ชีวิตที่พอเพียง : ๑๑๑๕. ความเจ็บป่วย


          ผมเป็นคนที่มีโรคมาก แต่สุขภาพดี  ไม่ค่อยมีอาการเจ็บป่วยจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อมาเป็นเวลานานแล้ว  เข้าใจว่าส่วนสำคัญมาจากการออกกำลังกายเป็นประจำ   และระมัดระวังเรื่องอาหารการกินพอสมควร   และโรคที่เป็นก็ได้รับยาควบคุมอยู่อย่างดี

          วันที่ ๒๐ ก.ย. ๕๓ ผมกลับจากออสเตรเลียพร้อมกับอาการหวัด น้ำมูกไหล ไอ และจามบ่อย  แต่ไม่ปวดหัว ไม่เมื่อยตัว   ยังทำงานได้ตามปกติ  และไม่ต้องกินยาแก้หวัดใดๆ 

          ระหว่างวันที่ ๓ – ๖ ต.ค. ผมไปประชุมที่บาหลี อาการนี้ก็ยังคงอยู่   เมื่อกลับจากบาหลีผมรีบโทรศัพท์บอกสาวน้อยให้ช่วยซื้อยาปฏิชีวนะรักษาไซนัสอักเสบ   เพราะเริ่มมีอาการปวดที่โพรงจมูกและโหนกแก้ม  และเมื่อก้มศีรษะจะปวด  รวมทั้งเมื่อตบที่ท้ายทอยจะปวดตื้อๆ ที่โพรงจมูกและโหนกแก้ม   อาการนี้เกิดตอนเช้าวันที่ ๖ ต.ค. 

          และในวันที่ ๗ ต.ค. ผมก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปขอโทษ ทาง IHPP ว่าของดการเดินทางไปร่วมประชุมที่หัวหินในระหว่างวันที่ ๘ – ๑๐ ต.ค. เรื่อง “เครื่องชี้วัดภาระโรค – Burdens of Disease และปัจจัยเสี่ยง”  เพราะความเจ็บป่วยบอกสัญญาณว่าควรพักผ่อน   ทั้งๆ ที่ผมอยากไปเรียนรู้เรื่องนี้มาก   แต่ก็ตระหนักว่าหากปล่อยให้เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรังแล้ว จะยุ่งยากต่อชีวิตมากยิ่งกว่า    

          เย็นวันที่ ๗ ต.ค. ผมก็ได้ยาเม็ด “ยูนาซิน (Unsyn)” ขนาดเม็ดละ 750 มก. จำนวน ๑๖ เม็ดมากินครั้งละ ๑ เม็ดวันละ ๒ ครั้ง หลังอาหาร   โดยต้องกินจนหมด  ผมได้เห็นความก้าวหน้าของเม็ดยาที่มีลักษณะเคลือบฟีล์ม   และตัวยาก็เป็นเพนนิซิลลินตัวใหม่ที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน คือ ซัลตามิซิลลิน  รวมทั้งผมสังเกตว่าเอกสารกำกับยาสำหรับผู้ป่วยก็จัดทำอย่างดี อ่านง่าย และตัวอักษรใหญ่พอสมควร คนแก่อย่างผมก็อ่านออก 

          ที่จริงหมอผู้สั่งยา ให้ยา Xyzal (Levocetirizine diHCL 5mg) มา ๑๐ เม็ด ระบุให้กินหลังอาหารเย็น ๑ เม็ด  แต่ผมเห็นว่าน้ำมูกไม่มากนักและไม่คัดจมูกผมจึงไม่กิน   จนเย็นวันที่ ๑๓ ต.ค. ผมเล่าให้ ศ. พญ. ชนิกา ตู้จินดาฟัง   ท่านแนะนำให้กิน จะได้ลดน้ำมูกในท่อหายใจ   ผมจึงเริ่มกินตั้งแต่คืนนั้น  และกินทุกคืนแม้ยา ยูนาซินจะหมดแล้ว

          วันอาทิตย์ ที่ ๑๗ ต.ค. ผมก็ยังไม่รู้สึกว่าสุขภาพเต็มร้อย  แม้จะเดินทางไปไหนมาไหน และทำงานได้ตามปกติ   จึงต้องระวังตัวเต็มที่  

          เช้าวันพุธที่ ๒๐ ต.ค. ฝนตก ออกไปวิ่งไม่ได้  นั่งอ่านหนังสือ น้ำมูกใสๆ ไหลออกมา   พอสั่งน้ำมูก สาวน้อยทักว่าเป็นหวัดอีกแล้วหรือ   ผมตอบด้วยการจาม ๒ ที

          บ่ายวันที่ ๒๓ ต.ค. อ. หมอปรีดา มาลาสิทธิ์ โทรศัพท์ไปหา (ผมอยู่ที่ชุมพร) และทักว่าผมเสียงอู้อี้ จึงเล่าความเจ็บป่วยข้างต้นให้ฟัง   ท่านบอกว่าไม่ควรทิ้งไว้ ควรตรวจโดยส่องกล้องดูให้มั่นใจ   ผมบอกว่าบ่ายวันที่ ๒๗ ผมจะไปประชุม R2R ที่ศิริราชอยู่แล้ว   สะดวกที่จะตรวจตอนนั้น   อ. หมอปรีดาบอกว่าจะจัดการนัดให้

          ค่ำวันนั้น อ. หมอเชิดชัย นพมณีจำรัสเลิศ ก็ติดต่อบอกว่านัด อ. มล. กัญญ์ทอง ทองใหญ่ ให้ผมไปตรวจที่แผนกหูคอจมูก ตึกผู้ป่วยนอกชั้น ๕ ห้อง ๓๒ เวลา ๑๓.๐๐ น. โดยจะให้เจ้าหน้าที่ของ R2R ช่วยพาไป

           ถึงวันนัดผมก็ได้รับการตรวจอย่างดี   โดยเมื่อซักประวัติเห็นความเรื้อรังของอาการ อ. หมอกัญญ์ทอง ก็บอกให้ไปที่ห้อง ๑๓ ไปพ่นยาแก้ปวดและทำให้จมูกโล่ง   ไปถึงพยาบาลให้นั่งเก้าอี้ชุดเครื่องส่องกล้อง  เอาน้ำยา ๒ ชนิดมาพ่นเข้าไปในจมูกข้างซ้าย ๗ ฟืด ข้างขวา ๘ ฟืด เหมือนกันทั้ง ๒ ชนิด  แล้วนั่งรอให้ยาออกฤทธิ์   โดยในห้องนั้นมีเก้าอี้นั่งและชุดกล้องส่อง ๒ ชุดนั่งคนละฝั่งของห้องหันหน้าเข้าหากัน  ผู้ป่วยอีกคนหนึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ท่าทางเป็นชาวบ้าน นั่งอยู่ก่อน   ห้านาทีต่อมาก็มีแพทย์ประจำบ้านมาดึงเอาผ้าก๊อซยาวๆ ออกมาจากจมูกข้างหนึ่ง   ผมนึกในใจว่าคุณป้าได้รับยาชาโดย packing คงจะต้องตรวจหนักกว่าผม   แล้วแพทย์ประจำบ้านก็เอากล้องส่องซึ่งยาวประมาณคืบหนึ่งและขนาดเล็กสักครึ่งหนึ่งของดินสอ ใส่เข้าไปในจมูกคุณป้า   ผมนั่งอยู่ตรงข้ามกับจอ จึงได้เห็นภาพจะจะว่าภาพของการตรวจโดยใช้กล้องส่องโพรงจมูกเป็นอย่างไร  หมออธิบายให้คุณป้าและญาติฟังว่าจมูกข้างหนึ่งตันเพราะอะไรผมฟังไม่ถนัด

          นั่งรอสัก ๑๐ นาที อ. หมอกัญญ์ทองก็วิ่งเข้ามาในห้อง (เกือบบ่ายโมงครึ่งแล้วยังไม่ได้รับประทานอาหารเที่ยง และบ่ายก็มีงานสอนอีก) เอากล้อง rhinoscope ส่องจมูกผมทีละข้าง   โดยขยับจอให้ผมมองเห็นสะดวกและอธิบายให้ฟัง ว่าถ้ามีความผิดปกติจะเห็นหนองไหลออกมาจากตรงไหน เห็นแผล หรือบวมแดงตรงไหน  สรุปว่าปกติยกเว้นแผลตรงรูจมูกตื้นๆ ที่คงจะเกิดจากแคะจมูก

          แล้วท่านก็ให้ผมนั่งโยกตัวไปข้างหน้านิดหน่อยเพื่อส่องกล้องดูกล่องเสียงและคอ (laryngoscopy)   เมื่อเห็นกล่องเสียงก็ให้ร้องอาๆๆๆ ยาวๆ ก็เห็นกล่องเสียงเปิด  และเห็นเข้าไปในท่อหายใจ  แต่ยังเห็นไม่ดี ท่านบอกให้ร้องอ้าๆๆๆเสียงสูงหน่อย  คราวนี้เห็นชัดมาก และเห็นในหลอดลมมีสีแดงๆ นิดหน่อย แสดงว่าหลอดอาหารอักเสบนิดหน่อย  ท่านชมว่าผมเป็นคนไข้ที่ร่วมมือกับหมอดีมาก  ท่านไม่เคยได้เห็นภาพชัดแบบนี้เลย   และถามว่าผมมีอาการ reflux (อาหารหรือน้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนกลับ) ไหม   ผมตอบว่าไม่มี   ท่านบอกว่าแสดงว่ายังมีหลอดอาหารอักเสบนิดหน่อย  ต้องการยาให้หายเร็วๆ เช่นสตีรอยด์ ไหม  ผมตอบว่าไม่เอา ขอหายเอง   (ผมเป็นเบาหวานระยะไม่มีอาการกินสตีรอยด์แสลงครับ) 

          ส่องกล้องเสร็จท่านคลำหาก้อนที่คอของผม พร้อมกับกล่าวว่าตรวจ complete ENT exam ให้เสียเลย   เป็นอันตรวจเสร็จในเวลาไม่ถึง ๑๐ นาที

          ขณะที่นั่งพิมพ์ตอนนี้ (เช้ามืดวันที่ ๒๘ ต.ค.) ผมก็ยังมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลนิดหน่อย

          ขอขอบคุณท่านที่กล่าวนามทุกท่าน ที่ช่วยกันทำให้ผมสบายใจว่าไม่ได้เป็นมะเร็งโพรงจมูก

          บันทึกต่อเช้าวันที่ ๗ พ.ย. ๕๓  ผมรู้สึกว่าสุขภาพกลับมาปกติ ๑๐๐% แล้ว

 

 

วิจารณ์ พานิช
๗ พ.ย. ๕๓
      
       

หมายเลขบันทึก: 407082เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2010 13:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 15:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ดีใจค่ะที่ คุณหมอ สุขภาพกลับมาปกติ ๑๐๐% แล้ว...ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงเร็ว..พวกเราต้องเฝ้าระวังสุขภาพเช่นกัน..ฝากรำลึกถึง คุณหมออมรา ด้วยค่ะ.

ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นนะครับ แวะเข้ามาอ่านนะครับ พอดีผมได้ศึกษาการดูแลสุขภาพแบบใหม่ครับ เขาบอกว่าการที่จะมีสุขภาพที่ดีต้องประกอบด้วย 5 ขั้นตอน 1.การดื่มน้ำ ครับ 2.การออกกำลังกาย 3.การล้างสารพิษ 4.การบำรุง 5.การดูแลเฉพาะด้าน ส่วนมากคนเราจะขาดเรื่องของการล้างสารพิษครับ เพราะส่วนมาผมได้รู้มาว่าโรคร้ายต่างๆๆเกิดขึ้นมาจากการบริโภคของเรา

และน่าจะหันมาแก้ไข้ที่ต้นเหตุคือการบริโภค และลีกเลี่ยงยาเคมีแต่มาใช่สารอาหารบำบัด และฝึกสมาธิให้จิตใจสงบ ครับ...

เมื่อเช้าวันที่ ๓๑ กะปุ๋มมองข้างหลังอาจารย์ดูท่าอิดโรย เมื่อได้เจอหน้าอาจารย์และกราบทักสวัสดี พบความซูบลงไป จึงได้เปลี่ยนเป็นทักว่า "อาจารย์ดูผอมลง"... ภาพเบื้องหน้าสะท้อนถึงเรื่องราวที่อาจารย์เล่ามาทั้งหมด...ข้างต้น

ขอบพระคุณค่ะ ขณะที่อ่านทำให้ได้มองเห็นภาพความคิดของตนเองที่ปรากฏว่า หากสำหรับตนเองแล้วจะทานยาหรือไปรักษาเช่นนี้หรือไม่ คำตอบก็คิดว่า...คงไม่ ไม่ใช่ไม่เชื่อในกระบวนการรักษา แต่ใจนั้นศรัทธาต่อ ธรรมชาติ... มากยิ่งกว่าค่ะ

กะปุ๋ม

พันธนันท์ อิสรีย์ธนกร

อยากทราบว่า ยาให้ยา Xyzal (Levocetirizine diHCL 5mg) มีสเตียรอยด์หรือไม่คะ เพราะดิฉันทานทุกวันกลัวว่าจะมีผลข้างเคียง รบกวนช่วยตอบด้วยค่ะ จะเป็นพระคุณมาก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท