ความหวัง... กับครั้งท้ายที่สุด


         เมื่อวาน (18 มกราคม 2554) เป็นวันคล้ายวันเกิดที่ยุ่งที่สุด แต่ก็มีความสุขเล็ก ๆ หลายเรื่องราวของงานที่รันเข้ามาหน้าตัก และจัดการโดยลำดับอย่างสุขุม นิ่มนวล จนบางทีก็อดขำตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมวุ่นวายอยู่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่คนอื่นเค้าอยู่เฉย ๆ ไม่มีอะไรจะต้องเหมือนเรา  คิวงานบนกระดานขาว ๆ หน้ากุฏิจัดเรียงกันยาว หลายเรื่องราว จรดเย็นของวันเดียวกัน...

         ช่วงเช้างานสำเร็จไปด้วยดีอย่างใจคิด ก็มีรับโทรศัพท์สำหรับคำอวยพรบ้าง สำหรับเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะต้องจัดการอีก.. และมีเรื่องราวใหม่แถมท้าย บอกกับตัวเอง จัดการให้เสร็จสรรพซะ จะได้ไม่ต้องวุ่นวายหรือตามแก้อีก  เพราะหน้างานส่วนรวมของทางวัดก็มี เช่นบวชปฏิบัติธรรมประจำปี และงานอภิธรรมของอดีตคนไข้ที่โรงพยาบาล

วันนี้ในช่วงบ่ายเทคิวให้กับทางโรงพยาบาลในส่วนของตึกมะเร็ง  ความพร้อมทางด้านใจและเตรียมการพูดที่จะหรือพุทธาวาทะ ต้องให้เรียบร้อยและสวยงาม ด้วยการใช้สติก่อนที่จะไปถึงเตียงคนไข้... ความคาดหวังในความเชื่อมั่นที่ีคนไข้มีต่อพระ ต้องให้สวยงาม และมีความสุข ความพอใจ และความเชื่อใจในการที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ได้มากที่สุด  พลังกาย พลังใจสำหรับคนไข้ ต้องมีความพร้อม  ณ ที่ต้องนั้นจะต้องไม่มีเรื่องใด ๆ เลยเข้ามาก่อกวนสมาธิในการที่จะส่งจิต พลัง และแนวความคิดในการสอนให้กับผู้ป่วย...

เมื่อรถพยาบาลมารับ (วันนี้เป็นรถฉุกเฉินพิเศษ) จีวรแดงพร้อมสังฆาฏิ เต็มรูปแบบของพระวินัยพระ พร้อมย่าม เดินออกจากวิปัสสนาด้วยความเชื่อมั่นในการที่ชักจูงจิตใจคนไข้ให้อ่อนไหว และเชื่อมั่นในพระไตรรัตน์ให้จงได้.. หลายเรื่องที่คุยกันในรถกับหัวหน้าพยาบาลประจำตึก เกี่ยวกับตัวคนไข้ที่จะต้องได้รับให้มากที่สุด  จนเรามีความรู้สึกแทนว่า.. หากเราเป็นผู้ป่วยคนนั้น.. เราอาจจะดื้ออย่างนั้นก็ได้...

ตึกพิเศษ ก่อนจะถึงตึกที่ของหัวหน้าพยาบาลที่ดูแลอยู่  ตั้งตระหง่ายอยู่ทางซ้ายมือของทางเิดินหลักไปหาแต่ละตึก.. บรรยากาศของความหวังปกคลุมไปทั่วบริเวณ  หลายสิบคนนั่งริมถนน ทางเดินเข้าช่องตึก บ้างปูลาดเสื่อหรือนอนหนุนถุงผ้าที่เตรียมมา.. บ้างนั่งทานข้าวพร้อมอ่านหนังสือพิมพ์  กระติบข้าวใบน้อยเก่า ๆ กับกระป๋องน้ำที่วางข้าง ๆ มีเพียงแจ่วถ้วยเล็ก ๆ ที่นั่งล้อมวงกินกันพร้อมหน้า..

สภาพอย่างนี้เราเห็นมาหลายครั้ง จนชินตา บรรยากาศของไทบ้าน (ลูกทุ่งๆ) มีทุกจังหวัดทั่วไทย  ที่มารอคอยการรักษา รอความหวัง หรือแม้กระทั่งรอผล  รอรับคนไข้หลายๆ ประเภทที่ออกจากโรงพยาาบาล หรือรอรับกลับไปเข้าพิธีอวมงคล.. น้ำตาที่เจือไปด้วยความสุข  และน้ำตาที่แสดงความโทมนัสในการสูญเสีย  มีพร้อมมูลในทุกสถานพยาบาล..นี่แหละถึงได้เรียกว่า "ธรรมดาของทางโลก" (ทั้งโลก)

ชั้นที่ 4  เป็นห้องรวมสมาชิก (คนไข้) และห้องพิเศษ  อาตมาเดินตามหัวหน้าพยาบาลอย่างเงียบๆ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่รู้สึกหดหู่ ตั่งแต่เห็นภาพของผู้เยี่ยมไข้ข้างล่าง จนถึงข้างบน เสียงร้องครวญครางของผู้ป่วย ในเวทนาที่ได้รับ คำว่า "สติ" ไม่สามารถที่จะใช้กับเวทนาอันแรงกล้าของพวกเค้าได้ เพราะไม่ได้รับการฝึกฝน และเยียวยาจิตในพุทธารามมาก่อน ไม่ได้ฝึกหัดในการแยกกาย แยกจิตมาก่อน  ไม่ได้สนใจในการเรียนรู้เรื่องของขันธ์ห้ามาก่อน จึงทำให้ทรมานทั้งกายและใจ โดยไม่สามารถใช้ปัญญาแยกแยะความรู้ได้อย่างเพียงพอ...

ทางขวามือของห้องรวม เป็นห้องพิเศษ ดูหรูหา งดงามของลายไม้ และเงียบสงบ จนบางครั้งรู้สึกสั่นเทิ้มในการที่จะเข้าไปเยี่ยมไข้ สนทนา.. เสียงทักทายจากหัวหน้าพยาบาลส่งถึงคนไข้ด้วยความคุ้นเคยกัน  แต่ไม่ได้รับการตอบกลับจากคนไข้ที่นอนหมดอาลัยอยู่บนเตียง..

สายตาอ้างว้างที่นอนยืดยาว ขาเหยียดบนเตียงที่ใช้ผ้าห่มสีขาวคลุมร่างไว้ ซึ่งตัดกับสีเสื้อของทางโรงพยาบาลที่สวมใส่ให้.. แววตากลมโต แ้ก้มตอบ มือทั้งสองข้างมีแต่รอยเลือดซิบ ๆ กับเข็มน้ำเกลือที่ระโยงระยางวางเกะกะ.. ปลายจมูกมีเครื่องช่วยหายใจ สายตาที่ดื้อ แข็งกร้าว ได้ลดต่ำลงและจับมาที่อาตมา..  มืออันเรียวเล็กค่อย ๆ ขยับมาแนบชิดกันทั้งสองข้าง บรรจงไหว้ด้วยความพยายามมากกว่าคนปกติ.. เสียงอันแผ่วเบาของ เหมียว สุขสวัสดิ์  กล่าวทักทายช้าๆ 

บทสนทนาค่อย ๆ เริ่มขึ้นกับเรื่องของวันเกิดของตัวอาตมา  แต่ไม่มีเวลาที่จะไปฉลอง หรือมีอะไรเป็นพิเศษ ตามวิสัยของพระเจ้าหน้าที่ที่ต้องร่วมงานกับสังคมให้ได้มากที่สุด และด้วยจิตวิญญาณ ที่มอบกายถวายชีวิตแด่พระศาสดาเจ้า สมเด็จพระพุทธองค์.. ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ไม่ได้ออกมาจากจิต ไม่ได้ท้อ ไม่มีอการ มีเพียงแต่ความพรั่งพร้อม เต็มใจ และความทรงจำที่ดีกับเพื่อนร่วมเกิด ร่วมแก่ ร่วมเจ็บ ร่วมตายด้วยกันเท่านั้น..

         ความเครียดของเหมียว ทำให้เกิดอาการปวด อักเสบที่กระเพาะ และต้องทำให้ขอยาจากพยาบาลเจ้าของไข้ หลายขนาน มีการต่อรองกับจำนวนยา หลายครั้ง เพราะอาการของเธอทรุดลงเรื่อย ๆ จากความเครียด และไม่ปล่อยวางในเรื่องต่าง ๆ ทำให้มีการรปวดเกร็งในช่องท้องทุกวันและหลายครั้ง จนทำให้เกิดอาการดื้อยา  ยาฉีด ยาเม็ด และยาน้ำ ไม่ได้ช่วยให้อาการของเหมียวดีขึ้น...

          ล็อกเก็ตพระองค์น้อยที่อาตมาเตรียมมา ค่อย ๆ ใส่มือให้เหมียว และค่อย ๆ กำมือลงช้า กำหนดจิตโดยใช้ความจำเมื่อเห็นภาพ และที่มือสัมผัสค่อย ๆ น้อมนำเอารูปของพระขึ้นอยู่กลางหน้าผาก แล้วตั้งจิตอธิษฐาน เอาพระกรรมฐานเป็นที่ตั้ง ในการภาวนานำความปวดร้าว ทั้งทางกาย ทั้งทางใจ มาไว้ที่กลางหน้าผาก แล้วค่อยๆ กำหนดอาการปวดทั้งร้างกายอีกครั้ง ไล่ออกไปทางปลายเท้า ด้วยสติ และสมาธิ กำหนดด้วยจิต แยกกายและจิตออกจากกัน ในขณะที่กายป่วย แต่จิตไม่ได้ป่วยด้วย  ด้วยเหตุผล และกุศโลบายทำให้เหมียว สงบลง..

ในบทสนทนาเราคุยกันแบบสบายๆ เป็นกันเองเมื่อเหมียวมีอาการผ่อนคลายลง สีหน้าของหญิงชราและผู้เป็นแม่ อายุมากลักษณะเหมือนกับคนทำงานมาหนักตลอดชีวิต..พี่สาวที่อายุย่างเหยียบเข้าเลขหลักสี่สิบ มานั่งให้กำลังใจน้องทุกวัน..และยอมรับว่าตามใจตลอดทุกเรื่องราว ทนทุกอย่างที่น้องสาวเกรี้ยวกราดใช้อารมณ์ เวลาอาการปวดกำเริืบ  แต่ด้วยความรักก็ต้องยอมทน ทำทุกอย่างที่เค้าจะสบายใจและดีขึ้น

          ท้ายที่สุดก่อนจะจบบทสนทนาอื่น เหมียว สุขสวัสดิ์ ได้บอกกับอาตมาว่า "โยมอยากบวชชี เจ้าค่ะ"  อาตมายิ้มน้อย ๆ และก็สอน ให้กำลังใจอย่างช้า ๆ เรื่องการบวชใจ.. ซึ่งเราทำได้ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลมา  บวชใจนั้นไม่อยาก แค่ตั้งจิตให้มั่น ระลึกนึกถึงองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า อธิษฐานเอาความดีตลอดชีวิต มาตั้งเป็นหลักชัย น้อมนำเอาพระตรัยรัตน์มาเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง และนึกถึงศีลทั้งแปดข้อ อันเชิญมาไว้ในใจ เพื่อปฏิบัตินำทางสู่ความสงบ สู่ความเยือกเย็น สู่ความหลุดพ้นจากสิ่งทั้งปวง...

          อาตมารู้สึกยินดีปรีดาที่เห็นโยมเหมียว อ่อนลง และมีหวังในสิ่งที่ตนอยากจะทำ และน้อมนำ ทำให้ได้เป็นจริตนิสัย.. เป็นประโยชน์ในการรักษาตนเอง ให้มีความสงบ เยื้อกเย็น ผ่อนคลาย ไม่ฟุ้งซ่านในจิต และฤทธิ์ของเวทนา  ให้มีความมั่นคงในไตรรัตน์และเป็นการพยาบาลจิตใจตัวเองก่อนให้พ้นจากเวทนาทั้งปวง

         ประตูห้องพิเศษปิดลง อาตมาเดินลงบันไดช้า ๆ ในใจคิดหลายเรื่อง และตั้งอธิษฐานต่อหน้าองค์พระพุทธชินสีห์ ขอคุณงามความดีที่ได้ทำมาตลอดชาตินี้ ได้ส่งผลให้คนไข้รายนี้ อย่าได้ละทิ้งภาวนา และความพยายามในการปฏิบัติธรรมเลย ขอให้มีสติตลอดเวลาในการกำหนดเวทนาด้วยเทอญ..

หมายเลขบันทึก: 421208เขียนเมื่อ 19 มกราคม 2011 06:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 18:54 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

การฝึกสติ ช่วยลดอาการเจ็บปวด ได้รึป่าวครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท