วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร
ตั้งอยู่ที่ริมถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่
ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิดวรวิหาร
เป็นวัดเก่าแก่หน้าบันของวิหารวัดป่าเลไลยก์มีเครื่องหมายพระมหามกุฎอยู่ระหว่างฉัตรคู่
บอกให้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้เสด็จธุดงค์มาพบสมัยยังทรงผนวชอยู่
เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วจึงทรงมาปฏิสังขรณ์
สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างในสมัยที่เมืองสุพรรณบุรีรุ่งเรือง
ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า
พระเจ้ากาแตทรงให้มอญน้อยมาบูรณะวัดป่าเลไลยก์ภายหลัง พ.ศ. 1724
ที่วัดแห่งนี้ประชาชนนิยมมานมัสการ “หลวงพ่อโต”
ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารสูงเด่นเห็นแต่ไกล
เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์
ศิลปะสมัยอู่ทองสุพรรณภูมิมีลักษณะประทับนั่งห้อยพระบาท
พระหัตถ์ซ้ายวางคว่ำบนพระชานุ
พระหัตถ์ขวาวางหงายบนพระชานุอีกข้างหนึ่งในท่าทรงรับของถวาย
องค์พระสูง 23.46 เมตร รอบองค์ 11.20 เมตร มีนักปราชญ์หลายท่านว่า
หลวงพ่อโตเดิมคงเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา
สร้างไว้กลางแจ้งเหมือนพระพนัญเชิงในสมัยแรกๆ เพราะมักจะพบว่า
พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สร้างในสมัยก่อนอยุธยาและอยุธยาตอนต้น
ส่วนมากชอบสร้างไว้กลางแจ้งเพื่อให้สามารถมองเห็นได้แต่ไกล
ภายในองค์พระพุทธรูปนี้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลายจำนวน
36 องค์
หลวงพ่อโตเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียง
ทุกปีจะมีงานเทศกาลสมโภชและนมัสการหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ 2 ครั้ง คือ
ในวันขึ้น 7-9 ค่ำ เดือน 5
วัดแค
เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อปรากฏในวรรณคดีเรื่อง
"ขุนช้างขุนแผน" อยู่ในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี
ไปทางเหนือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุประมาณ 2 กม.
ภายในวัดนี้มีต้นมะขามใหญ่วัดโคนต้นโดยรอบได้ประมาณ 10 เมตร
เชื่อกันว่าขุนแผนได้เรียนวิชาเสกใบมะขามจากต้น มะขามต้นนี้
ให้เป็นตัวต่อตัวแตนจากท่านอาจารย์คงไว้โจมตีข้าศึก
นอกจากนี้ทางจังหวัดได้สร้างเรือน ไทยทรงโบราณเรียกว่า "คุ้มขุนแผน"
ไว้ใกล้กับต้นมะขามยักษ์นี้อีกด้วย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จประพาสวัดแคเมื่อ พ.ศ.
2447 วัดนี้มีโบราณวัตถุที่น่าสนใจ ได้แก่ พระพุทธบาทสี่รอย
ทำด้วยทองเหลืองกว้าง 1.40 เมตร ยาว 2.80 เมตร
สร้างซ้อนกันไว้ในรอยใหญ่
นอกจากนี้ก็มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิราบศิลปรัตนโกสินทร์
จีวรและอังสะเป็นดอกพิกุลงดงามมาก ประดิษฐานอยู่ในวิหารหน้าพระประธาน
สิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ก็มีเช่น ระฆังทองเหลือง หม้อต้ม กรักทองเหลือง
ตู้ใส่หนังสือที่พระบาทสมเด็จพระ-จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงถวายเมื่อปี
2412
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ |
อยู่ถนนสมภารคง
แยกจากถนนมาลัยแมนไปประมาณ 300 เมตร เขตตำบลรั้วใหญ่
ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี
ในสมัยก่อนเป็นศูนย์กลางของเมืองสุพรรณภูมิ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง
มีอายุไม่ต่ำกว่า 600 ปี
ปรางค์องค์ประธานเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
แต่ถูกลักลอบขุดค้นหาทรัพย์สินจนทรุดโทรมไปมาก
กรุในองค์พระปรางค์นี้เป็นต้นกำเนิดพระพิมพ์ผงสุพรรณบุรีที่โด่งดังมาก
อันเป็นหนึ่งใน “เบญจภาคี” 5 พระเครื่องยอดนิยม อันได้แก่
พระสมเด็จนางพญาของสมเด็จพระพุทธาจารย์(โต) วัดระฆังโฆสิตาราม
กรุงเทพมหานคร พระผงสุพรรณ จังหวัดสุพรรณ พระสมเด็จนางพญา
จังหวัดพิษณุโลก พระทุ่งเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชรและพระรอด
จังหวัดลำพูน นักโบราณคดีหลายท่านให้ความเห็นว่า
ปรางค์องค์นี้น่าจะเป็นศิลปะการก่อสร้างสมัยอู่ทองสุพรรณภูมิ
เพราะจากหลักฐานการก่อสร้างองค์ปรางค์เป็นการก่ออิฐไม่ถือปูน
ซึ่งเป็นวิธีการเก่าแก่ก่อนสมัยอยุธยา
|
วัดพระลอย
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ตำบลรั้วใหญ่
เลยวัดแคไปไม่ไกล
สาเหตุที่สร้างวัดนี้น่าจะมาจากที่มีพระพุทธรูปปางนาคปรกเนื้อหินทรายขาวลอยมาตามแม่น้ำท่าจีน(แม่น้ำสุพรรณ)
จึงได้ทำพิธีอาราธนาขึ้นมาจากแม่น้ำ
สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยลพบุรี
นอกจากนี้ยังมีโบสถ์ที่ปรักหักพังสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าอู่ทอง
ทางวัดได้ปฏิสังขรณ์โดยสร้างโบสถ์ใหม่ครอบ และยังมีอุโบสถจตุรมุขใหญ่
สูงเด่น สง่างาม ประดิษฐานพระพุทธนวราชมงคล
สวยงามมาก และมีพระพุทธรูปเนื้อหินทรายปางต่างๆ เก่าแก่มาก
บริเวณท่าน้ำหน้าวัดเป็นที่สงวนพันธุ์สัตว์น้ำ
มีฝูงปลาหลายชนิดผู้มาเที่ยวชมสามารถให้อาหารปลาได้ ถือเป็น
อุทยานมัจฉา อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี
วัดหน่อพุทธางกูร
ตั้งอยู่ที่ตำบลพิหารแดง
ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณ เลยวัดพระลอยไปทางเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร
ตามทางหลวงหมายเลข 3507 กิโลเมตรที่ 3
เป็นวัดเงียบสงบสร้างในสมัยต้นรัตนโกสินทร์
ภายในพระอุโบสถหลังเก่ามีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติ
ค่อนข้างสมบูรณ์ชัดเจน เป็นจิตรกรรมที่มีความงดงาม เขียนราว พ.ศ. 2391
ในสมัยรัชกาลที่ 3
วัดสนามไชย
เป็นเก่าแก่คู่เมืองสุพรรณ
ตั้งอยู่นอกเมืองโบราณทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสุพรรณบุรี ( ท่าจีน )
เป็นวัดร้างไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด
มีเพียงความในพงศาวดารเหนือระบุว่า พระเจ้ากาแตโปรดฯ
ให้มอญน้อยออกไปสร้างวัดสนามไชยเมื่อคราวที่พระองค์เสด็จมาเสวยราชย์
วัดพระรูป
เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนฝั่งทิศตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน
ตรงข้ามตลาดจังหวัดสุพรรณบุรี เขตอำเภอเมือง
เป็นวัดเก่าวัดหนึ่งมีอายุอยู่ในสมัยอู่ทองตอนปลาย
มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่พระพักตร์งดงามมาก
วัดความยาวจากเศียรถึงพระบาทได้ 13 ม. สูง 3 ม.
ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "เณรแก้ว" นอกจากนี้ในบริเวณวัด
ยังมีซากปรักหักพังของพระพุทธรูปและเจดีย์สมัยทวาราวดีและสมัยอู่ทอง
เช่น เจดีย์อู่ทอง และมีพระพุทธ
และพระพุทธบาทไม้ที่แกะสลักจากไม้ประดู่ยาว 221.5 ซม. กว้าง 74
ซม. ซึ่งมีค่ามากมีเพียงอันเดียวในประเทศไทย หรือในโลกก็ว่าได้
ปัจจุบัน
วัดพระรูปมีถนนตัดผ่านกลางวัดถึงสองสายคือถนนขุนช้างซึ่งแยกไป
|
|
วัดพระนอน |
ตั้งอยู่ตำบลพิหารแดง
เลยวัดหน่อพุทธางกูรไปเล็กน้อย วัดพระนอนนี้อยู่ติดกับแม่น้ำท่าจีน
สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในวัดมี อุทยานมัจฉา
อยู่บริเวณริมน้ำหน้าวัด มีปลานานาชนิดชุกชุม ทั้งปลาสวาย ปลาตะเพียน
ปลาแรด ทางวัดประกาศเป็นเขตอภัยทาน ปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ผลและไม้ประดับ
บริเวณวัดจึงร่มรื่นสวยงาม
และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ขึ้นหน้าขึ้นตาแห่งหนึ่งของจังหวัด
และยังมีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์สลักจากหิน
มีลักษณะแปลกกว่าที่อื่น คือ
เป็นพระพุทธรูปอยู่ในลักษณะนอนหงายขนาดเท่าคนโบราณยาวประมาณ 2 เมตร
ลักษณะคล้ายกับพระนอนที่เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย
สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งใน
Unseen Thailand อีกด้วย
|
|
|
วัดสุวรรณภูมิ
เป็นวัดสมัยอยุธยาตอนต้น ตั้งอยู่ในเขตเทศบาล ถนนพระพันวษา
ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอเมืองสุพรรณบุรี สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด
ได้แก่ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณณสิริมหาเถระ)
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2514 อาคารมี 2
ชั้นเป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุต่างๆ เช่น พระพุทธรูป นาฬิกา อาวุธ
เชี่ยนหมาก ถ้วยชาม แจกัน แก้ว
โดยเฉพาะบาตรสังคโลกสมัยสุโขทัยพุทธศตวรรษที่ 18–19
ซึ่งมีชิ้นเดียวในประเทศไทย เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น.
(ควรติดต่อขออนุญาตเข้าชมล่วงหน้า) โทร. 0 3552 2331, 0 3552
3603