ป้าบุญศรี(นามสมมติ) คือหญิงชาวบ้านทั่วไป เธอมีสิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปในละแวกนั้นมี คือการมีอายุล่วงเข้าวัยกลางคน..... มีลูกสาววัยรุ่นที่มีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย และสิ่งที่ป้าบุญศรีประสบชะตากรรมเดียวกันกับคนเกินครึ่งอำเภอ คือการกลับมาทำหน้าที่แม่อีกรอบ เมื่อแม่แท้ๆ ของเด็กต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง
เช้าวันนี้ป้าบุญศรีควรจะตื่นมาทำกับข้าว เลี้ยงหลาน เมาท์มอยกับเพื่อนบ้านในช่วงกลางวันพร้อมจูงเด็กหญิงหมี(นามสมมติอีกแล้ว) ไปเล่นดินเล่นทรายเหมือนเดิมเช่นทุกวัน
เด็กหญิงหมีอาบน้ำเสร็จแล้ว หญิงผู้เป็นยายจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งพร้อมจูงมือเด็กหญิงไปรับประทานอาหาร
สัมผัสนั้นเปลี่ยนไป..เด็กหญิงตัวรุมๆ ....... หากเด็กหญิงก็ยังเป็นเด็กหญิง ยังคงวิ่งเล่นเดินได้ตามปรกติ
หญิงวัยกลางคนเกิดอาการเบื่ออาหารขึ้นมาดื้อๆๆๆ.......โรงพยาบาลก็ไกลออกจากบ้านยี่สิบกิโลเมตร หนทางเดียวที่หล่อนทำได้คือการ"เหมารถ"เพื่อเดินทางไปยัง รพ.
..................................................................................................
ก่อนที่ป้าบุญศรีจะพบกับฉัน....ฉันต้องพบกับคนอื่นๆ ที่ประสบปัญหาเรื่องลูกหลานมีไข้มามากมาย
ไข้เป็นภาวะที่เกิดจากการต่อสู้กับเชื้อโรคภายในร่างกาย เป็นภาวะปรกติที่พบได้...สิ่งที่แพทย์ให้ความสนใจกับเรื่องไข้ มักเป็นเรื่องที่ว่า "ไข้เกิดจากอะไร" และ "สาเหตุของไข้นั้นอันตรายหรือไม่"
ในอีกซีกโลกหนึ่ง ปัญหานี้ก็ดูเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน
ล่าสุด...ทางสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาจึงออกรายงานการแพทย์ฉบับหนึ่ง เป็นบทความทบทวนความรู้เรื่องการใช้ยาลดไข้
ซึ่งสาระใจความมีดังนี้
1. จุดมุ่งหมายในการรักษา .. ขึ้นอยู่กับว่าเด็กๆ ป่วยเป็นอะไร
หากอาการป่วยนั้นมีเหตุที่รักษาเหตุได้...ก็แก้ไปตามเหตุ เช่น ติดเชื้อแบคทีเรีย...ก็กินยาฆ่าเชื้อ
แต่หากเป็นการป่วยไข้ที่มีสาเหตุที่ไม่มียาแก้ ก็จะให้การรักษาตามอาการของเด็ก
ไข้เป็นภาวะตามมาจากการติดเชื้อ ......รายงานฉบับดังกล่าวเสนอแนะว่า จุดมุ่งหมายของการรักษาไข้ คือ "มุ่งให้เด็กมีสุขภาพโดยรวมปรกติ" หมายความว่า ถ้าเด็กดี กินได้ ไม่ซึม พูดคุยเล่นได้ตามปรกติ ก็ไม่ต้องกังวลกับไข้อะไร
แต่นั้นแหละ ถ้าหากเด็กเริ่มผิดปรกติ พฤติกรรมเปลี่ยน การกิน การอยู่ การหลับ การนอนของเขาเปลี่ยนแปลงไป....อย่ารั้งรอเลย...ต่อให้ดึกให้ดื่นหรือบ้านไกล พาเขามาเถอะ
2.สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือ การติดตามดูอาการที่บ่งบอกว่าบุตรเข้าข่าย"อันตราย" เช่น การกิน การอยู่ การหลับ การนอนที่ผิดปรกติ
3. น้ำ สำคัญที่สุด
ระหว่างที่เด็กมีไข้ ...ร่างกายจะเสียน้ำไปทางเหงื่อค่อนข้างมาก ดังนั้น ดื่มน้ำมากๆ ปัสสาวะออกได้ดี ยิ่งดีนะจ๊ะ
4. ระวัง...อย่ากินยาเกินขนาด
5. ไข้ชัก.... จากรายงานดังกล่าวไม่พบว่า การกินยามากจะช่วยลดเรื่องการชักจากไข้ได้
ในรายละเอียดส่วนที่เหลือเป็นเรื่องที่กล่วถึงยาที่แพทย์ควรทราบซึ่งฉันจะไม่ขอกล่าวในที่นี้แล้วกัน
........................................................................................
ฉันตรวจดูน้องหมีได้สักพัก ก็พอจะรู้คร่าวๆ ว่าน้องหมีป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา ฉันค่อยๆ จ่ายยาให้น้องหมี
น้องหมียิ้มหวาน
อย่างน้อย.....ถึงรู้อยู่แก่ใจว่า...คุณป้าบุญศรีออกจะตื่นตระหนก จนลืม...ลืมแม้กระทั่งจะปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยการกินยาและเช็ดตัวแก่หลานสาว...
แต่อย่างน้อยน้องหมีก็อยู่ในมือฉัน...ให้ฉันโล่งใจได้ว่า ณ ตอนนี้แกยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
เที่ยงวันของวันนั้น .....คงไม่มีใครได้สังเกตเห็นป้าหลานคู่นั้นเดินออกนอกประตูโรงพยาบาลเพื่อรอรถโดยสารกลับเข้าหมู่บ้าน....สายสัมพันธ์และความอบอุ่นของคนต่างวัยคู่นั้นเติมพลังในวันที่น่าเบื่อให้คนอย่างฉันเป็นอย่างดี
อ้างอิง
1.
AAP Issues Statement on Treating Fever in Pediatric Patients.
http://www.medscape.org/viewarticle/738328
2.Fever and Antipyretic Use in Children
http://pediatrics.aappublications.org/cgi/content/full/127/3/580
ไม่มีความเห็น