"วิตามิน C" ทาน เสริมดีหรือไม่?


วิตามิน C ทานเสริมดีหรือไม่


วิตามิน C” ทานเสริม ดีหรือไม่?

  

ตอนเด็กๆ หลายคนชอบรับประทานวิตามิน C ชนิดเม็ด เพราะคุณพ่อคุณแม่หาซื้อมาให้ทาน เพื่อว่าป้องกันโรคลักปิดลักเปิด พอโตขึ้นหลายคนก็ยังรับประทานอยู่ เพราะสะดวก หรือบางคนอาจจะไม่ชอบรับประทานผลไม้

ณ เวลานี้ กระแสนิยมเกี่ยวกับผิวขาวใส ชะลอวัย จึงไม่มีใครไม่รู้จักวิตามิน C และคงจำกันได้ว่าวิตามิน  C มีประโยชน์มากมาย ทั้งรักษาโรคและป้องกันโรค เช่น โรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน หรือแม้แต่รักษาและป้องกันหวัด

ดังนั้นเพื่อ ให้ผู้อ่านได้รับทราบข้อมูลในเรื่องนี้  ดิฉันจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับวิตามิน C มาฝากค่ะ

 

วิตามิน C  คืออะไร?

วิตามิน C  หรือชื่อเต็มๆ ว่า กรดแอสคอร์บิค   (Ascorbic Acid)    เป็นวิตามินที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างได้เอง จำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานเข้าไป มีหน้าที่หลักๆ  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ซึ่งจะป้องกันร่างกายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเกิดจากขบวนการสันดาปในร่างกาย หรือจากมลพิษ สิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ซึ่งจะทำให้เซลล์ต่างๆ เสื่อม หรืออาจเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์ที่ผิดปกติได้ วิตามิน C ยังทำหน้าที่เป็นตัวช่วย (Cofactor) ในขบวนการต่างๆ ของร่างกาย เช่น การสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อเกี่ยวกับผิวหนัง และของเส้นเลือดให้แข็งแรง ไม่เปราะ ยืดหยุ่นได้ดี และการหายของแผลต่างๆ เป็นปกติ วิตามิน  C ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งสามารถป้องกัน และรักษาหวัดได้ และยังลดการอักเสบจากการติดเชื้อ มีรายงานว่า วิตามินสามารถลดระดับคอเลสเตอรอล  และคลายเครียด เนื่องจากสามารถเสริมการทำงานของต่อมหมวกไต ในการสร้างฮอร์โมนต้านความเครียด

 

ความต้องการวิตามิน C ในแต่ละวัน (Recommended Daily Intake)

ควรได้รับ 40-90 mg/day โดยคนท้อง ให้นมลูก สูบบุหรี่ หรือบุคคลที่มีความเครียดทั้งจิตใจและร่างกาย เช่น กำลังป่วยอยู่ ควรได้รับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

USA Vitamin C recommendations ได้กำหนดขนาดที่ควรได้รับ ดังนี้

ผู้ชาย ผู้ใหญ่ 90 mg/ day      ผู้หญิง ผู้ใหญ่ 75 mg/ day

            (นพ.ธัญธรรศ  โสเจยยะ : แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง รพ.วิภาวดี)

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมสุขภาพได้แนะนำว่าเพื่อประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพควรจะต้องรับประทานอย่างน้อย 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน คนที่มีความเครียดควรรับประทานวันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการผลในด้านการป้องกันโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง ความชรา ควรจะรับประทาน 2501,000 มิลลิกรัม

หากเราได้รับ วิตามิน C น้อยกว่าที่ร่างกายควรจะได้รับ ก็จะเกิดลักปิดลักเปิด ซึ่งจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากขาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน  และไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับมากเกินไป เนื่องจากวิตามิน C สามารถละลายน้ำได้ดี หากร่างกายไม่ได้ใช้ก็จะมีการขับออกมาได้ทางปัสสาวะ อีกทั้งยังไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับพิษที่เกิดจากการรับประทาน วิตามิน C แม้จะรับประทานในปริมาณที่สูงกว่า 6,000 18,000 มิลลิกรัม

  (ที่มา : http://health.deedeejang.com/news/What-is-Vitamin-C.html)

 

ผลข้างเคียงของการทานวิตามิน C

ผลข้างเคียงของวิตามิน C การทานขนาดสูงมากกว่า 1000 มิลลิกรัม อาจจะทำให้เกิดท้องเสีย และทานตอนท้องว่าง จะเกิดการระคายเคืองทางเดินอาหาร เนื่องจากความเป็นกรด อาจจะเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บางครั้งถึงขั้น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว และแน่นอนเนื่องจากวิตามิน C ขับทางปัสสาวะ จึงทำให้ปัสสาวะมีสภาพเป็นกรด ดังนั้น จึงเพิ่มโอกาสเกิดการตกตะกอนของผลึก ต่างๆ กลายเป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้  ดังนั้น จึงแนะนำให้ทานวิตามิน C พร้อมดื่มน้ำมากๆ

 

การขาดวิตามิน C

การขาดวิตามิน C พบในพวกควบคุมอาหารมากๆ    มังสวิรัติ สูบบุหรี่ โรคเกี่ยวกับการดูดซึม อาการที่พบคือ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดข้อ เลือดออกตามไรฟัน แผลหายช้า และติดเชื้อง่าย     วิตามิน C ในรูปแบบอาหารเสริม  มีทั้งรูปแบบเม็ดอัด แคปซูล ลูกอม ผสมน้ำหวาน-เครื่องดื่ม หรือผงละลายน้ำ และมีนำมาทำในรูปใช้ภายนอก เช่น ซีรั่ม ครีม โลชั่น เพราะเชื่อว่าผิวจะดูไม่เหนื่อยล้า หมองคล้ำ ขาวใส เปล่งปลั่ง ไม่ร่วงโรยก่อนวัย

 

แหล่งของวิตามิน C

แหล่งของวิตามิน C  ได้แก่ ผัก ผลไม้  เช่น พลัม อซีโลรา กูสแบรี่ แบลคเคอเรนท์ บลอคเคอรี่ พริกหวาน โขม กะหล่ำดอก ในเนื้อสัตว์  และตับสัตว์ ก็เป็นแหล่งวิตามิน C เช่นกัน การปรุงอาหารมีความสำคัญต่อคุณค่าวิตามิน C เพราะจะลดปริมาณวิตามิน C ได้ถึง 60% ดังนั้น ไม่ควรปรุงอาหารจนสุกเกินไป  การลวกผัก วิตามิน C จะละลายออกมาอยู่ในน้ำลวกผัก ค่อนข้างสูงเช่นกัน ที่ดีที่สุดคือ ผัก ผลไม้สดที่เก็บมาใหม่ๆ จะมีปริมาณวิตามิน C สูงที่สุด และการเก็บรักษาที่ดีที่สุด คือ แช่เย็น เพราะการอบแห้ง ดอง เชื่อม ทำให้ปริมาณวิตามินลดลงเช่นกัน

            (นพ.ธัญธรรศ  โสเจยยะ : แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง รพ.วิภาวดี)

วิตามิน C เสริม ชนิดเม็ด

          วิตามิน C ชนิดเม็ดที่ขายกันอยู่มีทั้งวิตามิน C ธรรมชาติ และสังเคราะห์ โดย ชนิดที่เป็นสารสังเคราะห์ ประกอบด้วย กรดแอสคอบิก ผสมกับน้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ คอร์นไซรัป มีการเติมสี แต่งกลิ่น แต่งรส ดังนั้นการกินวิตามิน C ชนิดเม็ดจะได้ความหวานด้วย โดยเฉพาะที่เป็นชนิดแบบอมเล่น รสผลไม้ทั้งหลาย

            วิตามิน C ธรรมชาติจะให้คุณค่าไม่ต่างจากผลไม้อุดมวิตามิน C ทั่วไป แต่ถ้าเป็นวิตามิน C สังเคราะห์มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าอาจทำให้เกิด มะเร็งมากขึ้นในหนูทดลองและทำให้หลอดเลือดแข็งตีบในคนได้

            โดยหลักในการเลือกซื้อวิตามิน C ธรรมชาติไม่ให้ดูแค่คำว่า ธรรมชาติ หรือ Natural ข้างฉลากเท่านั้น หากแต่ต้องดูคำว่า ผลิตจากผักและผลไม้ในสภาวะที่เหมาะสม หรือ Made from fruits and vegetables below 70 degrees แทน

 

ความจำเป็นในการกินวิตามิน C ชนิดเม็ด

หากกินผักผลไม้ไม่ค่อยไหวก็อาจรับประทานได้บ้าง แต่ไม่ใช่ใช้แทน เพราะอย่างไรก็ดีวิตามินจะดูดซึมได้ดีต้องมีสารธรรมชาติบางชนิดในผลไม้นั้นๆ ช่วยด้วย ดังนั้นสูตรสำเร็จสำหรับผู้รักที่จะกินวิตามินซีก็คือ กินอาหารเสริมบวกอาหารสดนั่นเอง

              (นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ)

            การกินวิตามิน C เสริมในรูปเป็นเม็ด มีหลายยี่ห้อ อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยกว่า 4 ขวบ ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะอาจมีผลบางอย่างต่อร่างกายเด็กได้ จึงต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

     (ที่มา : http://www.panyathai.or.th)

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผู้อ่านคงทราบข้อมูลของวิตามิน C มากขึ้น ว่าเราสามารถได้รับจากอาหารทั่วๆ ไป ซึ่งก็เพียงพอที่ทำให้ไม่เกิดอาการขาดวิตามินแล้ว ส่วนใครจะรับประทานเสริม หรือรับประทานทานเพิ่มเติม ก็คงต้องพิจารณาเพื่อตัดสินใจ อย่างไรก็ตามข้อมูลของบริษัทที่โฆษณาเกี่ยวกับวิตามิน C นั้นจะสื่อถึงสรรพคุณที่ดีเท่านั้น และจะเป็นความคิดที่ผิดมาก ถ้าบางคนไม่ยอมทานผัก ผลไม้ แต่ทานอาหารเสริมแทน นอกจากจะไม่ให้ประโยชน์เท่าอาหารจริงๆ แล้วยังเสียเงินโดยใช่เหตุอีกด้วย

 เพราะฉะนั้นการเลือกรับประทานอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามิน  C ซึ่งส่วนมากได้จากผักและผลไม้นั้นน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่รักสุขภาพและความงามนะคะ

พบกันใหม่คราวหน้านะคะ แล้วดิฉันจะสรรหาข้อมูลดีๆ มาฝากค่ะ(^__^)

หมายเลขบันทึก: 434454เขียนเมื่อ 7 เมษายน 2011 13:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • ขอบคุณความรู้ดีๆนี้ค่ะ

ขอบคุณกำลังใจเช่นกันค่ะ(^__^)

มีประโยชน์มากๆ คะ มอบดอกไม้เป็นกำัลังใจอีกหนึ่งดอกคะ

ขอบคุณค่ะ คุณ ฮูด้า ไว้จะนำความรู้ดีๆ มาฝากใหม่นะคะ(^__^)

ขอบมากนะค่ะสำหรับข้อมูลมีประโยชน์มากจริงๆ

ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้ดีๆ

วิตามินซีจากอาหารดีที่สุดครับในความคิดผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท