ท่ามกลางข่าวสารที่พรั่งพรูและฮิตติดกระแสพลังงานทางเลือกของประเทศไทยในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น "การสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์" และเรามักจะได้ดูได้เห็นสื่อโฆษณาเชิงสารคดีที่จัดทำโดยกระทรวงพลังงานผ่านหน้าจอโทรทัศน์อยู่เสมอ ที่คอยนำเสนอถึง "หนทางเลือกที่จำเป็น" "ความปลอดภัย" และ "คุณูประการของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์" ว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตของผู้บริโภคในประเทศไทย (แน่นอนว่า ต้องเน้นไปที่ "กลุ่มนายทุนอุตสาหกรรมหนัก" ทั้งหลายเป็นเบื้องต้น เพราะขนาดรัฐบาลมีนโยบายไฟฟ้าฟรีสำหรับประชาชนทั่วประเทศ ยังไม่มีทีท่าว่าจะไม่เพียงพอใช้ ดังนั้น สำหรับประชาชนแล้ว "พลังงานไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน" เพียงพอแน่นอน (ฟันธง)!!!
คำถามคือ แล้วทำไมต้องสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ก็เพราะ เชื่อกันว่า "เป็นพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่บรรยากาศโลก (เขาว่าอย่างนั้น) อ่ะ..แล้วสิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วยสายตาละ เช่น กัมตภาพรังสี หรือ กากปฏิกูลที่เหลือจากการผลิตล่ะ จะจัดการอย่างไร (น่าขบคิดไม่น้อย ใช่ไหมครับ)
อีกทั้ง สิ่งที่คิดง่าย ๆ ก็คือ จะใช้พื้นที่ส่วนไหนในประเทศไทยเป็น ฐานผลิต (Plant) เพราะเท่าที่นึก ๆ ดู ทุกที่ล้วนแต่มีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชนคนไทยแทบทั้งนั้น หรือว่าจะไปก่อสร้างที่ "บนดอย" รึ? ก็เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ ซึ่งไม่ควรไปทำลายหรือรบกวน หรือว่าจะเป็นที่ราบลุ่มต่าง ๆ ก็ เป็นที่นาที่ดินทำกิน ทั้งนั้น - -- ท่านเอ๋ย โปรดช่วยกันคิดหน่อยสิว่าจะเอาพื้นที่ไหนสร้างกันดี (ตรงนี้ก็ช่วยรัฐบาลท่านหน่อย)
ถามถึง "พลังงานทางเลือกที่สะอาดบริสุทธิ์" ที่แท้จริง นั้น กระผมก็ยังคงต้องขอเสนอ แหล่งพลังงานที่มีอยู่โดยไม่จำเป็นต้องไปรบกวนธรรมชาติ สภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ (๑) พลังงานลม (๒) พลังงานแสงอาทิตย์ (๓) พลังงานน้ำ ซึ่งคิดว่า การลงทุนเพื่อหาและผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงาน ๓ แห่งข้างต้นนี้ ก็คงใช้ ทุนในการสร้างที่ใกล้เคียงกัน เผลอ ๆ อาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำไป ที่สำคัญ แหล่งพลังงานทั้่ง ๓ แหล่ง ก็ไม่ทิ้ง "กากมลพิษ" ไว้แน่นอน และ "ใช้ไม่หมด" ด้วย
ดังนั้น จึงคิดว่า กระทรวงพลังงาน และ/หรือ สถาบันวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั้งที่เป็นของภาครัฐ หรือ ภาคเอกชน น่าจะลงทุนค้นคว้าวิจัยเพื่อแสวงหาแนวทางที่เหมาะสมในการใช้ประโยชน์จากพลังงานเหล่านี้มากยิ่งขึ้น (ด้วยความเคารพ)
ล่าสุด ที่ประเทศเยอรมันนีก็มีการรวมตัวประท้วงของกลุ่มประชาชนที่แสดงจุดยืนและความต้องการที่ว่า "ไม่เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์" อีกต่อไป ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว (ใยประเทศไทยยังจะอ้างว่า ประเทศที่เจริญล้วนแต่ "ยอมรับ" และ "อาศัย" พลังงานที่ได้จากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แทบทั้่งนั้น (วานบอก)
สุดท้าย ก็คงได้แต่ภาวนาว่า ประเทศไทยจะได้แหล่งพลังงานที่ปลอดภัย สะอาด อย่างแท้จริงในอนาคนอันใกล้ ที่มีการลงทุนโดยดไม่คิดถึง "ส่วนต่าง" จากการประมูลโครงการก่อสร้างกับภาครัฐภายใต้แนวคิดที่ว่า "ธุรกิจการเมืองโดยนักการเมืองธุรกิจ" นะขอรับ
(๑) พลังงานลม (๒) พลังงานแสงอาทิตย์ (๓) พลังงานน้ำ .. เพียงพอรึป่าวครับ มองความเป้นไปได้ จะสร้างเขื่อนพลังงานน้ำก็ต่อต้านกัน แล้วรอบๆ ประเทศเราตอนนี้ก็ทยอยสร้างกันแล้ว ไม่ต้องกลัวไม่ปลอดภัยหรอกครับ รอบๆ เมืองไทย ถ้าโรงไหนระเบิดซักโรง ก็มีผลไม่ต่างกัน
จริงๆ ควรจะมาดูว่าตั้งอย่างไร ให้ปลอดภัยสูงสุดดีกว่า ทุกวันนี้ไทยซื้อพลังงานจากเพื่อนบ้านมากมาย หากขัดแย้งที ลาวหรือ พม่า ตัดไฟ ก็จบครับ ความมั่นคงทางพลังงานไม่มีเลย พลังงานทดแทนที่คุณเอ่ยถึงก็จำเป้นต้องพัฒนาในฐานะพลังงานสะอาด ซึ่งก็ต้องคู่กันไป
แต่พลังงานหลักผมมองว่าจำเป้นครับ ประเด็นส่วนต่างของนักการเมือง ไม่ต้องห่วงครับ แม้แต่สร้างป้ายหน้าวัดยังมีค่าหัวคิว หนีไม่พ้นครับ
ขอบคุณครับ
สิ่งที่คิดต่อก็คือ "เพียงพอ" (enough) ก็น่าคิดตรอง
แต่ สิ่งที่ได้ดูได้เห็นจาก รายการสารคดีเชิงพลังงานต่าง ๆ ผ่านจอโทรทัศน์ของประเทศไทย โดยมาก ผู้ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานทางเลือก ก็เป็น นักวิชาการจากหน่วยงานของรัฐทั้่งนั้น ทุกคนพูดในทำนองเดียวกัน คือ "3 พลังงานทางเลือกข้างต้น" มี "เพียงพอ" ต่อการพัฒนาระบบและสร้างฐานการผลิต (ถ้าไม่จริง ก็แสดงว่า รัฐโกหกประชาชน ใช่ไหมครับ)
ยกตัวอย่าง โครงการชั่งหัวมัน ที่ประชาชนรายล้อมใช้พลังงานไฟฟ้าจาก กังหันลม และ อีกหลาย ๆ โครงการ (บนดอยสูง พลังงานจากแสงอาทิตย์) ก็ใช้กันได้สบาย (แต่ขาดการบำรุง)
จริงๆ แล้วประเทศไทย ส่วนหัวของประเทศและรอบข้าง ก็ มีแต่ ระเบิดเวลาทั้งนั้น เราเห็นว่า มี "ระเบิด" ถูกวางรอบบ้าน แล้ว ใยเราจะเพิ่มและนำระเบิดมาไว้ในบ้านอีกละครับ
สวัสดีค่ะ
สุดท้าย ก็คงได้แต่ภาวนาว่า ประเทศไทยจะได้แหล่งพลังงานที่ปลอดภัย สะอาด อย่างแท้จริงในอนาคนอันใกล้
เห็นด้วย และมาช่วยภาวนาค่ะ
ล่าสุด ที่ประเทศเยอรมันนีก็มีการรวมตัวประท้วงของกลุ่มประชาชนที่แสดงจุดยืนและความต้องการที่ว่า "ไม่เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์" อีกต่อไป ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
ก็หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น นักวิชาการ (แท้จริง) นักสิ่งแวดล้อม (ตัวจริง) และประชาชนคนไทย (จริงๆ) จะออกมาร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อลูกหลานในอนาคต และสมช.ร่วมโลก
ขอบคุณที่ให้ดอกไม้ และ ที่เข้ามา ลปรร ครับ