อยากขึ้นสวรรค์ต้องวางระเบิด


การพัฒนา ระเบิดจากข้างใน ขึ้นสวรรค์

 

ข้าพเจ้าโชคดีที่ได้ติดตามคณะผู้จัดทำหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต “นวัตรกรรมเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น” ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และรับโชคสองชั้นเมื่อทราบว่า ข้าพเจ้าได้เป็นหนึ่งในทีมงานติดตาม สังเกต การทำงานตั้งแต่ จุดเริ่มต้นของการพัฒนาตามแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียง ผ่านทางเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิชัยพัฒนา

ข้าพเจ้าจะได้สัมผัสมืออาชีพอย่างเป็นจริงเป็นจังก็คราวนี้เแหล่ะ  เพราะข้าพเจ้าไม่เคยเห็น หรือ เห็นไม่ชัดกับคำว่า “มืออาชีพ” ครั้งนี้ข้าพเจ้าเจอของจริง ๆ แน่ แน่ (ตื่นเต้นมาก ขอบอก)

ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้สังเกต ติดตาม บริบทของการพัฒนาบนพื้นฐานจากคำว่า “ภูมิสังคม” เป็นแก่น  เป็น guideline เป็นแผนที่แบบร่าง

อืม...มันเป็นศัพท์ใหม่สำหรับข้าพเจ้ามาก (เครียด จะค้นหาความหมายของมันได้ไหมเนี่ย)

มันทำยังไงนะ ?  การพัฒนาบนพื้นฐาน  “ภูมิสังคม”  นั่นคือโจทก์ที่ข้าพเจ้าจะต้องค้นหาคำตอบในการเดินทางไปกับคณะในครั้งนี้

และท้ายสุดก่อนจะสิ้นสุดการเดินทาง ข้าพเจ้าได้รับคำตอบ จากสไลด์เพียงไม่กี่สไลด์ ที่ทำจากเอกสารที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำด้วยพระองค์เอง ไม่กี่สิบแผ่น แต่เป็นแผนที่ให้โครงการพัฒนาต่าง ๆ ของพระองค์ท่านฯ เพื่อช่วยเหลือประชาชนของท่านได้ทั้งประเทศ

ซึ่งเอกสารที่พระองค์ท่านมอบให้ ดร.สุเมธ และนำมาเผยแพร่โดยผู้ช่วยเลขาธิการฯ ท่านณฤทธิ์ที่ศูนย์ศึกษาพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร  

จากคำพูดไมกี่คำ จากการกระทำไม่กี่ครั้ง ที่ข้าพเจ้าสังเกตได้คือ คำในเอกสารนั้นมันสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และชาวบ้านปฏิบัติได้

  เพียงเขาเปลี่ยนมุมคิดเท่านั้นเอง(ระเบิดจากข้างใน)

มันเหมือน  อาจารย์เซ็นสอนศิษย์ ยังไง   ยังงั้น นั่นคือ การพัฒนาจะเกิดขึ้นได้ต้อง “ระเบิดจากข้างใน”  

เอ.. ข้าพเจ้าคุ้นชินแต่กับคำว่า “การพัฒนา”  น่าจะเริ่มจากการระเบิดจากข้างนอก  แต่ที่ข้าพเจ้าเห็นมักไม่ประสบผลสำเร็จ มิหนำซ้ำยังเกิดแต่ความเสียหาย และความสูญเสีย ดั่งที่ได้เห็นจะการะเบิดภูเขาเอาหินไปทำถนน ไปทำถ่านหิน ไปแสวงหาทองคำ แร่

แหล่ะ ที่โหดร้ายและสะเทือนใจข้าพเจ้าที่สุดก็คือการสูญเสียทรัพย์สินและชีวิตของคนไทยที่เกิดจากการวางระเบิดข้างนอกเพื่อผลประโยชน์สำหรับพรรคพวกตนเอง

ความเสียหาย โดยเฉพาะ ความสูญเสีย เกิดจากการระเบิดจากภายนอกทั้งนั้น

อ้าว!!! ระเบิดจากข้างในหล่ะ? ทำยังไง ?

จากการติดตามคณะทำงานมูลนิธิชัยพัฒนา  ข้าพเจ้าก็ได้พบว่า มืออาชีพมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำงานอย่างมุ่งมั่น ไม่หยุดและต่อเนื่องยาวนาน ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ อย่าง ประณีประนอมแต่ก็เด็ดขาดในท่าที ด้วยวัตถุประสงค์ที่มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ ความมั่นคงในชีวิตของประชาชน

ผลลัพท์ท้ายสุด…

บางโครงการสำเร็จ บางโครงการก็ล้มเหลว

 แต่ทุกโครงการที่สำเร็จและล้มเหลว “ภูมิสังคม” นั้นได้ประโยชน์จากกระบวนการการทำงานอย่างมืออาชีพ

บุคคลเหล่านี้มักไม่เด่นในสังคม เดินผ่านข้าพเจ้าก็ไม่รู้ หากแต่สังเกตดู กลุ่มเหล่านี้คือ ผู้ปิดทองหลังพระซึ่งก็คือ “ผู้เสียสละ” ให้พวกข้าพเจ้านั่นเอง

ดังนั้น หากจะพัฒนาสิ่งใด ๆ แล้ว การระเบิดจากข้างใน คือ เปลี่ยนมุมคิด มุมมอง ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนตาม

กล่าวคือ เราคิดอย่างไร เราก็จะทำอย่างนั้น เราทำอย่างนั้นซ้ำ ๆ  เราก็จะเป็นคนมีบุคลิกอย่างนั้น ทำบ่อย ๆ เข้า มันก็จะกลายเป็นตัวเราที่คนอื่น ๆ มองเห็น นั่นคือ  การระเบิดจากข้างใน

แล้วใครหล่ะที่จะเป็นคนต้นคิด คนต้นแบบ (Idol) สำหรับคนที่ต้องการการพัฒนาแบบระเบิดจากข้างใน

มองไปมองมาข้าพเจ้าก็สะดุดตากับภาพที่มีอยู่ทุกบ้าน ทุกที่ทำงาน แม้กระทั่งเถียงนาน้อย ข้าพเจ้าคงไม่ต้องเฉลยนะ

โครงการของพระองค์ท่านมีอยู่ทั่วไปทั้งประเทศ ข้ามเขตไปจนถึงหลัก 22 นครเวียงจันทร์

อีกไม่นานก็จะเป็น บ้านนาจิหรีด ซึ่งจะเป็นการพัฒนารูปแบบใหม่ การระเบิดจากข้างในก็กำลังจะเกิดขึ้น

สำหรับข้าพเจ้า การระเบิดจากข้างใน

นั่นคือ...

การพัฒนาจากเกิดจากการอยากพัฒนาตนเองของชาวบ้านนาจิหรีด  แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  และจะเป็นอีกต้นแบบที่ข้าพเจ้าและทีมงานจะได้เห็นตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการพัฒนา

เป็นวิธีใหม่สำหรับข้าพเจ้า สำหรับชาวบ้านนาจิหรีด และบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งก็ไม่รู้ใช้เวลานานแค่ไหน?

ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไง ?

ฉันใด ฉันนั้น การสร้างคนมิได้สร้างแค่วันสองวัน    ปีสองปี เหมือนการสร้างตึกรามบ้านช่อง แต่ที่แน่ ๆ ชาวบ้านนาจิหรีดได้ผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน จากการพัฒนาแบบระเบิดจากข้างใน บนพื้นฐานของภูมิสังคม ที่ในมุมมองของข้าพเจ้าจากการพัฒนาครั้งนี้ มันคงไม่ใช้วิธีการวิทยาศาสตร์อย่างที่ข้าพเจ้าร่ำเรียนมาเพียงอย่างเดียว แต่มันเป็น pseudoscience   หากจะมีการวิจัยสำหรับการพัฒนาครั้งนี้ก็คงเป็น action research ไม่ใช่ basic research

ในยุคที่ทุกอย่างรวดเร็ว  ว่องไว แต่ก็ยังช้ากว่าใจของมนุษย์ หากพัฒนาจากข้างใน(ใจ)  แม้จะดูเนิบ ๆ แต่ก็ไม่ช้า ไม่เร็วเกินไป(มีเหตุ มีผล)  ไม่มาก ไม่น้อย (พอเพียง) แต่ให้ผลลัพธ์ที่มั่นคง แข็งแรง (มีภูมิคุ้มกัน) ท้ายสุดเกิดความยั่งยืน มีความสุขให้กับผู้ได้รับการพัฒนา(สวรรค์บนดิน) หากสำเร็จทุกคนจะ ได้ขึ้นสวรรค์ในที่สุด(สวรรค์บนฟ้า)

ดังนั้น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงเหมาะสมสำหรับการพัฒนาแบบระเบิดจากข้างใน(ใจ) ที่สุด หากพอจะเขียนมาเป็นแผนภาพตามมุมคิด มุมมองของข้าพเจ้าก็คือ

จิต, ใจ

 

ทัศคติ

 

พฤติกรรมรายบุคคล

 

คนที่มีภูมิสังคมที่มีความหลากหลายในทัศนคติ

 

การระเบิดจากข้างใน (อิงแนว ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง)

 

คนในภูมิสังคมนั้นเกิดการระเบิดจากข้างใน   คนในสังคมนั้นไม่เกิดการระเบิดจากข้างใน

 

จิต, ใจ, ทัศนคติ, พฤติกรรมเปลี่ยน          จิต,ใจ,ทัศนคติ, พฤติกรรม ไม่เปลี่ยน

 

บุคคลเปลี่ยน (เกษตรกรตัวอย่าง)   คนไม่เปลี่ยน ภูมิสังคมไม่เปลี่ยน  โครงการไม่สำเร็จ

 

ภูมิสังคมเปลี่ยนโครงการการพัฒนาต่าง ๆ สำเร็จ

หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงถูกนำไปใช้

คนและสังคมที่เปลี่ยนก็ได้ขึ้นสวรรค์บนดิน

(มีความมั่นคงในชีวิต ยิ้ม หัวเราะ สุขภาพดี ครอบครัวอบอุ่น เป็นต้น)

ดั้งนั้นการจะพัฒนาคนในภูมิสังคมนั้น ๆ จุดเริ่มต้นที่สำคัญคือ เฟ้นหาบุคคลที่อาสาหรือเสียสละให้กับสังคมโดยเสียสละวางระเบิดให้กับใจตนเอง ซึ่งมีคนเหล่านั้นอยู่ในภูมิสังคมนั้นแน่นอน โจทก์คือนักพัฒนาจะต้องไปหาคนที่ว่านั่น คนคนนั้นคือ “คนหัวไวใจสู้” มาทำให้คนในภูมิสังคมที่เหลือคือ กลุ่มเบิ่งดูทีท่า เบิ่งตาลังเล หันเห หัวดื้อ มืองอจับเจ่า ไม่เอาไหนเลย ได้ดู ได้ศึกษา และเกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่องในยังบุคคลอื่น ๆ เหมือนปฏิกิริยาฟิวชั่นในดวงอาทิตย์

หากภูมิสังคมจะเปลี่ยนต้องมีคนหัวไวใจสู้มาก ๆ ในสังคมซึ่งก็คือ ดึงคนกลุ่ม กลุ่มเบิ่งดูทีท่า เบิ่งตาลังเล หันเห หัวดื้อ มืองอจับเจ่า มาเข้าพวกให้ได้

หลักการพัฒนาที่น่าสนใจจากท่าน ณฤทธิ์ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาก็คือ ถ้าหาเหตุของปัญหาที่แท้จริงของสังคมนั้นได้เร็ว ปัญหาของสังคมก็จะแก้ได้เร็ว เหมือนหมอวินิจฉัยโรคแม่น การจ่ายยาก็จะถูกต้อง ไม่เลี้ยงไข้ เพราะถ้าเลี้ยงไปนาน ๆ อาการดื้อยาก็จะเกิดขึ้น ส่งผลเสียหายต่อชีวิตคนไข้ได้

 จริง ๆ แล้วก็คงจะมาจากหลักของพระพุทธศาสนา คือ ค้นหาเหตุแห่งทุกข์ให้เร็ว  เราก็จะแก้ทุกข์เร็วเช่นกัน (มรรค 8)

ข้าพเจ้าร่ำเรียนมาทางด้านการเกษตรก็ได้ข้อสังเกตว่า พระเจ้าอยู่หัวท่านมีนามว่า “ภูมิพล”  ซึ่งสมเด็จย่าทรงตั้งพระนามดังกล่าวก็หวังว่า ให้พระองค์ท่านอยู่กับดิน อยู่กับประชาชนคนรากหญ้าของแผ่นดิน  

 โครงการต่าง ๆ ของพระองค์นั่นจึงมองจากภูมิสังคมและเริ่มจากการพัฒนาดิน ก่อนจะพัฒนาแหล่งน้ำ ตามด้วยสิ่งที่ใช้ประโยชน์จากดินและน้ำ ตรงไหนมีดิน พระองค์จะทรงประทับอยู่ที่นั่นเสมอ

ภาษาวัยรุ่น ท่านทรงติดดินมาก

จากการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ตลอดการเดินทาง คิด วิเคราะห์ก็ทำให้ข้าพเจ้ามาร้องอ๋อ!!!!   ตรงนี้เอง  

“ภูมิพล ภูมิสังคม”

จากที่ได้กล่าวมาในเนื้อหารวมทั้งแผนภาพมุมคิด มุมมองของข้าพเจ้า สามารถสรุปได้ว่า

การระเบิดจากข้างใน ทำให้คนได้ขึ้นสวรรค์จริง ๆ

                                                                                                                ดร.อุทัย   โคตรดก

                                                                                                                คนเคยไปสะหวันฯ

หมายเลขบันทึก: 412055เขียนเมื่อ 5 ธันวาคม 2010 11:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 12:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท