พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส


ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

 

 

 

ดิฉันชอบอ่าน พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส ค่ะ

 

ขออนุญาต อัญเชิญพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส  บางส่วน มาทำบันทึก..


วัยเด็ก


การให้การศึกษาแก่เด็กต้องเริ่มตั้งแต่เด็ก...


การให้การศึกษาแก่เด็กต้องเริ่มตั้งแต่เกิด


ขึ้นต้น ก็ต้องสอนให้รู้จักอวัยวะ และประสาทส่วนต่างๆ ต้องคอยควบคุม ฝึกหัด จนสามารถใช้อวัยวะและประสาทส่วนนั้นๆ ทำกิจวัตรทั้งปวงของตนเองได้


เมื่อสามารถทำกิจวัตรของตัวเองได้ แล้ว ถัดมาก็ ต้องสอนให้รู้จักทำการต่างๆ ให้รู้จักแสวงหาสิ่งต่างๆ ตามที่ต้องการให้ได้มากขึ้น เพื่อทำให้ชีวิต มีความ สะดวกมีความสบาย


การให้การศึกษาขั้นนี้ ได้แก่การฝึกกายให้มีความคล่องแคล่ว ชำนิชำนาญ และสามารถในการปฎิบัติประกอบกับการสอน วิชา ความรู้ต่างๆ อันเป็นพื้นฐานสำหรับการประกอบอาชีพเลี้ยงตัว


การให้การศึกษาอีกขั้นหนึ่ง คือการสอนและฝึกฝนให้ เรียนรู้ วิทยาการ ที่ก้าวหน้าขึ้นไป พร้อมทั้งการฝึกฝนให้รู้จักใช้เหตุผลสติปัญญา และหาหลักการของชีวิต เพื่อให้ สามารถสร้าง สรรค์ความเจริญงอกงาม ทั้งทางกายและทางความคิด...


พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของวิทยาลัยวิชาการศึกษา วันที่ 29 พฤศจิกายน 2514

ที่มา..  http://president.eau.ac.th/king_r9/king_r9_a0001.php

 

 

หมายเลขบันทึก: 435910เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2011 10:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีค่ะ

          การให้การศึกษาแก่เด็กต้องเริ่มกันตั้งแต่เกิด

          คุณแม่ที่กำลังมีน้อง

        ตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องก็มีการพูดคุยสื่อสารกันได้แล้วนะคะ

                    

                   มีกระเช้าเก็ดถวาหอมๆมาฝากด้วยค่ะ

                    เพื่อบอกว่า...หายไปนาน คิดถึงจังเลย

                                            ขอบคุณค่ะ

ตัวอย่าง พระบรมราโชวาท

 

เด็กเป็นผู้ที่จะรับช่วงทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากผู้ใหญ่ รวมทั้งการรับผิดชอบในการธำรงรักษาอิสรภาพและความสงบสุขของบ้านเมือง

ดังนั้นเด็กทุกคนจึงสมควรและเลี้ยงดูอย่างถูกต้องเหมาะสม ให้มีความสามารถสร้างสรรค์ประโยชน์ต่างๆ พร้อมทั้งการฝึกหัดขัดเกลาความคิดจิตใจให้ประณีต

ให้มีศรัทธามั่งคงในคุณความดี มีความประพฤติเรียบร้อยสุจริต  และมีปัญญาฉลาดแจ่มใสในเหตุในผล  

หน้าที่นี้เป็นของทุกคนที่จะร่วมมือกันกระทำโดยพร้อมเพรียงสม่ำเสมอ  

 ผู้ที่เกิดก่อน ผ่านชีวิตมาก่อน จะต้องสงเคราะห์อนุเคราะห์ผู้ที่เกิดตามมาภายหลังด้วยการ ถ่ายทอดความรู้ ความดี และประสบการณ์อันมีค่าทั้งปวงให้ด้วยความเมตตาเอ็นดูเเละด้วยความบริสุทธิ์ ใจให้เด็กไทยได้ทราบเข้าใจ 

และสำคัญที่สุดให้รู้จักคิดด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง จนสามารถเห็นจริงด้วยตนเองได้ในความเจริญและความเสื่อมทั้งปวง


พระ บรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กประจำปี ๒๕๒๒

 

ที่มา    http://guru.muslimthai.com/main/index.php?page=news&category=26&id=17157

 

สวัสดีค่ะ 

ด้วยความขอบคุณค่ะ  คุณครู KRUDALA   

พระราชดำรัสเนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

 

คุณธรรมสี่ประการ

ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางมหาสมาคมพร้อมพรั่งด้วย
บุคคลจากทุกสถาบันในชาติตลอดจนประชาชนชาวไทย ขอขอบใจในคำอวยพร
และการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ที่ทุกคนตั้งใจจัดให้ข้าพเจ้าเป็นพิเศษ

ทั้งรัฐบาลที่ได้จัดงานครั้งนี้ได้เรียบร้อยและงดงาม น้ำใจไมตรีของประชาชน
ชาวไทยที่ร่วมกันแสดงออกทั่วประเทศ รวมทั้งที่พร้อมเพรียงกันมาในวันนี้
น่าปลาบปลื้มใจมากเพราะแต่ละคนได้แสดงออก และตั้งใจมาด้วยความหวังดี
จากใจจริง จึงขอขอบใจทุกๆ คนที่จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี
และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทุกคนทุกฝ่ายนี้ ทำให้ข้าพเจ้าเห็นแล้ว
มีกำลังใจมากขึ้น นึกถึงคุณธรรมเป็นที่ตั้งของความรัก ความสามัคคี
ที่ทำให้คนไทยเราสามารถร่วมมือร่วมใจกันรักษา และพัฒนาชาติบ้านเมือง
ให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อกันมาได้ตลอดรอดฝั่งคุณธรรมสี่ประการ
  • ประการแรก คือ การที่ทุกคน คิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดี
    มุ่งเจริญต่อกัน
  • ประการที่สอง คือ การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
    ประสานงานประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผลทั้งแก่ตน
    แก่ผู้อื่น และแก่ประเทศชาติ
  • ประการที่สาม คือ การที่ทุกคนประพฤติ ปฏิบัติตน อยู่ในความ
    สุจริตในกฎกติกา และในระเบียนแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน
  • ประการที่สี่ คือ การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิดความเห็น
    ของตนให้ถูกต้องเที่ยงตรงและมั่นคงอยู่ในเหตุในผล
หากความคิดจิตใจและการประพฤติปฏิบัติลงรอยเดียวกันในทางที่ดีที่เจริญนี้
ยังมีพร้อมมูลอยู่ในกาย ในใจของคนไทย ก็มั่นใจได้ว่า ประเทศชาติไทย
จะดำรงมั่นคงอยู่ตลอดไปได้

จึงขอให้ท่านทั้งหลายในมหาสมาคมนี้ ทั้งประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า
ได้รักษาจิตใจและคุณธรรมนี้ไว้ให้เหนียวแน่น และถ่ายทอดความคิดจิตใจนี้
กันต่อไปอย่าให้ขาดสาย เพื่อให้ประเทศชาติของเราดำรงยืนยงอยู่ด้วย
ความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งในปัจจุบันและในภายภาคหน้า

ขอให้อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล จงรักษา
ประเทศชาติไทยปลอดพ้นจากภัย จากอันตรายทุกสิ่งและอำนวย
ความสุขความเจริญสวัสดี ให้เกิดมีแก่ประชาชนชาวไทยทั่วหน้ากัน

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 9 มิถุนายน 2549
เนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี


ที่มา  http://www.dopaclean.com/discourse/

พระบรมราโชวาท

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลเดชมหาราช

" คนดี "

ในบ้านเมืองนั้น  มีทั้งคนดีและคนไม่ดี
ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด
การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย
จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดีให้คนดี  ได้ปกครองบ้านเมือง
และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

 

พระบรมราโชวาทในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ
ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2512

 

 

•°•.★* คำสอนของพ่อ....เรื่องคนดี.•.★*

 ลูก......อันเป็นที่รักของพ่อ .....      ◡‿◡✿

          คำสอนของพ่อข้อแรก ที่พ่อขอมอบให้แก่ลูกของพ่อ เริ่มต้นพ่อขอกล่าวเรื่อง คนดี โดยพ่อขอบอกแก่ลูกว่า องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมีพระบรมราโชวาท ตอนหนึ่งว่า ในบ้านเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ พระบรมราโชวาทนี้พระองค์ท่านทรงพระราชทานตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2512 พระองค์ท่านตรัสพระราชทานแก่พสกนิกรของท่านว่า ในบ้านเมืองทุกแห่งทุกที่ทุกประเทศนั้น จักมีทั้งคนดีและคนไม่ดีอยู่ร่วมกัน เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด เพราะคนแต่ละคนมีความคิด การพูด การกระทำ ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ลูกจึงอย่าหวังเลยว่าทุกคนที่ลูกคบหาด้วยนั้นจะต้องเป็นคนดีทุกคน    อยู่ที่ว่า.....ลูกจักเลือกคบคนชนิดใด ถ้าลูกคบคนดี ลูกก็เป็นคนดี ถ้าลูกคบคนชั่วลูกก็จักเป็นคนชั่ว           ดังภาษิตที่ว่า" คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล คบคนชั่วจะพาตัวให้อับจน จะคบคนควรคิดไว้ให้จงดี"   พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำรัสว่า การทำให้บ้านเมืองมีความสุขเรียบร้อยนั้นอยู่ที่ประชาชนทั้งหลายร่วมกันส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้   พระบรมราโชวาทข้อนี้ พระองค์ท่านทรงมุ่งหมายให้ประชาชนชาวไทยสนับสนุนคนดี ยกย่องคนดี และส่งเสริมคนดี คือ บุคคลที่คิดดี พูดดี ทำดี มีความซื่อสัตย์สุจริตเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัวโดยสนับสนุนให้คนดีมาทำหน้าที่ปกครองประเทศชาติ เพื่อให้ควบคุมคนไม่ดีไม่ให้ก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนได้

           ลูกของพ่อก็เช่นกัน...ถ้าลูกต้องการประสบความสำเร็จในการศึกษา ในหน้าที่การงาน เพื่อความสุขของลูกและครอบครัว รวมทั้งบริวาร ลูกจักต้องเป็นคนดี คบคนดี และสมควรจักต้องได้รับการส่งเสริมจากคนดีด้วยกัน ลูกอย่าคบคนชั่ว เพราะคนชั่วนั้นเมื่อสนับสนุนใครแล้วจักนำความฉิบหายมาให้แก่คนนั้นอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย

          พระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมศาสดาตรัสว่า ขึ้นชื่อว่าความชั่วแล้ว แม้น้อยนิดก็ไม่ควรทำ เพราะความชั่วทั้งหลาย เมื่อกระทำแล้วย่อมส่งผลเป็นความทุกข์ ความเดือดร้อน นี่คือคำสอนของพ่อข้อแรกที่มอบให้แก่ลูก      อันความดีนั้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ควรทำ เปรียบเสมือนตักน้ำใส่ตุ่ม ขยันหมั่นเพียรน้ำก็จักเต็มฉันใด บุญก็เช่นกัน เมื่อขยันบำเพ็ญบุญ บุญก็จักเพิ่มพูน และเต็มบริบูรณ์ ฉันนั้น

 

.•°•.★*  บันทึก คำสอนของพ่อ .•°•.★* 

ลูกรัก... การทำความดีนั้น พระท่านว่าต้องทำสม่ำเสมอ และต้องทำอย่างต่อเนื่อง แม้จักเป็นความดีอันน้อยนิด แต่ก็ต้องทำอยู่ตลอดเวลาจึงจักส่งผล อย่าเป็นเช่นเวลาขณะที่เราต้มน้ำ เมื่อตั้งกา น้ำยังไม่เดือดเราก็ยกลง ทำเช่นนี้แล้วเมื่อไรน้ำจักเดือดเล่า คนเราก็เหมือนกัน ทำบุญต้องทำอย่างต่อเนื่อง จึงจักเกิดผลบุญนั้น ทำความดีก็ต้องทำสม่ำเสมอ ความดีจึงจักบังเกิดแก่ตัวของลูกเอง

ลูกรัก...ความสุขของมนุษย์โดยทั่วไป มี 4 สุข คือ
1) สุขจากการมีทรัพย์

2) สุขจากการใช้ทรัพย์

3) สุขจากการไม่เป็นหนี้

4) สุขจากการงานที่ไม่เป็นโทษ

 ลูกรัก....เมื่อลูกทำงานสิ่งใด ผลงานที่ได้...อย่าให้โตเกินขนาด ถ้าโตเกินขนาด...มันก็จักล่มเร็ว ถ้าโตตามลำดับ...มันจักอยู่ได้นาน จงทำงานให้ได้ผลตามลำดับ จักประสบผลสำเร็จยั่งยืนและยาวนาน

 ลูกรัก...ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่มุมมองของเรา คือ...ถ้าเรามองว่าเขาเป็นมิตร  เขาก็เป็นมิตร ถ้าเรามองว่าเป็นศัตรู เขาก็จะเป็นศัตรู ทุกอย่างมันล้วนอยู่ที่เรามอง

 ลูกรัก...สิ่งที่ทำให้มนุษย์ต่ำต้อยและตกต่ำ คือ มีความโลภเป็นที่ตั้ง ขาดสติ ลืมตัว ทำให้เกิดความประมาท มีความอวดดื้อถือดี คบคนพาลเป็นมิตร มีความฉลาดแต่ไม่เฉลียว 

 

ที่มา   http://www.oknation.net/blog/print.php?id=146113

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท