"งานวันแม่ไร้สัญชาติ : จากใจลูก (ลูกมาลี) เพื่อแม่ไร้สัญชาติ (แม่โซตรี)"


“ข้าแต่อัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) ขอพระองค์ท่านได้โปรดประทานพรให้แด่แม่ทุกๆ ท่านบนโลกนี้ ให้มีความสุขและสมปรารถนา มีลูกที่รักและกตัญญู”

วันสำคัญวันหนึ่งของประเทศไทยอีกวันหนึ่ง คือ วันแม่ ที่ทุกๆ คนให้ความสำคัญกับวันนี้มาก และเป็นวันที่ลูกๆ ทุกคนจะได้ระลึกถึงบุณคุณของแม่ วันที่แม่ทุกคนตั้งตารอด้วยความตื่นเต้น วันที่แม่ทุกคนจะได้ชื่นใจด้วยความรัก, กลิ่นไอของดอกมะลิ และการกราบด้วยมือของลูกๆ ทุกคน ถือว่าเป็น 1 วันใน 1 ปีที่ทำให้แม่ทุกๆ คนชุ่มชื่นใจที่สุด 

ดิฉันชื่อ น.ส. มาลี วงศ์สุวรรณ (เบลล์)  เป็นลูกของแม่โซตรี ผู้ทำหน้าที่เป็นทั้งแม่และพ่อมาโดยตลอด เพราะพวกเรากำพร้าพ่อแต่เด็ก แม่จึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างและเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของลูก แม่โซตรีมีเชื้อสายอาหรับ เพราะคุณตาเป็นชาวอาหรับจากประเทศจอร์แดนและได้เข้ามาทำการค้าที่ประเทศพม่าเป็นเจ้าของโรงสี ต่อมาคุณตาได้แต่งงานกับคุณยายซึ่งเป็นชาวพม่า จนเกิดแม่ที่ประเทศพม่าเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2500 แม่โตมากับตาเพราะยายเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ตาจะทำกับข้าวให้แม่ทานด้วยตัวเองทุกมื้อ พอแม่อายุได้ 10 ขวบ กิจการทางบ้านก็ถูกทางรัฐบาลพม่ายึดไว้หมด ด้วยความเสียใจมากตาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจแบบเฉียบพลัน  

จากนั้นมาแม่ก็เลี้ยงตัวเองมาตลอด ได้เดินทางมาเข้ามาที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2515 และรับจ้างทั่วไปเพื่อเลี้ยงชีพ เช่น ทำงานบ้าน, รับจ้างทำไม้กวาด,  พับถุงกระดาษ,  เย็บผ้า, และค้าขายอีกหลายอย่าง 

แม่เป็นคนขยันอดทนและทำอะไรด้วยตัวเองเกือบแทบทุกอย่าง นอกจากแม่จะทำกับข้าวทำงานบ้านทั่วไปแล้ว แม่ยังทำการค้า และแม่ก็ยังสามารถซ่อมเตารีด ซ่อมปลักไฟ ทาสี โบกปูน ทำอ่างเก็บน้ำปลูกต้นไม้ ดั่งเช่นที่ผู้ชายทำกัน พอใกล้หน้าฝนแม่ก็จะขึ้นไปบนหลังคาบ้านกวาดและอุดรอยรั่วเพื่อกันฝน เวลาทีวีไม่ชัดแม่ก็จะขึ้นไปปรับเสาอากาศให้ แม่ต้องทำอะไรเองหลายๆ อย่างเพราะไม่มีเงินจ้างคนอื่นและไม่มีหัวหน้าครอบครัว 

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเห็นแม่เหนื่อยมามากและทำอะไรมากมายหลายอย่าง ขนาดที่เราเองในปัจจุบันยังไม่กล้าที่จะทำได้เหมือนแม่เท่าแม่เลย  แม่ไม่เคยบ่นเลยว่าเหนื่อย  ทั้งๆ ที่เพื่อนรุ่นเดียวกันไม่มีใครทำงานเหนื่อยเท่ากับแม่เลย 

วันนี้มีความรู้ได้เพราะหยาดเหงื่อของแม่โซตรี ตอนเด็กจำได้ว่าเวลาไปโรงเรียนครูจะทวงค่าเทอม ถ้าไม่จ่ายก็ไม่มีสิทธิสอบ ไม่ได้เรียน จำได้ว่าเป็นคนสุดท้ายของห้องที่จ่ายค่าเทอมก่อนเข้าห้องสอบเกือบทุกครั้ง ถึงแม้ว่าจะจ่ายค่าเทอมช้ากว่าคนอื่นๆ แต่ก็จ่ายครบทุกทีเพราะแม่จะต้องรวบรวมเงินค่าแรงที่แม่หาได้และบางทีแม่ก็ต้องยืมคนอื่นมาบ้าง เวลาทางโรงเรียนทวงค่าเทอมเป็นความรู้สึกที่แย่มากจะแอบร้องไห้เพราะรู้ว่าแม่เหนื่อยมาก นั่นหมายความว่าแม่ต้องทำงานหนักและเหนื่อยมากขึ้นเพื่อที่จะได้ให้เราเรียนหนังสือให้สูงขึ้น เคยบอกกับแม่ว่าจะไม่เรียนแล้วจะออกมาช่วยแม่ทำงาน แต่สิ่งที่ได้ยิน คือ แม่ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลยกับการที่ได้ส่งเสียลูกเรียนหนังสือ  ต่อให้เหนื่อยมากกว่านี้เพื่อให้ลูกเรียนหนังสือให้สูงกว่านี้ก็จะทำ เพียงแค่ขอให้รับผิดชอบต่อหน้าที่และตั้งใจเรียนหนังสือก็พอ 

ก่อนไปโรงเรียนทุกวันแม่จะหวีผมถักเปียให้และตรวจดูว่าแต่งตัวเรียบร้อยไหม และแม่ก็จะคอยสอนเสมอว่า เวลาไปโรงเรียนให้ตั้งใจเรียนตั้งใจฟังเวลาครูสอน ไม่เข้าใจให้ถามครูและไม่ต้องอายที่จะถาม ห้ามพูดโกหกและรู้จักช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนเท่าที่ทำได้อย่านิ่งดูดาย ให้ทำอะไรด้วยตัวเองไม่รอแต่จะหวังพึ่งคนอื่น ไม่หยิบของของคนอื่น ให้รับผิดชอบต่อหน้าที่ และไม่ดื้อ ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนทุกวันจันทร์ - ศุกร์จะได้ยินแม่พูดอย่างนี้ตลอด (ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์)   ตอนโตก็ยังจำได้เสมอและยังสอนน้องๆ แบบเดียวกัน ตอนนี้ เบลล์ อายุ 28 แล้ว ยังชอบที่จะให้แม่เปียผมให้ รู้สึกอบอุ่นและรักแม่ที่สุด 

ความเสมอต้นเสมอปลาย เล็กๆ ของแม่เบลล์ คือ เวลาไปโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลจะต้องมีปิ่นโตข้าวไปเพราะต้องประหยัด แม่จะตื่นแต่ตั้งแต่ ตี 5 ทุกวันเพื่อไปตลาดและทำกับข้าวให้ทันตอน 7 โมงเช้าทุกวัน เป็นเวลา 10ๆ ปี ไม่เคยมีวันไหนที่แม่ลืมหรือทำไม่ทัน ทุกวันจะมีปิ่นโตไปโรงเรียนด้วย เมื่อก่อนเวลาไปโรงเรียนจะอายเพื่อนที่ต้องถือปิ่นโตไปด้วย เคยแอบภาวนาให้ข้าวในปิ่นโตเสีย จะได้มีข้ออ้างและจะได้ไม่ต้องเอาปิ่นโตไป แต่ไม่เคยมีวันไหนเลยที่ข้าวในปิ่นโตเสียจนกินไม่ได้ เบลล์กินจนหมดและปิ่นโตแม่ก็ทำให้เบลล์อิ่มทุกมื้อ ตอนนี้เบลล์รู้แล้วว่าไม่มีอาหารที่ไหนๆ ในโลกนี้จะอร่อย กินแล้วมีความสุขสบายใจเท่ากับอาหารที่แม่ทำเลย 

ความคิดถึงของแม่ที่จะได้ขอพบหน้าลูกให้ชื่นใจแม่นั้น ถูกจำกัดอยู่กับกระดาษเพียง 1 แผ่น ซึ่งก็คือ ใบอนุญาตออกนอกพื้นที่ ที่จะต้องติดตัวเสมอ เวลาเรามาเรียนที่กรุงเทพไม่ได้กลับบ้านแม่ก็ต้องทำเรื่องขอออกนอกพื้นที่ล่วงหน้า 15 วันถึง 1 เดือน และอนุญาตให้มาได้แค่ 7-10 วัน  มันเป็นความคิดถึงที่มาพร้อมกับความอึดอัด  ที่ต้องนั่งนับวันกลับเพราะออกนอกพื้นที่เกินกำหนด นั่นหมายถึง มีความผิด มันไม่ต่างอะไรกับนักโทษที่อนุญาตให้มาเยี่ยมเป็นเวลา ได้พบและได้อยูด้วยกันอย่างจำกัด หมดเวลาก็ต้องกลับถึงแม้แม่ยังไม่อยากกลับ ยังไม่หายคิดถึง ยังไม่ชื่นใจแม่ 

ความฝันของแม่ผู้ไร้สัญชาติ ความฝันอันสูงสุดในชีวิตของแม่โซตรี คือ อยากจะได้สัญชาติ  ด้วยความที่แม่เป็นชาวมุสลิม แม่จะละมาด (สวดมนต์) ทุกเช้าตอนตี 5 และขอพรจากพระเจ้าทุกวัน เป็นสิ่งที่แม่ทำตั้งแต่เด็กจนถึงวันนี้แม่ก็เกือบจะ 50 ปีแล้ว  ความสำคัญหรือบัญญัติของอิสลามทั่วโลกมี 5 ข้อ

1. การปฏิญาณตน ตามหลักคำสอนของศาสนา

2. ละมาด

3. สะกาจ  การทำบุญให้ทาน

4. การถือศีลหรือการบวช ในเดือนรอมฎอน

5. การไปประกอบพิธีฮัจญ์  การไปบำเพ็ญบุญตามหลักของศาสนาอิสลาม  

5 ข้อนี้เป็นหลักการสำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลกไม่ว่าประเทศใด สัญชาติใด จะต้องไปประกอบพิธีฮัจญ์ซักครั้งหนึ่งในชีวิต สถานที่ประกอบพิธี คือ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของอิสลามเป็นศูนย์รวมของชาวมุสลิม  การไปประกอบพิธีนี้เป็นความฝันอันสูงสุดของแม่ แต่แม่ไม่มีสัญชาติเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ ทำหนังสือเดินทางก็ไม่ได้  ตอนนี้แม่อายุจะ 50 ปีแล้ว ก็ยังรอให้ความฝันเป็นจริง  ต่อให้เรามีเงินมหาศาลเพียงใดก็คงซื้อความฝันให้แม่มิได้ 

ผู้เป็นแม่ในศาสนาอิสลามมีความสำคัญมาก  กล่าวกันว่า สวรรค์อยู่ใต้ฝาเท้าของมารดา 

คำอวยพรเนื่องในวันแม่ จากใจลูกมาลี แด่แม่โซตรี..ข้าแต่อัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) ขอพระองค์ท่านได้โปรดประทานพรให้แด่แม่ทุกๆ ท่านบนโลกนี้ ให้มีความสุขและสมปรารถนา มีลูกที่รักและกตัญญู

รักแม่ที่สุด

น.ส. มาลี วงศ์สุวรรณ  

หมายเลขบันทึก: 43509เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2006 02:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม 2013 22:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ความไร้สัญชาติส่งผลต่อคนอย่างมากมาย แม้แต่การทำกิจกรรมทางศาสนา

อยากให้คนที่มาอ่านเรื่องของคุณมาลีและคุณโซตรีทราบว่า เรื่องของคุณโซตรีเป็นเรื่องของคนไร้รัฐในประเทศพม่า ซึ่งต่อมาอพยพเข้ามาในประเทศไทย

โดยนโยบายของรัฐ เขาทั้งสองควรได้รับการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๓

ในไม่ช้า เรื่องของเขาทั้งสองคงได้รับการแก้ไข และยิ่งมีการติดตามเรื่องราวอย่างไม่คลาดสายตา เรื่องนี้คงสิ้นสุดลงในเวลาไม่ช้านาน

เป็นกำลังใจให้น่ะ ไม่ว่ายังไงวันนั้นก็ต้องมาถึง แค่ช่วงเวลาที่จะถึงวันนั้นนะ จะมีคนรับรู้ว่าเราท้อ และเหนื่อยสักเท่าใด อย่าเก็บไว้คนเดียวหละกัน แบ่งให้คนอื่นเครียดบ้างก็ได้น่ะ แบ่งเบาเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะได้ดีขึ้น อย่าลืมนะ ว่าทุกคนเข้าใจว่ารู้สึกยังไง ( อ้างไม่ได้แล้วสิ ว่าพ่อไม่เข้าใจตุ้ม เหอ เหอ ล้อเล่น )

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท