นับ วันพืชอาหารก็มีความจำเป็นและมีราคาแพงเพิ่มขึ้นทุกวัน มะขามเปียกกิโลกรัมละร้อยยี่สิบบาท น้ำมันพืชขวดละ 55-60 บาท (นสพ. ไทยรัฐฉบับ 5 กุมภาพันธ์ 2554) จนต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อนำบริโภคใช้สอยภายในประเทศ ไข่ก็ต้องเปลี่ยนระบบมาทดลองชั่งกิโลขาย ส่งผลทำให้ชาวบ้านร้านตลาดเอ็ดตะโรแสดงความไม่พอใจและสะท้อนมุมมองออกมาให้ เห็นถึงความสามารถของผู้นำในยุคนี้ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเรื่องปากท้องแบบ มือไม่ถึง
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) แสดงความเป็นห่วงในเรื่องของอาหารการกินที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ บริโภคที่เพิ่มขึ้น แต่ศักยภาพการผลิตกลับน้อยลงเนื่องด้วยเหตุปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้ง ฤดูกาลที่ผันแปร โรคแมลงศัตรูพืชระบาด ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้การผลิตของภาคเกษตรไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นภาครัฐควรให้ความสนใจในเรื่องการวิจัยพันธุ์หรือการอนุรักษ์พันธุ์ พืชอย่างง่ายกับชาวบ้านตามวิถีโบราณที่บรรพบุรุษเราเคยปฏิบัติ ให้การสนับสนุนในเรื่องพื้นที่ปลูก ระบบชลประทานให้เพียงพอกับความต้องการ หรือส่งเสริมสนับสนุนเงินทุนให้มีการขุดสระน้ำประจำไร่นาเป็นของตนเองเพื่อ มีน้ำไว้ปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี
ประชาชน และเกษตรกรไทยควรหันมาใส่ใจแบ่งพื้นที่ปลูกพืชที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของ ตนเองให้มากขึ้น อย่างเช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะพร้าว มะม่วง มะนาว มะขาม สบู่ดำ ปาล์ม ถั่วฝักยาว ถั่วพลู มะเขือ ชะอม มะลิ กะเพรา โหรพา แมงลัก ฯลฯ เพื่อที่จะได้ลดปริมาณการซื้อลงบ้าง ไม่ใช่จะต้องซื้อไปเสียทุกอย่าง ถ้าทำได้อย่างนี้แล้วอย่างน้อยก็ลดความเดือดร้อน ลดความทุกข์ในเรื่องสินค้าราคาแพง หรือเรื่องสินค้าขาดตลาดไปได้พอสมควร สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขไม่ต้องเดือดร้อนไปตามกระแสที่กำลังเป็น ข่าวอยู่ในขณะนี้ดังพุทธสุภาษิตที่ว่า “อัตตาหิ อัตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน” นั้นยังใช้ได้อยู่ดีทีเดียว
เขียนและรายงานโดย นายมนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
น่าสงเสริมการปลูกพืชผักผลไม้กินเองในทุกบ้านนะครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่ง
เอาต้นทุเรียน บ้านปราชญ์เกษตรที่ระยองมาฝากครับ
น่าจะใช่ท่านผู้ใหญ่สมศักดิ์ เครือวัลย์แน่ๆ เลยนะครับเนี่ย เคยไปเยี่ยมและเรียนเชิญท่านเป็นวิทยากรในนามของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บรรยายในหัวข้อ "เกษตรกรไทย ปลอดหนี้ มีน้ำ ตามวิถีพ่อหลวง" ท่านเก่งและเข้าใจแนวเศรษฐกิจพอเพียงมากๆ เลยครับ