เยาวชนใจอาสาชายแดนใต้
ยจส. เยาวชนใจอาสาชายแดนใต้ เยาวชนใจอาสา ชายแดนใต้

เครือข่าย


เพื่อนคือเครือข่าย เครือข่ายคือเพื่อน

คำว่าเพื่อนนั้นมีความหมาย  ไม่ยิ่งใหญ่แต่จริงให้เสมอ เก็บรักษาเอาไว้ให้นาน  สักวันเราต้องกลับมาพบเจอ...อย่างแน่นอน

“เครือข่าย” สำหรับพวกเราแล้วเริ่มจากความเป็นเพื่อน

ความเป็นเพื่อนที่หยิบยื่นให้แก่กันทำให้เกิดมิตรภาพที่ดี  เกิดการถักทอ เกิดการช่วยเหลือระหว่างกัน  เฉกเช่นเดียวกับการทำงานของกลุ่มเยาวชนใจอาสา ที่เริ่มต้นจากความเป็นเพื่อน จนเกิดเป็นกลุ่มงาน  เป็นเครือข่าย  ความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อน  ทำให้เกิดการวัดใจได้ในทุกเรื่อง  การสานสัมพันธ์  การทำงาน การพูดคุย วัดถึงความจริงใจของการร่วมงาน  ได้เรียนรู้ทุกข์สุขของเพื่อนแท้

เยาวชนใจอาสา  ได้ถักทอเครือข่ายความเป็นเพื่อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ใจผูกใจ  ทำงานด้วยใจ  เพื่อนร่วมงานจึงมีหลากวัยด้วยกันตั้งแต่เด็กอายุระดับอนุบาลจนถึงผู้ใหญ่วัยชรา 

การสร้างเครือข่ายเป็นงานที่เยาวชนใจอาสาทำกันอยู่  และแล้วมีผู้ใหญ่ใจดีจากมูลนิธิสื่อชาวบ้าน กลุ่มมะข้ามป้อม  ได้จัดโครงการขึ้นมา  เพื่อให้เยาวชนที่ทำงานด้านสันติภาพของชายแดนใต้  และทำงานพัฒนาสังคมในด้านต่างๆ เพื่อมาทำความรู้จักกัน                                 

มูลนิธิสื่อชาวบ้านหรือที่รู้จักกันดีในนาม “มะข้ามป้อม” เป็นอีกที่หนึ่งที่ช่วยสร้างเพื่อนเครือข่าย  ที่ทำให้สนิทใจได้ ภายใน 7 วัน  กระบวนกิจกรรม ทำให้เราถูกหล่อหลอมเป็นหนึ่ง  จากคนแปลกหน้า สู่การอยู่ด้วยกันที่ต้องทำความรู้จัก พูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนคติ  แสดงความเห็น พูดคุย หยอกล้อ เล่นเบาบ้างแรงบ้าง  จนทำเราเกิดความไว้วางใจกันมากที่สุด

จำได้ว่า  วันแรกที่เจอกัน ต่างคนต่างที่มา ทุกคนสวมโขนมองหน้าอย่างมีฟอร์ม  ต่างก็มีบทบาทที่ตนเองดูแลอยู่  มะข้ามป้อมเชิญระดับแกนนำของกลุ่ม  มีบางกลุ่มเท่านั้นที่ส่งเป็นตัวแทนมา  เป็นนักศึกษาฝึกงานบ้าง เป็นอาสาสมัครคนใหม่บ้าง  แต่เหล่านั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ที่มะข้ามป้อมเตรียมรับอยู่  ความเป็นตัวตนของแต่ละคนเริ่มหายไปโดยที่ไม่รู้ตัว  กระบวนการกิจกรรมทำให้เราเป็นกันเอง   ยกตัวอย่างกิจกรรมที่เล่นผ่านเกมประกอบด้วย

กิจกรรม  “หนึ่งชื่อหนึ่งท่า”  กิจกรรมนี้ทำให้เราจำชื่อพร้อมท่าประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ของเพื่อนแต่ละคน

กิจกรรม “จัดตามสั่ง”  ฟังคำสั่งแล้วทำตามคำสั่ง  เราต้องทำเป็นทีม สิ่งที่ได้คือคิดใช้ปัญญาในการช่วยเหลือกันและกัน  เพื่อให้ความสามัคคี  และต้องว่องไว เพราะถูกกำหนดด้วยเวลา

กิจกรรม “สี่ห้องหัวใจ”  ให้เราไปถามเพื่อน เช่น เพื่อนที่เราสนใจ  เพื่อนที่น่าค้นหา  เพื่อนที่ประทับใจในรอยยิ้ม เพื่อนที่เราอยากรู้จัก  เป็นการซักถามความคาดหวังของเพื่อนในการร่วมกิจกรรมกับมะข้ามป้อมในครั้งนี้ ได้แลกเปลี่ยนความคิดระหว่างกัน

กิจกรรมเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่ทำให้เริ่มหลอมตัวเป็นหนึ่ง  ทำให้ต่างคนต่างที่มา  เริ่มแลกเปลี่ยนคุยในรายละเอียดของการดำเนินงานมากขึ้น  แลกเปลี่ยนกับสิ่งที่เรียนรู้และพบเจอกับการทำงานในพื้นที่ชายแดนใต้ และพื้นที่ต่างๆ ที่เพื่อนได้ดำเนินงาน 

กิจกรรมเล่าอดีตจนถึงปัจจุบัน  ทำให้แต่ละคนเล่าประวัติความเป็นตัวเอง  กับความเป็นมาในการเข้ามามีส่วนร่วมทำงานด้านพัฒนาสังคม  มีใจเสียสละ  เพราะบางคนกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้  ผ่านช่วงชีวิตที่เลวร้ายมาก่อน  ด้วยวัยคึกคะนองอยู่กับเพื่อนอยากให้เพื่อนยอมรับ  ยาเสพติดจึงเคยได้ลิ้มลอง  แต่คิดได้ก่อนที่จะลามจนคร่าชีวิตไป  และช่วงชีวิตบังเอิญได้ลองมาทำกิจกรรมค่ายเยาวชนและกิจกรรมพัฒนาสังคมอื่นๆ ทำให้หันเหชีวิตหันหลังกับสิ่งไม่ดี  กลับตัวกลับใจมาทำกิจกรรมเพื่อสังคม  ทำให้เห็นคุณค่าในตัวเอง และสามารถชวนเพื่อนคนอื่นมาทำตัวให้ชีวิตมีคุณค่าได้  แต่ละกลุ่มมีความสามารถที่แตกต่างกันไป  การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำให้ได้สัมผัสถึงความถนัดในการทำงานของแต่ละกลุ่มองค์กร แต่ละคน เช่น ถนัดทำค่าย ทำสื่อ ลงเยี่ยมเยียนชุมชน ประสานเครือข่าย  ทำเรื่องสิทธิมนุษยชน ให้ความรู้เรื่องกฎหมาย

เพื่อนบางคนได้ถูกครอบครัวกำหนดกรอบให้ทำงานในระบบ  แต่ด้วยใจรักอิสระ อยากทำงานในสิ่งที่ตนเองชอบ  และทำงานด้วยใจ  จึงทำให้เกิดความขัดแย้งกับครอบครัว  แต่แล้วเวลาเป็นตัวช่วยพิสูจน์ความตั้งใจในการทำงาน ความดีเอาชนะใจครอบครัว จึงได้รับการยอมรับและสนับสนุนการทำงานเพื่อสังคมต่อไป 

บางคนเริ่มถอดใจกับการทำงาน  เพราะมีช่วงอารมณ์ความรู้สึกเหนื่อยล้ากับการทำงาน  พบเจอปัญหาอุปสรรคมากมาย  ทำให้รู้สึกท้อใจ  แต่การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทำให้เราได้สัมผัสความเป็นเพื่อน การมีเครือข่ายไม่ได้โดดเดี่ยวและอยู่อย่างลำพังในโลกนี้  ทำให้พลังกลับมากระตุ้นให้เราคิดทำเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น 

การทำกิจกรรมครั้งนี้ทำให้เราได้เพื่อนเพิ่มขึ้น  อย่างน้อยก็ได้เพื่อนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน  คิดทำเพื่อพัฒนาสังคมให้ดีขึ้นในทุกด้านที่กระทำได้   ความเป็นเพื่อนที่มอบให้กัน  เราไม่ใช่แค่ทำความรู้จักกันเฉยๆ  แต่เราได้ความเป็นเพื่อนที่รู้เขารู้เรา (เป็นเรื่องๆ ไป)  และได้ติดต่อปรึกษาหารือทั้งเรื่องงาน  และเล่าสู่ข่าวคราวให้ฟังกันเรื่อยมาจนถึงวันนี้

ขอบคุณมะข้ามป้อมที่เปิดเวทีเครือข่ายมิตรภาพให้กับพวกเรา ผู้ทำงานเพื่อสันติภาพทั้งปวง  และได้เกิดการช่วยเหลือเชื่อมโยงไปถึงเรื่องอื่นๆ  ที่พวกเราสามารถยื่นมือช่วยเหลือในโอกาสอื่นต่อไป

    "เครือข่ายเพื่อนจะถักทอเชื่อมโยงอย่างเข้มแข็งต่อไปหรือไม่คงขึ้นอยู่กับพวกเราจะให้เป็นไป  การสานสัมพันธ์โดยใช้ใจทำงานจะมีความสำคัญอย่างไร และเป็นไปอย่างไร  ก็คงต้องลุ้นดูกันต่อไป  เพราะเรื่องนี้ใครก็ช่วยอะไรไม่ได้  นอกจากตัวเราเองกับเพื่อนเท่านั้น" 

หมายเลขบันทึก: 434461เขียนเมื่อ 7 เมษายน 2011 14:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 18:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท