ผมขอแสดงความชื่นชม ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดโครงการประชุมวิชาการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เรื่อง “การแพทย์พอเพียง”(Self Sufficient Medicine) ระหว่างวันที่ 16 – 18 สิงหาคม 2549 นับเป็นหัวข้อการประชุมวิชาการที่สมสมัยเป็นอย่างยิ่ง
ผศ. นพ. สุธรรม ปิ่นเจริญ ได้ติดต่อขออนุญาตนำบันทึกในหัวข้อ "ชีวิตที่พอเพียง" ใน บล็อก Gotoknow.org/thaikm บางบันทึกที่มีสาระสอดคล้องกับเรื่อง "การแพทย์พอเพียง" มาลงในเอกสารประกอบการประชุมวิชาการ ซึ่งผมอนุญาตด้วยความเต็มใจ และดีใจที่ข้อเขียนนี้เป็นประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ต้องขอให้ข้อสังเกตว่า ข้อความใน บล็อก ที่ผมบันทึกไว้นั้น เป็นการเขียนแบบเขียน บล็อก คือเขียนออกมาจากใจ ไม่ได้เขียนแบบ evidence-based อย่างงานวิชาการ ผู้อ่านจึงต้องอ่านเพื่อกระตุ้นความรู้สึกหรือความคิด ไม่ใช่อ่านเพื่อเชื่อหรือเพื่อใช้เป็นหลักฐานอ้างอิง
ผมขออนุญาตให้ข้อสังเกตเรื่องการแพทย์พอเพียง ๖ ประการ
๑. ผมคิดว่าการแพทย์พอเพียงไม่ใช่การแพทย์แบบล้าหลังหรือด้อยค่า ไม่ใช่การแพทย์ที่ปฏิเสธเทคโนโลยีสมัยใหม่
๒. ผู้ตัดสินสุดท้ายว่าแบบใดเป็นการแพทย์พอเพียง คือผู้ป่วย ญาติ และสังคม ที่เป็นผู้ใช้หรือรับบริการ
๓. การแพทย์พอเพียง ในหลายกรณีปฏิบัติโดยตัวผู้ป่วยเอง ญาติ คนในชุมชน หรือบุคลากรด้านสุขภาพที่ไม่ใช่แพทย์
๔. การแพทย์พอเพียงย่อมมีได้หลากหลายรูปแบบ ตามบริบท หรือสภาพแวดล้อมของสังคม หรือชุมชนนั้นๆ
๕. การแพทย์พอเพียงต้องมีการพัฒนาเรื่อยไปไม่หยุดยั้ง โดยมีผู้เข้ามาแสดงบทบาทในการพัฒนหลากหลายบทบาท ที่สำคัญที่สุดคือบทบาทของตัวผู้ป่วย หรือผู้ต้องการดูแลสุขภาพของตนเอง
๖. การแพทย์พอเพียง ควรเน้นการ "สร้างนำซ่อม" และควรใช้แนวคิด bio-psycho-social health ซึ่งกว้างกว่า bio-medical health
วิจารณ์ พานิช
สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)
www.kmi.or.th
http://gotoknow.org/thaikm
๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๙