เรื่องเล่าจากการไปลงพื้นที่ในการถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องชุดทดสอบ ที่ติ๋วเข้าใจผิดอยู่ตั้งนานว่าชื่อ รพ.สน.บ้านเมืองใหม่ ก็เพราะตั้งอยู่ในหมู่บ้านชื่อบ้านเมืองใหม่ แต่ รพ.สน.นี้ชื่อว่า "รพ.สน.ตำบลในเมือง" (พึ่งได้ความกระจ่างจากคำอธิบายของน้องนี) เรื่องเล่านี้พี่อ้อเก็บได้จากการพูดคุยกับเหล่า อสม.ในช่วงเวลาพัก ลองอ่านดูนะคะว่า อสม.รู้สึกอย่างไรที่ได้มา อบรม ณ รพ.สน. แห่งนี้ ขอบอกได้เลยว่า "น่าทึ่งจริง ๆค่ะ"
ศุภลักษณ์ พริ้งเพราะ..........ผู้เรียบเรียง
ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ ๖ (ขอนแก่น)
อสม.รพ.สน.ตำบลในเมือง............ผู้เล่า
หลังจากสอนการใช้ชุดทดสอบอย่างง่ายทางด้านยาก็คือชุดทดสอบสเตียรอยด์ สอนเสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี จากนั้นหมอแดงก็เลยบอกกับทุกคนว่า พักทานข้าวเที่ยงก่อนแล้วกัน ข้าวอยู่หน้าห้องทุกคนไปหยิบมาทานได้ (ว่าไปแล้วเหมือนระฆังช่วย พักยกหน่อยก็ดี) พอทุกคนทานข้าวเสร็จก็หามุมเป็นของตัวเอง กลุ่มละ 2 หรือ 3 คนบ้าง แต่กลุ่มที่อยู่บริเวณโรงรถเป็นกลุ่มใหญ่กว่าทุกกลุ่ม กำลังคุยกันเป็นที่สนุกสนาน ได้ยินแล้วเป็นตาไปรวมกลุ่มด้วย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะคุยกับกลุ่มที่นั่งอยู่ตรงบริเวณกล่องข้าว ก็เลยเข้าไปคุยว่า
“เป็นงัยบ้างข้าวอร่อยไหม”
ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ อร่อย”
จากนั้นเราก็ได้รับคำถามย้อนกลับว่า “แล้วคุณหมออร่อยไหม”
(อยากอายเหมือนกันนะนี่บ่แม่นหมอเด๊ะ) ในใจรู้สึกเกรงใจทางทีม อสม.มากเลยเพราะทราบข่าวมาว่าเมื่อไม่กี่วันนี้ก็เรียกประชุม อสม.เหมือนกัน แต่คงไม่เป็นไรมั๊ง (คิดเอง) จากนั้นก็เลยถามไปว่า
“ทำนาเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังทำไร่อ้อยอยู่”
“ทำกันทุกคนไหม”
“บางคนก็มีพื้นที่ปลูกอ้อยบางคนก็ไปรับจ้างตัดหญ้า หรือตัดอ้อย ดีกว่าอยู่บ้านเฉย ๆ จะได้มีเงินไว้ใช้”
พอได้ฟังคำตอบแล้วก็รู้สึกสะกิดใจมากถึงมากที่สุด เขามากันวันนี้ต้องขาดรายได้ไปทั้งวัน เพราะมาประชุมครั้งนี้นอกจากน้ำเปล่า เค้กกล้วยหอมหนึ่งชิ้น และข้าวหนึ่งกล่อง ทางศูนย์วิทย์ ฯ ก็คงให้ได้แค่นี้แค่นี้จริง (รู้สึกเศร้าใจยังไงไม่รู้) จาก นั้นก็เลยพูดไปลอย ๆ เหมือนบ่นกับตัวเองว่า
“ถ้าไปตัดอ้อยวันนี้คงได้เงิน แต่มาอนามัยวันนี้ได้มานั่งอบรม”
