รัฐบาลเทกระเป๋าประชานิยมหลังน้ำท่วมสี่ภาคลงทุนเสี่ยงหาเสียง "ยกเว้นการสอบเครดิตบูโร"


วานนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้มีมติเห็นชอบมาตรการของกระทรวงการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2553 เพิ่มเติมจากมาตรการฯ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา โดยประกอบด้วยมาตรการด้านการเงินและการคลัง ดังนี้ มาตรการด้านการเงิน โดย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต โดย ธ.ก.ส.ผ่อนผันเงื่อนไข ดังนี้  ลดอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 คิดดอกเบี้ยอัตรา MRR-2 โดยใน 3 เดือนแรกของปีแรกคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 0   ปีที่ 4-5 คิดอัตรา MRR-1   ตั้งแต่ปีที่ 6 ขึ้นไป คิดดอกเบี้ยอัตรา MRR  ลดหย่อนหลักเกณฑ์การกู้เงินโดยใช้ที่ดินจำนอง หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนองเป็นหลักประกันให้ลูกค้าได้ไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาประเมินที่ดิน หรือราคาประเมินที่ดินและราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างรวมกัน โดยมีมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อฟื้นฟูจากปัญหาอุทกภัย เพื่อเป็นการช่วยเหลือทางการเงินแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถปรับปรุงพัฒนาและซ่อมแซมแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นจากปัญหาอุทกภัย ธ.ก.ส. จึงได้ผ่อนปรนเงื่อนไขการให้สินเชื่อเป็นกรณีพิเศษ โดยคิดดอกเบี้ยที่อัตรา MLR-2.25

          ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)  ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภายหลังที่สถานการณ์น้ำท่วมได้ลดระดับลงแล้ว   สำหรับลูกหนี้เดิม  กรณีที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือร้อยละ 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามประกาศธนาคาร และให้ผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 1 ปี 

          ในกรณีที่ได้รับผลกระทบเรื่องรายได้ ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือร้อยละ1 เป็นระยะเวลา 1 ปี หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามประกาศธนาคารกรณีเสียชีวิต / ทุพพลภาพถาวร ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 0.01 ตลอดระยะเวลากู้ที่เหลืออยู่ กรณีอาคารเสียหายทั้งหลังจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ส่วน ภาระหนี้ตามยอดหนี้คงเหลือในส่วนของอาคาร ให้กู้เพิ่มหรือกู้ใหม่เพื่อปลูกสร้างอาคารทดแทนอาคารเดิม / ซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย ในกรณีอาคารได้รับความเสียหาย : อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี หลังจากนั้นกรณีรายย่อย MRR -0.5 ต่อปี กรณีสวัสดิการ MRR-1.00 ต่อปี

          ทางธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในปี 2553  โดย กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย : ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับความเสียหาย หรือได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในปี 2553 วงเงิน : 5,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ : สิ้นสุดวันรับคำขอกู้ 30 เมษายน 2554  โดย คุณสมบัติผู้กู้ : - เป็นผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เป็นบุคคลธรรมดา (ไม่จำกัดอายุ) หรือนิติบุคคล ที่มีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และมีสถานประกอบการตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่มในปี 2553 ตามประกาศของทางราชการ และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยฯไม่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์ ขายทอดตลาดทรัพย์ล้มละลาย ยกเว้นคดีลหุโทษ  ส่วน วัตถุประสงค์การกู้ : เพื่อใช้ปรับปรุงซ่อมแซม ฟื้นฟูกิจการ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน วงเงินสินเชื่อต่อราย : วงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท ตามความจำเป็นของกิจการ ประเภทสินเชื่อ : เงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term Loan) ระยะเวลากู้ยืมสูงสุด  ไม่เกิน 6 ปี ระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้น (Grace Period) 2 ปี อัตราดอกเบี้ย : - ให้คิดดอกเบี้ยจากผู้กู้ในอัตราคงที่ร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดอายุสัญญากู้เรียกเก็บดอกเบี้ยจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในอัตราคงที่ร้อยละ 2 ต่อปีตลอดอายุสัญญา ซึ่ง ธพว. จะได้หารือ สสว ต่อไป

          โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ ยกเว้นค่าธรรมเนียมจัดทำสัญญาเงินกู้  ยกเว้นค่าธรรมเนียมชำระคืนเงินกู้ก่อนครบกำหนด(Prepayment Fee)  ไม่มีหลักประกัน (Clear Loan)  กรณีเป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกัน หรือกิจการที่มีผลประโยชน์ เกี่ยวข้องกัน ถ้าเป็นกิจการที่เข้าหลักเกณฑ์ของโครงการ แยกการดำเนินธุรกิจ และ/หรือ
สถานประกอบการได้อย่างชัดเจน อนุโลมให้สามารถเข้าโครงการได้ โดยสามารถกู้สูงสุดกิจการละไม่เกินวงเงินสูงสุดตามหลักเกณฑ์ของโครงการได้  ยกเว้นการตรวจสอบประวัติทางการเงิน (Credit Bureau) และไม่ต้องตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้กู้การเบิกจ่ายเงินกู้ให้เบิกจ่ายครั้งเดียวทั้งจำนวนที่ได้รับการอนุมัติ

          ทางธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ให้มีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มประเภทสินเชื่อ ได้แก่ สินเชื่อวงเงินเบิกถอนเงินสดและสินเชื่อวงเงินทุนระยะยาวพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง หรือตามความจำเป็น โดยไม่จำกัดวงเงิน  ในกรณีลูกค้าเก่าขอเพิ่มวงเงินสินเชื่อ หรือ ลูกค้าใหม่ ขอวงเงินสินเชื่อให้ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 3 เดือน นับระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 7 ปี สำหรับสินเชื่ออเนกประสงค์ และสินเชื่อวงเงินทุนระยะยาว ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 30 ปี สำหรับสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการสำหรับหลักประกันเป็นหลักทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกันโดยให้วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักประกัน  อัตรากำไรแยกตามประเภทสินเชื่อ ประเภทลูกค้าเก่า/ใหม่และผลกระทบที่ได้รับทางตรง/อ้อมได้แก่สินเชื่อเพื่อก่อสร้าง ซ่อมแซม/ต่อเติม ที่อยู่อาศัย และ/หรือ สถานประกอบธุรกิจ โดยคิดดอกเบี้ยในเรทเดือนที่ 1-3 เริ่มต้นที่ 1.0% ถึง 2.75% เดือนที่ 4-24 เริ่มต้นที่ SPRL - 2.50% ถึง  SPRL - 1.50%  ปีที่ 3 เป็นต้นไป SPRL - 1.50% ถึง SPRL - 0.50%

          สินเชื่อวงเงินทุนระยะยาวปีที่ 1 เริ่มต้นที่ SPRL  - 1.75% ถึง  SPRL - 0.25% ปีที่ 2 เริ่มต้นที่ SPRL - 1.25% ถึง  SPRL ปีที่ 3 เป็นต้นไป SPRL  ส่วนสินเชื่อวงเงินทุนหมุนเวียน และวงเงินเบิกถอนเงินสดปีที่ 1 เริ่มต้นที่ SPRR - 1.75% ถึง  SPRR - 0.25% ปีถัดไปให้พิจารณาตามความเหมาะสม สินเชื่อวงเงินอเนกประสงค์เดือนที่ 1-3 เริ่มต้นที่0.75% ถึง 2.00%  เดือนที่ 4-24 เริ่มต้นที่ SPRR + 6.25% ปีที่ 3 เป็นต้นไป SPRR + 7.25%  ทั้งนี้ อัตรากำไรข้างต้นเป็นไปตามประกาศของธนาคารในโครงการ "ibank ร่วมใจ...สู้ภัยน้ำท่วม"

          ทางธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ธสน.จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่ประสบความเสียหายจากภัยน้ำท่วมโดย ธสน. จะพิจารณาเป็นรายกรณี อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ หรือพิจารณาให้สินเชื่อหมุนเวียนเพิ่มเติม
          สำหรับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้มาตรการพักการชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันเป็นระยะเวลา 6 เดือน  สำหรับลูกค้า บสย. ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุการค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553  ถึง  30 กันยายน 2554   พร้อมทั้งมาตรการให้ความร่วมมือกับสถาบันการเงินที่ลูกค้าได้รับการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. ในการผ่อนปรนเรื่องการพักชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย รวมทั้งการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินต่อไปตามปกติ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เป็นลูกหนี้ NPL  หรือเป็นลูกหนี้ปกติที่ไม่มีหลักประกัน และขอสินเชื่อเพิ่มผ่านสถาบันการเงิน ยังสามารถขอรับการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme  ระยะที่ 2 ได้ โดย บสย. คิดค่าธรรมเนียมในปีแรกเพียงร้อยละ 0.75 ต่อปี  และปีต่อไปคิดค่าธรรมเนียมในอัตราปกติร้อยละ 1.75 ต่อปี ทั้งนี้ ต้องยื่นคำขอภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2553

          บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) มอบมาตรการช่วยเหลือพิจารณาพักชำระหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน  หรือปรับลดเงินงวด  หรือขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ออกไปรวมไม่เกิน 30 ปี และในกรณีที่ลูกค้ามีความประสงค์จะขอกู้เพิ่มเพื่อนำไปซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหาย บตท. จะเป็นผู้ประสานงานกับสถาบันการเงินเพื่อให้กู้เพิ่มต่อไป

          ด้านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ. กรุงไทย)  ธนาคารมีมาตรการให้ความช่วยเหลือ 7 มาตรการ ดังนี้ (เป็นมาตรการที่เพิ่มเติมในรายละเอียดจากมาตรการเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2553) ดังนี้ เงินกู้กรุงไทยสู้อุทกภัยให้วงเงินกู้ประจำ (T/L) วงเงินสูงสุด : ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงอัตราดอกเบี้ย : ปีที่ 1 ร้อยละ MLR-1  ปีที่ 2
เป็นต้นไป ร้อยละ MLR ต่อปีระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด :  5 ปี  โดยใช้หลักประกันเดิมตั้งเงินทุนหมุนเวียนกรุงไทยสู้อุทกภัย สำหรับเสริมสภาพคล่องให้ลูกค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมโครงการกรุงไทยสู้อุทกภัย สำหรับลูกค้าที่ต้องการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้โดยมีทางเลือก ดังนี้ ผ่อนชำระเงินต้นน้อย และชำระดอกเบี้ย
ตามเงื่อนไขพักชำระเงินต้น (Grace Period) นาน 6 เดือน และชำระดอกเบี้ยตามเงื่อนไขพักชำระเงินต้น (Grace Period) นาน 6 เดือน และชำระดอกเบี้ยบางส่วน

          สินเชื่อที่อยู่อาศัยกรุงไทยสู้อุทกภัย สำหรับลูกค้าที่ผ่อนชำระสินเชื่อกับธนาคารอยู่แล้ว และได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ธนาคารจะมอบวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมตามจำนวนเงินที่ได้ผ่อนชำระอัตราดอกเบี้ย : ปีที่ 1 ร้อยละ MRR-1.75 ปีที่ 2 เป็นต้นไป ร้อยละ MRR-0.5 ต่อปีระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด : 60 งวด  ธนาคารยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยบัญชีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกบัญชี – บัญชีที่ประสงค์จะโอนเงินเพื่อช่วยเหลือญาติพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัย

          โครงการกรุงไทยจับคู่ธุรกิจสู้อุทกภัย โดยจัด Business Matching ระหว่างผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหาย กับผู้ประกอบการที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรอุปกรณ์ และผู้รับเหมา เพื่อได้วัสดุที่ใช้เพื่อซ่อมแซมกิจการในราคาพิเศษ

          สินเชื่อเพื่อพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เพื่อฟื้นฟูหลังอุทกภัย)ให้สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอัตราดอกเบี้ย? : โอนสิทธิเงินฝาก : ตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ใช้เป็นหลักประกัน + ร้อยละ 1 ต่อปีหลักประกันอื่น/ไม่มีหลักประกัน : อัตราดอกเบี้ยเงินฝากบุคคลธรรมดาประเภท6 เดือน + ร้อยละ 1.75 ต่อปีระยะเวลาสูงสุด : 20 ปี และตามความสามารถในการชำระหนี้แต่ละราย โดยผู้ประกอบการต้องแสดงความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2553

          อนึ่ง สมาคมธนาคารไทยได้แจ้งว่าสมาคมธนาคารไทยจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินข้ามเขตไปยังพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยดำเนินการตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2553 จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

          สำหรับมาตรการด้านภาษี กระทรวงการคลังจะคิดให้การบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย (สำหรับการบริจาคให้ผู้ประสบอุทกภัยระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หักลดหย่อนเงินที่ได้บริจาคให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (เป็นตัวแทนรับบริจาคให้กับผู้ประสบภัย) เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำเงินหรือทรัพย์สินไปบริจาคผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (เป็นตัวแทนรับบริจาคให้กับผู้ประสบภัย) เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หักเป็นรายจ่ายได้ตามที่ได้จ่ายจริง โดยไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิในปีที่มีการบริจาคนั้น

          ภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการจดทะเบียนทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่นำทรัพย์สินหรือสินค้าไปบริจาคผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (เป็นตัวแทนรับบริจาคให้กับผู้ประสบภัย) เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ให้ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยไม่ให้ถือเป็นการขาย

          การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยตรง (สำหรับผู้ประสบอุทกภัยระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553) ภาษเงินได้บุคคลธรรมดา

          (1)   ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) (6)(7) และ (8) สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่ได้ลงทะเบียนไว้กับศูนย์หรือหน่วยงานให้ความช่วยเหลือของทางราชการ เท่าจำนวนความเสียหายโดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี

          (2)   ให้บุคคลธรรมดาผู้ประสบอุทกภัยซึ่งเป็นผู้รับบริจาค ช่วยเหลือหรือชดเชยที่มีมูลค่าไม่เกินความเสียหาย ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับการบริจาค ช่วยเหลือหรือชดเชยนั้น

          (3)        ให้บุคคลธรรมดาที่ได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นผู้รับบริจาคให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับการบริจาคนั้นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้  ยกเว้นภาษีให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่เป็นค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากการประกันภัยเพื่อชดเชยความเสียหายเฉพาะส่วนที่เกินมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินที่เหลือจากการหักค่าสึกหรือและค่าเสื่อมราคาแล้ว  ส่วนการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย  ภาษีมูลค่าเพิ่ม  ภาษีธุรกิจเฉพาะ  อากรแสตมป์ ที่จะต้องยื่นแบบในเดือนกันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม โดยให้นำไปยื่นภายใน 30 ธันวาคม 2553 ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

          ในความช่วยเหลือของ กรมบัญชีกลาง โดยที่สถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ยังมีความต่อเนื่องและอาจต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยโดยใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการ ดังนั้น เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย  กระทรวงการคลังจึงได้อนุมัติให้จังหวัดที่เกิดอุทกภัยในครั้งนี้ ทุกจังหวัดและส่วนราชการที่มีวงเงินทดรองราชการปฏิบัตินอกเหนือระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติมรวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 ได้ ทั้งนี้ นับแต่วันที่ได้มีการประกาศภัยพิบัติ

          เนื่องจากจังหวัดและส่วนราชการที่ใช้จ่ายเงินทดรองราชการต้องรวบรวมเอกสารหลักฐาน เพื่อขอรับจัดสรรเงินงบประมาณจากสำนักงบประมาณ เพื่อชดใช้คืนเงินทดรองราชการในภายหลัง ดังนั้น จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินทดรองราชการดังกล่าว ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยด้วย

          กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1377/2553 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2553 แต่งตั้งคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของกระทรวงการคลังขึ้น โดยมี อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธาน ผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินของรัฐ เป็นกรรมการ มีอำนาจหน้าที่จัดตั้งศูนย์บริการประชาชนในจังหวัด
ที่เกิดอุทกภัยขึ้น ณ สำนักงานคลังจังหวัด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ตามนโยบายของกระทรวงการคลัง

          นอกจากนี้แล้ว ในการดำเนินมาตรการด้านการเงินของสถาบันการเงินของรัฐตามที่กล่าวข้างต้น กระทรวงมหาดไทยมีการให้เงินช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยครอบครัวละ 5,000 บาท โดยจะให้ดำเนินการผ่านธนาคารออมสิน

          พิมพ์ไทย  มติชน  2  พฤศจิกายน  2553

หมายเลขบันทึก: 406036เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2010 13:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 20:21 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท