จากเหตุการณ์ที่ลูกหงุดหงิดที่พ่อแม่ขี้บ่น ในมุมมองของแม่คือ "สอน" แต่ลูกมองว่า "บ่น" ก็เลยปล่อยให้ระบายเต็มที่ไปเลย คืออยากรู้ว่าลูกคิดอะไร จะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด คุณวัยรุ่น...
ลูก : ทีพ่อแม่ว่าหนูได้ แต่หนูว่าพ่อแม่ไม่ได้
แม่ : ไหนลองบอกมาซิว่าไม่ได้อย่างไง ก็เห็นว่าทุกที
ลูก : ก็ว่านั่นล่ะ แต่ก็บาปใช่มั้ยล่ะ
แม่ : (แอบขำในใจ เออ ! รู้จักกลัวบาปซะด้วยนะ) เอ้า ! ลองว่ามา
ลูก : (เงียบ) ทีพ่อทำผิดก็ไม่ว่า ว่าแต่หนู แม่ก็เคยทำผิด
แม่ : ผู้ใหญ่ก็เคยทำผิดทั้งนั้นล่ะ แต่ก็พยายามปรับปรุงกันอยู่ ก็ต้องปรับปรุงพร้อมกันทั้งบ้านนั่นล่ะ ..........(อธิบายอีกยาว)
ลูก : (ยังคร่ำครวญไม่เลิก)
แม่ : (ชักยั๊วะ แล้ว อารมณ์เริ่มขึ้นก็เลยเปลี่ยนแผน ) งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน พ่อก็ไม่ดี แม่ก็ไม่ดี โทรแจ้งกรมแรงงานไปเลย มาจับพ่อแม่ไปเข้าคุกมันเลย ใช้แรงงานเด็กอยู่นั่นล่ะ ดีมั้ย แล้วแจ้งตำรวจไปด้วยที่พ่อชอบ download ข้อมูลจาก internet ให้ตำรวจจับขังคุกไปเลย สะใจดี ...(แล้วเราก็แกล้งไปกดโทรศัพท์อยากรู้ว่าลูกจะอย่างไง)
ลูก : (กระโดดพุ้งเลย มากดวางโทรศัพท์)
แม่ :(เข้าแผน...เหตุการณ์สงบ)
จากวันนั้นมาลูกก็ดูจะเข้าใจพ่อแม่มากขึ้นว่า...กิจกรรมทุกอย่างในครอบครัวเราต้องร่วมกันทำ ลูกก็ต้องมีหน้าที่ดูแลพ่อแม่ด้วย ไม่ใช่เรียกร้องจากพ่อแม่ฝ่ายเดียว คือที่จริงก่อนเกิดเหตุการณ์นี้มาจากช่วงปิดเทอมไปอยู่บ้านยายแล้วบรรดาตายายตามใจกันถ้วนหน้า ครบสูตร...ตื่นสาย จะกินอาหารมีเสริฟพร้อม งานบ้านไม่ต้องทำ นอนอ่านหนังสือ เล่นเกม เล่นหมา ดูทีวีสบายทั้งวัน พอเปิดเทอมกลับมาอยู่บ้านพักที่โรงพยาบาลก็ลืมสิ่งที่ควรทำ...เลยต้องปรับพฤติกรรมชุดใหญ่กันหน่อย...นานๆทีก็ดีเหมือนกัน
ก็ใครอยากลองใช้ ก็ต้องรู้พื้นอารมณ์และพฤติกรรมของลูกตัวเองก่อนนะคะ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ แทนที่จะดีขึ้น เพราะตัวเองก็กลัวๆว่าลูกจะเก็บกดเหมือนกัน แต่พอวันนั้นก็สังเกตว่าไม่มีเรื่องเก็บกดนะค่ะ เพียงแต่รู้จักปล่อยอารมณ์ให้เหมาะสมขึ้น ไม่ใช่นึกจะพูด นึกจะว่าก็ว่า ต้องรู้จักดูอารมณ์ผู้ใหญ่ด้วย แม่ก็จะวัยทอง พ่อก็จะขี้บ่น
ผู้ใหญ่ก็แอบมาคุยกันด้วยว่าเบาๆบ่นหน่อย แล้วดูลูกก่อน เพราะเวลาไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยก็ทำทุกอย่างได้เอง แล้วดูแลยาย และเพื่อนๆได้อีกต่างหาก ต้องรู้จักให้โอกาส
สรุปว่า "บอกได้ แต่อย่าบ่น มันน่าเบื่อ"
ขออนุญาตแบ่งปันความรู้สึกหน่อยนะครับ
เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมรู้สึกเสียใจที่ระงับอารมณ์ไม่ได้ พูดรุนแรงกับลูกไป (ลูกผมอายุ ๕ ขวบ) เขาคงไม่ติดใจอะไรแต่เราก็รู้สึกผิด เขางองแงจะให้ผมซื้อวิตามินซีให้ แต่ผมไม่ได้ซื้อให้เพราะเห็นว่าเคยซื้อให้แล้วเขาเอาไปทิ้งเล่น ไม่ได้กิน จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อไม่ได้ ราคามันก็ไม่ได้แพง แต่เรารู้สึกมันไม่คุ้มค่า พออธิบายให้เขาฟังเขาก็ไม่ยอมรับรู้แล้วเอาแต่ร้องไห้ หลังจากกลับมาบ้านเขานอนหลับไปพอตื่นขึ้นมาตอนเย็นผมก็เรียกเขามา แล้วบอกถึงความไม่เหมาะสมในพฤติกรรมของเขา และบอกเขาว่าไม่ควรทำอีกนะ เขาก็รับปากว่าจะไม่ทำอีก แล้วเราก็ไปลอยกระทงกันอย่างมีความสุข
บทเรียนครั้งนี้บอกให้ผมรู้ว่า อย่าคิดว่าเรามีอารมณ์ได้เพียงฝ่ายเดียว เพราะลูกเราเขาก็เป็น คน เช่นเดียวกับเรา เวลาต่างฝ่ายต่างมีอารมณ์จึงยังไม่ควรเข้าปะทะ รอเวลาสักพักหนึ่งแล้วค่อยคุยกันน่าจะดีกว่า
ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้ระบายออกนะครับ
ดีใจจังเลยครับที่ได้มีโอกาสรู้จัก คุณพ่อ-คุณแม่ ที่ดูแลเอาใจใส่ต่อการอบรมปลูกฝังคุณลูกด้วยจิตวิญญาณอย่างแท้จริง
ขอบคุณนะครับที่ได้แนะนำการเรียนรู้ และองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ แล้วจะแวะเข้ามาเยี่ยมชมอีกนะครับผม
สวัสดีค่ะ มาอ่านเรื่องนี้แล้วชอบจังเลยค่ะ เป็นพ่อแม่จากจิตวิญญาณ ไว้จะมาเรียนรู้อีกนะคะ ขอบคุณค่ะ
* ดีใจมากที่ได้มาเป็นสมาชิก ได้ความรู้และวิธีการสอนลูกหลายอย่าง
*รบกวนช่วยบอกกันบ้างนะคะถ้ามีกิจกรรมดี ๆ สำหรับลูก จะไปร่วมด้วยค่ะ