กับสิ่งที่ควรบูชา กลับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ


สวัสดีครับ

กับประโยคหนึ่งที่ว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ ไม่บาป" เด็กรุ่นใหม่คงนึกไม่ออก ว่า ผมกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ครับ จู่ ๆ ผมก็ระลึกถึง เจ้าของประโยคดังกล่าว และคงจะเป็นอื่นไกลไม่ได้ ท่านนั้นคือพระผู้ใหญ่ ที่ผมเคารพรัก เปรียบเสมือนพ่อแท้ ๆ ก็ว่าได้ครับ ท่านนั้นก็คือ

พระเทพกิตติปัญญาคุณ (กิติศักดิ์ กิตฺติวุฑฺโฒ) หรือที่เป็นที่รู้จักดีในนาม กิตติวุฑโฒ ภิกขุ (นามเดิม กิติศักดิ์ เจริญสถาพร) อดีตเจ้าอาวาสวัดจิตตภาวัน จังหวัดชลบุรี เกิดเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ เป็นชาวจังหวัดนครปฐม

พระเทพกิตติปัญญาคุณ อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ มีผลงานทางด้านการพัฒนาการศึกษาของสงฆ์ การประพันธ์และแต่งหนังสือเป็นจำนวนมากในช่วงเหตุการณ์ตึงเครียดก่อน เหตุการณ์ ๖ ตุลา เคยกล่าวคำพูดโด่งดังว่า ฆ่าคอมมิวนิสต์ ไม่บาป ซึ่งถูกฝ่ายขวา อันได้แก่ นวพล กลุ่มกระทิงแดง ในสมัยนั้นนำไปใช้เป็นวาทกรรม โจมตีฝ่ายซ้าย และยุยงให้คนไทยเกลียดชังนิสิตนักศึกษาที่ชุมนุมต่อต้านการกลับเข้าประเทศของจอมพลถนอม กิตติขจร ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำไปสู่การสังหารหมู่กลางเมืองในเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙

มรณภาพ
    พระเดชพระคุณพระเทพกิตติปัญญาคุณ อาพาธด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบมาเป็นระยะเวลาประมาณ ๕ ปีเศษ โดยเข้ารับการตรวจรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลนครธร บางขุนเทียน กรุงเทพฯ เป็นประจำทุกเดือน นายแพทย์หลายท่านแนะนำให้ท่านผ่าตัด แต่พระเดชพระคุณไม่ยอมผ่าตัด เพียงแต่รักษาด้วยการฉันยาเท่านั้น ตอนเช้าวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๘ เวลาประมาณ ๐๙.๓๐ น. พระเดชพระคุณมีอาการอ่อนเพลีย และ เหนื่อยมากผิดปกติ และฉันอาหารเช้าไม่ค่อยได้ พระภิกษุที่ดูแลจึงโทรศัพท์เชิญนายแพทย์ประสิทธิ์ กิจติวัฒนพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางละมุง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่คอยดูแลอาการพระเดชพระคุณมาตรวจอาการนายแพทย์ ประสิทธิ์แนะนำว่า ควรส่งเข้าตรวจรักษาร่างกายที่โรงพยาบาลนครธน กรุงเทพฯ แต่ระหว่างทางพระเดชพระคุณมีอาการผิดปกติหายใจติดขัด คณะลูกศิษย์จึงได้ นำส่งรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลชลบุรี อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี นายแพทย์และพยาบาลทุกฝ่ายได้พยายามช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ พระเดชพระคุณได้ถึงมรณภาพด้วยอาการสงบในวันศุกร์ที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เวลา ๑๓.๐๒ น. ณ โรงพยาบาลชลบุรีด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน สิริรวมอายุได้ ๖๘ ปี ๗ เดือน ๒๑ วัน

ตัวกระผมเองรู้สึกผูกพัน และคิดถึงเจ้าประคุณ จากใจอย่างสุดซืึ้ง ผมได้กราบท่านเจ้าคุณ ครั้งแรกตอนที่ผมมีอายุเพียง ๗ ขวบ จำได้ว่า เจ้าประคุณ เป็นพระผู้ใหญ่ที่แสนจะใจดีมาก กระผมจะตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ก้มลงกราบเท้าของเจ้าประคุณ คือสิ่งที่เป็นสิริมงคล วันเวลาที่ล่วงผ่านไปหลายทศวรรษ ทำให้ผม รู้สึกใจหาย วันนี้กระผมรู้สึกคิดถึงเจ้าประคุณซะเหลือเกิน คิดถึงท่าน.....จังเลย ผมไม่แน่ใจว่าผมจะใช้ถ้อยคำถูกหรือผิด แต่สิ่งนี้คือคำที่ออกมาจากจิตใต้สำนึกของตัวกระผม 

หวลคิดถึงครั้งวันวานแล้วใจหาย

จะกี่ฝน จะกี่หนาว กี่ฤดูแล้วที่ล่วงเลยผ่าน

หวงแห่งเวลา ได้โบกพัดพรากนำท่านสู่สรวงสวรรค์

กายพักใจพักหลับให้สบาย อย่าได้ห่วงเบื้องล่างที่กังวล

ทุกข์สุขอยู่ที่ตัวเรากระทำ ท่านสอนสั่ง

มีมานะอดทนจงสู้งาน เติบใหญ่ได้เลี้ยงพ่อแม่ที่แก่เฒ่า

สุขเอาเผากินอย่าได้ทำ เป็นคนดีดั่งเกลือรักษาความเค็ม

จำไว้ให้ติดตัวอย่าได้ลืม....

 

หมายเลขบันทึก: 426570เขียนเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2011 18:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม 2012 12:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท