เล่าจาก เกาะสุขสันต์ ในดินแดนแห่งการเรียนรู้ NKM5 (1)
วันที่ 23 พ.ย. 2553 วันที่สอง ของมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ วันนี้เป็นวันที่ทีมโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ต้องเตรียมตัวหน่อย เพราะเป็นวิทยากรในห้อง เกาะสุขสันต์ ในดินแดนแห่งการเรียนรู้ ก็เลยตกลงกันว่าจะไปรอที่ห้องตั้งแต่ session แรกที่เก้าโมงเช้าเลย จะได้ไม่ต้องงงกับสถานที่ และอุปกรณ์ต่างๆในห้อง พอหมดเวลาพักที่ 10.15 นาที เราก็รีบจัดเตรียมอุปกรณ์ทันที โดยพี่ตุ๊กตากับน้องเข็มเตรียมป้ายห้อยคอที่ทำมาล่วงหน้าจากโรงพยาบาล ไว้แจกให้ผู้ร่วมกิจกรรม ผมนำ notebook ไป set ที่จอ พร้อมกับลองเปิดคลิปที่เตรียมมา น้องอ๊อฟกับพี่เล็กเตรียมเวที ที่มีป้ายไวนิลเนื้อเพลงซ้ายขวา ขาตั้งไม กลองฉิ่ง ระหว่างที่กำลังเตรียมอุปกรณ์กันอยู่นั้น กำลังใจคนสำคัญของเครือข่าย KM DM ก็เดินเข้าห้องมาทักทายกันอย่างตื่นเต้น มี ดร.วัลลา ตันตโยทัย และ นพ.นิพัธ กิตติมานนท์ จาก รพ.พุธชินราช ที่เพิ่งจบจากการการเป็นวิทยากรที่ ประภาคารเกื้อกูล พร้อมกับพี่สาว 2 อ้อ พี่อ้อ เปรมสุรีย์ และพี่อ้อ รัชดา ก็ตามมาติดๆ จนดูแล้วเป็นทีมงานใหญ่เลยทีเดียว
ทีมงานทั้งหมด กับ ดร.วัลลา ตันตโยทัย | ทีมงานให้กำลังใจ จากทีม รพ.พุทธชินราช (ภาพจาก fb ดร.วัลลา) |
ห้องเปิดที่เวลา 10.50 น. คนแรกทีก้าวเข้าห้องมา เป็นป้าแดง และทีม รพร.ท่าบ่อ คุณอุ้มบุญ ยโสธร ที่ชูไม้ชูมือ ส่งเสียงทักทายกันแบบออกนอกหน้า ว่ากองเชียร์มาแล้ว พร้อมกับแจ้งว่าคนรอเข้าห้องเยอะมาก แสดงว่าคนสนใจจริงๆ ซึ่งพอได้ยินดังนั้นพวกเราเริ่มยิ้มออก ผมรู้สึกดีใจมากกับคำทักทายพร้อมกำลังใจของทีมป้าแดง (ลึกๆก็กังวลว่าจะไม่มีคนเข้าห้องครับ)
ภาพกองเชียร์ที่น่ารัก จาก รพร.ท่าบ่อ ภาพจากblogคุณ อุ้มบุญ ครับ |
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเข้ามาในห้องแบบเร็วมาก ทุกคนต่างก็ถอดร้องเท้านั่งเรียงเป็นแถว ดูเป็นระเบียนน่ารักมากครับ ผมนับได้ประมาณ 70 กว่าคน ซึ่งหลังจากที่แต่ละคนในห้องได้รับป้ายแขวนคอแล้ว และกำลังงงว่าคืออะไร เราก็แจ้งว่าป้ายคอที่แจกมีความหมายตลอดการร่วมกิจกรรมนี้เลยทีเดียว
น้องอ๊อฟเริ่มให้ทุกคนได้ทำสันทนาการร่วมกัน ตั้งแต่ทดสอบการตบมือเป็นจังหวะ การเล่นเกมส์เสือสิงห์กระทิงแรด เกมส์มาตามนัด จนทุกคนเริ่มหัวเราะ ลดการเกร็งทั้งทีมพวกเราผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้พอสมควร
ผมก็เริ่มแนะนำกิจกรรมว่า วันนี้เรามาจำลองสถานการณ์ การทำงานที่โรงพยาบาล โดยให้ทุกคนลองร่วมสมมติว่าเป็นผู้ป่วยเบาหวานความดัน ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย และกำลังไปรับบริการที่โรงพยาบาล และคิดตามว่าน่าจะมีบรรยากาศอย่างไร (พร้อมๆกับดูสไลด์ บรรยากาศการมาโรงพยาบาลของผู้ป่วย) สิ่งที่เห็นและเกิดขึ้นตลอดเวลาและเป็นเรื่องปกติของผู้ป่วย คือความเครียด ความกังวล ส่วนบุคลกรผู้ให้บริการก็ดูวุ่นวาย จริงจัง และดูเครียดพอๆกันกับผู้ป่วย ในบรรยากาศเดิมๆ ที่เป็นอยู่ แทบทุกวัน
หลังจากนั้น ผมเริ่มถามว่า ผู้ป่วยเบาหวานทุกคน พร้อมที่จะเรียนรู้กับพวกเราหรือยัง ทุกคนยังดูงงๆอยู่ ดังนั้นน้องอ๊อฟเลยได้โอกาส ให้ทุกคนหลับตา สูดหายใจ ลองสมมุติตัวเองจากคนที่สุขภาพดี ลองมาเป็นนักเรียนเบาหวานดูสักวัน พอให้ลืมตา ผมก็ถามไปที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมด้วย 3 คำถามที่ต้องตอบ (และเตี๊ยมกันไว้แล้วตอนหลับตา)
“คุณคือใคร” ตอบ นักเรียนเบาหวาน
“มาทำไม” ตอบ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้
“ใครสั่งมา” ตอบ ใจสั่งมา
เมื่อทุกคนพร้อมเพรียงจากการให้เล่น เกมส์มาตามนัด เกมส์ฝนตกฟ้าร้อง เกมส์หมีหนีบหอย ทุกคนก็ได้ยืนขึ้น พร้อมๆกับบริหารร่างกายและกำหนดลมหายใจเข้าออกกับเพลง ดั่งดอกไม้บาน (เสถียรธรรมสถาน) ไปพร้อมกันกับทีมวิทยากรและผู้ป่วยจริงจากคลิปวีดิโอ เมื่อเพลงจบทุกคนนั่งลง น้องอ๊อฟได้เชิญชวนให้ทุกคนร่วมร้องเพลงกับทีม โดยดูเนื้อเพลงจากป้ายหน้าเวทีหรือดูจากเนื้อเพลงที่พิมพ์แจกไว้ในป้ายห้อยคอก็ได้ เราร้อง เพลงเบาหวานเบาใจ ต่อด้วย เพลงดันสูง ดลใจ อย่างละ 2 รอบ หลังจากนั้นพี่ตุ๊กตาก็สวมบทบาทพยาบาลผู้ให้ความรู้ เข้าสอนทันทีตามเนื้อเพลงที่ให้ไว้ อย่างละเอียด
พอพี่ตุ๊กตาสอนไปสักครู่ ผมก็แทรกขึ้นมาว่าทุกท่านสงสัยหรืออยากถามอะไรหรือเปล่า เพราะการสื่อสารทางเดียวที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ เป็นสิ่งที่พวกเราบุคลากรทางการแพทย์ถนัดกันอยู่แล้ว คือสอนและสั่ง(สอนความรู้และสั่งการรักษา) แต่ทุกท่านรู้สึกอย่างไร น่าเบื่อหรืออึดอัดหรือเปล่า เพราะผมสังเกตได้ว่าบางคนเริ่มหาว พอบอกแบบนี้ไปทีมเราก็เลยได้รับคำถามเกี่ยวกับเรื่องโรคเบาหวานความดันและเรื่องการปฏิบัติตัวตามมามากมายทีเดียว
จนกระทั้งหมดคำถามและเริ่มมองหน้ากันไปมา ผมก็กระตุ้นการ ลปรร. ในห้องด้วยคำถามที่ว่า “การเรียนรู้ที่ผ่านมาขาดอะไร” เริ่มมีเสียงกองเชียร์ดังมาว่า “ขาดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของผู้ป่วย” ผมจึงอธิบายต่อว่า เราใช้กระบวนการ KM ในการทำงานประจำด้วยหลักคิดที่ว่า คนที่รู้ที่สุดไม่ใช่หมอ แต่คือคนไข้ ถ้าเราเชื่อและให้เกียรติความรู้ว่ามีอยู่ในทุกคน เราก็จะพบว่ามีผู้ป่วยมีความรู้ปฏิบัติ ความรู้ประสบการณ์เยอะที่สุด เพราะเค้าคือคนที่ป่วยจริง ที่สำคัญพวกเรากลับมีความรู้แบบผู้เชี่ยวชาญในบางเรื่องเท่านั้น
ผมเล่าให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในห้อง ว่ากระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนมเปลี่ยนไป เมื่อได้เข้าใจถึงหัวใจของการจัดการความรู้คือ “การจัดการความสัมพันธ์” เราพบว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรากับผู้ป่วย ทำให้เกิดการเปิดใจเรียนรู้ไปด้วยกัน กล้าบอกเล่าในสิ่งทีทำโดยโดยไม่ต้องกลัวถูกผิด สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปด้วยกันตลอดเวลา ดังนั้นกระบวนการเรียนรู้ ทีเรียกกันว่าให้สุขศึกษาโดยบุคลากรทางการแพทย์ จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นผู้ป่วยสอนกันเอง ทั้งจากผู้ปฏิบัติดี ผู้ปฏิบัติไม่ดี (good model หรือ poor model) โดยมีเราเป็นเพียงตัวกระตุ้นและให้ข้อมูลทางวิชาการเสริม ซึ่งเนื้อหาจะโดนกว่าที่เราคอยยัดเยียดให้ตามหน้าที่ครับ
เช่นเดียวการปรับเปลี่ยนวิธีการให้ความรู้ด้วยเพลง การลดความเครียดด้วยเกมส์ เราใช้หลัก 3ส. (สุข สนุก และได้สาระ) มาเป็นตัวสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้น ทั้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ป่วย หรือระหว่างผู้ป่วยด้วยกัน หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ด้วยกันเอง มันทำให้ทุกคนได้ผ่อนคลาดความเครียด ลดความเบื่อหน่ายจากบรรยากาศของการเจ็บป่วยในโรคที่เรื้อรัง
ตอนสุดท้ายของกิจกรรม ของเกาะสุขสันต์ ทุกคนได้ร่วม AAR ด้วยการเขียนคำตอบ จาก 2 คำถาม ลงในหัวใจสีชมพูที่เราเตรียมไว้ให้ในป้ายห้อยคอ เพื่อส่งคืนมาให้เราเป็นการตอบแทนก่อนจาก “ความรู้สึกของท่านที่นี่ จะสะท้อนไปถึงทีมงานและผู้ป่วยของผมที่โน่น (ธาตุพนม)”
คำถามแรก “ท่านรู้สึกอย่างไรกับกิจกรรมนี้” และคำถามที่สอง “ท่านได้เรียนรู้อะไรจากการเข้าร่วมกิจกรรม” หลังจากนั้นเพื่อเป็นการส่งท้าย เราได้เปิดคลิปภาพการร้องเพลงของผู้ป่วยในคลิกโรคเบาหวาน ความดันของโรงพยาบาล ซึ่งมีเนื้อร้องแบบคาราโอเกะอยู่ด้วย ซึ่งในรอบนี้สังเกตได้ว่าหลายๆคน สามารถร้องเพลงไปด้วยได้อย่างง่ายดาย น่าประทับใจมากเลยครับ
หัวใจที่ผู้คนในห้องมอบให้ครับ (อ่านอีกทีตอนกลับถึงที่ทำงานแล้ว) ปิดงานด้วยการไปเชียร ดร.วัลลา ตันตโยทัย ที่มาเป็นศิราณี ตอบคำถามเกี่ยวกับการทำ COP |
ภก.เอนก ทนงหาญ ผู้เล่าเรื่องครับ
ขอให้คุณเอนกเข้ามาบันทึกเรื่องเล่าบ่อยๆ หน่อยนะ
ป้าแดง รพร.ท่าบ่อ ชมผ่าน face book ของ เครือข่าย magnet hospital ว่าดีมากเลยค่ะ
เอนก..น่าอ่านมากเลย สีสรร สวยงาม...มีฝีมือจริงๆค่ะ
อยู่ในทีมรพร.ท่าบ่อ (คนที่น่ารักที่สุด)ที่มีโอกาสได้ไปร่วมเชียร์ภก.เอนก ได้เห็นตัวเป็นๆ แล้วทึ่งในความสามารถค่ะ ดีใจแทนชาวธาตุพนมนะคะที่มีคนดี มีความสามารถอยู่ด้วยคะ