กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ
เมื่อวันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม 2553 คิดว่าทุกท่านคงได้ดูข่าวชิ้นหนึ่ง คือ การแข่งขันฟุตบอลดิวีชั่น 1 ระหว่างทีม นครปฐม Fc กับทีมศรีสะเกษFc และคงได้เห็นแล้วว่าในช่วงท้ายเกมส์การแข่งขันนั้นเกิดอะไรขึ้น ..ที่เอามาเขียนนี้ไม่ได้จะชี้ว่าฝ่ายใดผิดหรือฝ่ายใดถูก ..แต่แค่สะกิดเล่นๆว่า ที่ว่าเราพัฒนาฟุตบอลอาชีของเราแล้วนั้น...จริงหรือ ?? วุฒิภาวะด้านกีฬาของพวกเราเพียงพอแล้วหรือที่จะบอกว่าเราเชียร์กีฬาอย่างมี..(ความจริงต้นตำรับอย่างอังกฤษเค้าก็เชียร์หนักกว่าเราอีกน่ะเพียงแต่เราไม่ค่อยจะได้ยินว่าแฟนบอลเค้ากรูลงสนามเพื่อทำร้ายผู้ตัดสิน เพราะเค้าจะอาลาวาทนอกสนามมากว่า.)..แล้วการตัดสินเกมส์กีฬาในบ้านเรา(โดยเฉพาะฟุตบอล)มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับกันในระดับใด??.(มีองค์กรหรือสมาคมใดบ้างหรือเปล่าที่ตรวจสอบการทำหน้าที่ของกรรมการ???)....สุดท้ายเราคงต้องพัฒนากันทุกๆด้านพร้อมๆกันหากเราอยากจะเห็นวงการฟุตบอลเราก้าวสู่สากล..แต่ไม่รู้ว่าสมาคมฟุตบอลจะมีกะจิตกะใจที่จะคิดเรื่องนี้มั้ยเพราะท่านนายกสมาคมเองก็กำลังโดนโจมตีอย่างหนักอยู่ ณขณะนี้
ความเห็น (6)
- สวัสดีค่ะ กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ
- แต่มีหลายๆคนที่ทำให้กีฬา กีฬา เป็นยาพิษ
- ส่งผลเสียทั้งผู้ใหญ่ และเด็กด้วยนะคะ
- ขอบคุณที่ไปเยี่ยมเยียน
- และยินดีกับตำแหน่งรองผอ.สถานศึกษาคนใหม่ค่ะ
เราเอาเรื่องการชนะเป็นใหญ่เพราะมีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง สปิริตที่มีตามกีฬาจึงหายไป กีฬาไทยอีกนานครับกว่าจะพัฒนา
ขอบคุณครับท่านอาจารย์เอื้องแซะและครูหยุย รู้สึกภูมิใจที่ท่านทั้งสองมาเยี่ยมเยียนครับ.....ผมเห็นด้วยกับท่านทั้งสองทุกประการ
- สวัสดีค่ะ
- ในกรณีนี้ต้องเปลี่ยนเพลงใหม่ที่เคยได้ยินมาว่า...
"กีฬากีฬาเป็นยาผีเปรต เพิ่มกองกิเลสทำคนให้เป็นควาย"
ทั้งกีฬาและกองเชียร์ทางบ้านเรายังต้องพัฒนาอีกมากมาย
นักกีฬาเราก็ขาดการคัดกรองทางด้านอารมณ์ด้วย...สติขาดเอาง่ายๆ
กองเชียร์ก็เชียร์แบบใช้อารมณ์บวกกับสิ่งเร้าที่เป็นพิษ...เป็นเรื่อง
สรุปก็คือทั้งหัวทั้งกลางทั้งหาง....ควรพิจารณา
ขอบคุณอาจารย์ธรรมทิพย์แลkrugui Chutima ครับที่แวะมาเยี่ยมเยียน ....สวัสดีปีใหม่ครับ...หวังว่า..ปีใหม่ฟ้าใหม่คงสดใสกว่าปีที่กำลังจะผ่านน่ะครับ...โชคดีตลอดปีกระต่ายครับ...ทุกท่าน