มีเสียงแว่ว ๆ ของคนใจดีและมีน้ำใจช่วยกันตอบจนคนบ่นอ้าปากค้างว่า
“คุณหมอไปตัดอ้อยได้เงินก็จริงอยู่ แต่ไม่ได้ความรู้ เพราะฉะนั้นมาอนามัยทุกครั้งพวกฉันจะได้ความรู้กลับไปทุกครั้ง ไม่เป็นไรหรอก พวกดิฉันพอใจและมีความสุขที่ได้ทำ”
(สุดยอดจริง ๆ อสม.บ้านเมืองใหม่ คิดได้งัยนี่) หลังจากอ้าปากค้างแมลงวันบินเข้าไปวางไข่เรียบร้อย สติก็เลยมา เลยถามต่อไปว่า
พี่อ้อ และทีม อสม. ที่เรียนรู้อย่างแข็งขัน
“เป็น อสม.กันนานเท่าไรแล้ว”
โอ้ !!! พระเจ้าแต่ละคนประสบการณ์เพียบในการเป็น อสม.ไม่ต่ำกว่า 15 ปีสักคน บางคนเป็นตั้งแต่รุ่นบุกเบิกเลยก็ว่าได้ (แต่ว่าไปแล้วหน้าตาแต่ละคนดูละอ่อนกันมากเลย คงจะมีความสุขกันมาก ที่ไหนได้เกือบ 50 – 60 ปี ห้า ห้า คิดว่าใกล้ เคียงกับเรา) จากนั้นจึงถามต่อว่า
“รู้สึกอย่างไรกับเพื่อน ๆ ที่เป็น อสม.ด้วยกัน”
(คำถามอะไรนี่ ถามผิดหรือเปล่า) ทั้ง 4 คนก็ช่วยกันตอบ คนฟังรู้สึกดีใจยังไงไม่รู้
“ก็รักและห่วงกันไม่เห็นกันก็ถามหาว่าเป็นอะไร ไปไหนหรือเปล่า อย่างเช่นเมื่อไม่นานมานี่มี อสม.ในตำบลตาย คนไปเผาเยอะมาก ไปกันทั้งตำบลเลย”
พี่แดง (ซ้าย) และพี่สุภาพ (ขวา) คนหน้างานที่ผลักดันให้เกิดการอบรมครั้งนี้
อีกคนบอกว่า
“เมื่อก่อนไม่มีรถกันเหมือนทุกวันนี้เวลาจะประชุมทีจะต้องไปประชุมที่อำเภอ รถอนามัยมีแต่ก็ไปกันไม่หมดบางคนก็เอารถมอเตอร์ไซด์ขับกันไป เติมน้ำมันเอง บางครั้งก็ช่วยกันออกเงินและเหมารถไป บางทีไม่มีกันจริง ๆ ก็เอาข้าวไปขายเพื่อมาเติมน้ำมันรถ แล้วก็พากันไปประชุม ทำกันขนาดนั้น”
อีกคนก็บอกว่า
“เราอยู่ด้วยกันเหมือนพี่เหมือนน้องมีอะไรก็แบ่งกันกิน ตามที่แต่ละบ้านจะมี เอามาโรมกัน บางครั้งประชุมเสร็จเร็วหมอแดงก็จะพาไปเที่ยวโดยแวะไปซื้อของใช้ที่โลตัสบ้าง ก็มีความสุขดี”
“บางครั้ง อสม.ด้วยกันไม่สบายเมื่อได้ข่าวก็จะหาไปเยี่ยม ยาอะไรที่พอมีที่คิดว่าจะใช้ได้ หรือผักผลไม้อะไรมีที่บ้านก็จะเอาไปให้”
คุยกันจนเพลินลืมไปว่าจะมีการประชุมตอนบ่ายต่อ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกให้เข้าห้องประชุมเพื่อประชุมกันต่อ เดินเข้าห้องประชุมไปแบบไร้สติกับการสนทนาในครั้งนี้ แต่ก็มีความสุข สุดยอดไปเลย เชื่อแล้วว่า อสม.ที่นี่เขาเกิดมาเพื่องานนี้จริง ๆ เขาถึงมีความสุขกันขนาดนี้ หน้าตายังใสกันอยู่เลย อิ่มบุญกันนี่เอง ถ้าทุกคนคิดแบบนี้และทำได้สักเศษเสี้ยวของคนที่นี่ก็คงจะดี ทุกคนคงมีความสุขกันทั่วหน้า
เอวัง
ไม่มีความเห็น