอียด การประกวดรางวัลพานแว่นฟ้า 2554 ที่บันทึกของท่าน ผศ โสภณ เปียสนิทค่ะ คงต้องเร่งหน่อยหล่ะค่ะ ใกล้จะปิดรับผลงานแล้วค่ะ
นิตยา พูนเพิ่ม รับ รางวัลวรรณกรรมการเมือง "พานแว่นฟ้า" ครั้งที่ 8 ประจำปี 2552 รับโล่รางวัลพานแว่นฟ้า และเกียรติบัตรจากประธานรัฐสภา พร้อมเงินสด 50,000 บาท ได้แก่ผลงานชื่อ กระดาษแผ่นดิน ซึ่งในปีนั้น กรรมการกล่าวอย่างชื่นชมว่า...
"กระดาษแผ่นดินคือการสร้างสรรค์ผลงานอันน่ายกย่องของกวี ด้วยวิธีงดงามผสมด้วยรูปแบบกวีฉันทลักษณ์ที่ลงตัว ทำให้สัมผัสได้ถึงความเอื้ออาทรต่อแผ่นดินไทย ในยามที่สีแห่งความขัดแย้ง และความเกลียดชังกำลังแผ่กระจายไปทั่วหัวระแหง แทนที่สีสันต่างๆ จะสร้างความงดงาม เฉกเช่นเดียวกับแผ่นกระดาษในมือ ที่กวีเปรียบเสมือนแผ่นดิน ทุกตารางของกระดาษแผ่นดินกลับเปื้อนเปรอะด้วยสีต่างๆ ซึ่งยากจะลบเลือนหรือเปลี่ยนแปลงให้เป็นสีขาวสะอาดและความงดงามใดๆ อย่างที่ใครๆ วาดหวัง!"
นิตยา พูนเพิ่ม เธอเป็นกวีสาวชาวจังหวัดสงขลา ในปีที่สาวน้อยผู้นี้ชนะการประกวด ถือว่าเธอเป็นกวีหน้าใหม่มากๆ เพราะอายุเธอเพียง 19 ปี เพิ่งพ้นสถานะ 'กวีน้อย' จากรั้วโรงเรียนมาหมาดๆ เธอเริ่มฝึกเขียนกลอนตั้งแต่ ม.ต้น โดยมีครูกวี 'สาทร ดิษฐสุวรรณ' แห่ง ร.ร.สทิงพระวิทยา เป็นผู้สอน และพาไปหาประสบการณ์ตรงจากนักเขียน-กวีในค่ายวรรณกรรม ตลอดจนแนะนำให้ส่งผลงานเข้าประกวดเวทีต่างๆ และปีที่เธอส่งผลงานเข้าประกวด เธอกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะทรัพยากรธรรมชาติ มอ. วิทยาเขตหาดใหญ่
ครูอิงอ่านผลงานของเธอแล้วรู้สึกประทับใจอย่างมาก จึงขอนำมารวบรวมไว้ใน "อิงจันทร์ บ้านกลอนไฉไล" ท่านผู้อ่านเห็นเป็นอย่างไรบ้างคะ
“กระดาษแผ่นดิน”
ณ ที่นี้สุขดีกว่าที่ไหน ประชาธิปไตยเบ่งบานเต็มลานฝัน
ไม่สร้างกฎกติกาให้ฆ่ากัน ไม่ขีดคั่นพื้นที่ด้วยสีใด
เจ้าปกครองเขตแดนแผ่นกระดาษ ตวัดวาด....เส้นสื่อ....แสนซื่อใส
ความตั้งใจจานเจือจากเนื้อใจ ปาดเหงื่อไคลจนแก้มน้อยเปื้อนรอยดำ
บอก “พ่อจ๋า ดูซิ...นี่ภาพหนู ยกรูปชู...แย้มยิ้ม อย่างอิ่มหนำ
ตามองเพ่ง สักพัก แล้วพึมพำ กลั่นน้ำคำหยาดเยาว์เล่าเรื่องราว
ว่า “ตรงนี้หนูวาดราษฎร” พานแว่นฟ้าคืออาภรณ์ผ่อนร้อนหนาว
หน้าทุกหน้าอาบยิ้มอิ่มนานยาว ใต้ดวงดาวสันติภาพทาบแสงทอ
ไม่ลงสี หนูคงไม่ลงสี ไม่อยากมี เหลือง – แดง แบ่งแม่พ่อ
เช่นร้อยพันอันธพาลผ่านหน้าจอ บ้างหลอกล่อบ้างก่นด่าไม่น่าฟัง
เขาคงมีภาพวาดกระดาษเขา หลอมรูปเงาร้ายร้ายระบายหวัง
เขาคงขีดสงครามความเกลียดชัง สงสารจัง กระดาษ, ราษฎร
อยากลบรอยลบล้างด้วยยางลบ หยุดจุดจบ หดหู่ อุทาหรณ์
ก่อนตะกอนสกปรก ตกตะกอน ฝังทุกข์ร้อน แนบภาพ ตราบนิรันดร์
ณ ที่นี่ นาทีนี้ คือที่ไหน ? ใครหนอใครแลเหลียวหนึ่งเสี้ยวฝัน
กับสังคมแตกต่างถึงทางตัน ภาพเหล่านั้น ลบเลือน เปื้อนน้ำตา
นิตยา พูนเพิ่ม
อีกหนึ่งลีลา ที่ประทับใจ อ่านแล้วได้อารมณ์ที่แตกต่างกับผลงานแรก คือผลงานของอาจารย์อภิชาติ จันทร์แดง อาจารย์ประจำสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ได้รับรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2553 จากรัฐสภา จากบทกวี “เงา (ไม่มีใครอยากไปปัตตานี)”
อ้างอิง (นิตยา พูนเพิ่ม) http://www.thaiwriter.net http://www.bangkokbiznews.com
อ้างอิง (อภิชาติ จันท์แดง)http://www.psu.ac.th/node/2484
อิงจันทร์ บ้านกลอนไฉไล สวัสดีค่ะ
ทั้งกระดาษแผ่นดิน และเงา เหมาะสมแล้วที่ได้รางวัลค่ะ
ขอบคุณนะคะที่ทำให้มีโอกาสได้อ่าน
สวัสดีค่ะ
ไม่ทราบวันเวลาเลยค่ะ นึกอยากมาก็มา เปิดมาก็เจอบันทึกนี้ค่ะ
กะจะมอบดอกไม้ แต่มันยากจัง คลิ๊กแล้วคลิ๊กอีกกว่าจะได้ แล้วก็หายไป งงมากค่ะ
ขอแสดงความชื่นชมยินดีกับคนเก่งทั้งสองท่านค่ะ
เรียนครูอิงจันทร์ครับ
ตอนรับรางวัล เขาให้คุณอภิชาติอ่านบทกวีของเขาต่อหน้าอีกครั้งหนึ่ง
เพราะเชียวครับ ฟังแล้วได้อารมณ์และความรู้สึกไปอีกแบบ
มาเยี่ยมคุณครู อากาศร้อน บางทีก็เปลี่ยนแปลงไป ให้ให้คุณครูสุขภาพแข็งแรง และขอขอบคุณคุณครูที่ไปเยี่ยมในบันทึกอยากเห้นคนไทยเขียนภาษาไทยให้ถูก คุณครูคุณโยมจันทน์รักษ์นี่ฝีมือพัฒนาเร็วในเรื่องร้อยกรอง สงสัยมีพื้อนฐานมาก่อน..พอได้คำแนะนำก็เลยเก่ง ได้อ่านหลายบันทึกอยู่ คุณนิตยา พูลเพิ่ม และคุณอภิชาติ จันทร์แดง น่าศึกษาจริงๆ
สวัสดีค่ะ
แวะมาทักทายยามว่างค่ะ ได้อ่านกลอนของผู้มีฝีมือแล้วน่าชื่นใจนะคะ ขอขอบคุณค่ะที่นำตัวอย่างดี ๆ มาเผยแพร่คะ
ขอบคุณที่ไปเยี่ยม น้ำใจเปี่ยมกรุณา เป็นห่วงเรื่องภาษา จะถึงคราเปลี่ยนแปลงไป รีบเร่งเถอะคุณครู ช่วยเชิดชูภาษาไทย เด็กเด็กเขาผลักใส แต่ผู้ใหญ่ต้องช่วยดึง ภาษานั้นคือชาติ เอกราชควรคำนึง ศาสนาพารู้ซึ้ง บรรลุถึงสวัสดี ศาสนา นับเป็นสองคำ, พระเสด็จโดยแดนชล- กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย
ช่วยกัน เสริมสร้างประชาธิปไตย-ประชาชน และสร้างวรรณกรรม ในเวลาเดียวกัน
ลองแวะไปที่ รางวัลพานแว่นฟ้า-ประชาชน http://gotoknow.org/blog/learnersweb/435885
บางที เราอาจจะช่วยกันประหยัดเงินของชาติ เพื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ช่วยผู้เดื่อดร้อน แทนการจ่ายโฆษณาการเลือกตั้ง เหมือนอย่างเคย...(ขอรับ ว่าน่าเบื่อจัง)
สวัสดีค่ะ
ป่วนมาก ๆ เลยนะคะ เม้นท์แต่ละทีเกือบครึ่งชั่วโมง ลิงค์ก็ไม่ได้ ขอบายไปนอนสงบก่อนนะคะ อีก ๓ เดือนจะแวะมาใหม่ จะได้เล่นอีกป่าวน้อ
นมัสการพระคุณเจ้า
แวะมาเยี่ยม ดีเจอิง ฯ มหาคิดถึงครับ
สวัสดีค่ะพี่อิงจันทร์
ชื่นชมผลงานของนักเขียนทั้งสองท่านค่ะ เป็นบทกวีที่ดีมาก งดงาม
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
ก่อนตะกอนสกปรก ตกตะกอน ฝังทุกข์ร้อน แนบภาพ ตราบนิรันดร์
ชอบมากค่ะ
อีกบทอ่านออกเสียงเอง ก็ชอบเช่นกัน
เยี่ยม!
สวัสดีค่ะพี่อิงที่คิดถึง
"กระดาษแผ่นดิน"...กลิ่นอายไทยว้าวุ่น ชุลมุนขัดแย้งแบ่งแยกฝ่าย
เนรคุณปู่ย่าทวดตายาย ไม่ละอายไร้สำนึกเปิดศึกชน
ต่างโรมรันพันตูว่ากูแน่ ชาติเป็นแผลทำร้ายไร้เหตุผล
"กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา"...ทุรชน ชาติไทยป่นคนไทยป่วนทำซวนเซ
ทุกหย่อมหญ้าน้ำตาร่วงเป็นห่วงพ่อ ทำไมหนอ.."พ่อเหนื่อยยาก"...ยังไฉเฉ
สามจังหวัดภาคใต้ใครเกเร "เงา"...ไอ้เห้...ชั่วร้ายไล่เผาเมือง
ชอบจังครับ
ขอให้มีความสุขนะครับ
วันนี้กลับมาอีกรอบ อ่านคำว่า "สองวัย" เลยนึกขึ้นได้ว่า ยังมีอีกวัยหนึ่งเป็น "วัย" ที่สาม โน่น ไปแอบอยู่ตรงมุมโน่น ไปเยี่ยมเขาหน่อย อิอิ
สวัสดีค่ะอาจารย์
*** ขอบคุณครูอิงมากค่ะที่บันทึกไว้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดี
ขอแสดงความยินดี และชื่นชมคนเก่งด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีค่ะ ครูอิง
อัพเดทข้อมูลให้เป็นปัจจุบันเท่านั้นเอง
ปีหน้าแซวตัวเองเหมือนกันว่า "ไม่ลองส่งงานไปบ้างเหรอ.."
ที่สุดแล้ว ตัวเองก็ให้คำตอบกับตัวเองว่า
"มือไม่ถึง..."
แต่ทุกวันนี้ ก็มีความสุขกับการเขียนและทำหนังสือตัวเองไปเป็นระยะๆ...
...
สบายดี นะครับ