ตำรวจชั้นประทวนปริญญาตรี (หัวอกคนเป็นตำรวจ)


เหตุผลที่กระทำดังนั้น เสมือนเป็นการ “ดับฝัน” และเป็นการ “ปิดปาก” ตำรวจชั้นประทวนทั้งหลายจำนวนเกือบสี่หมื่นคนที่มีวุฒิปริญญาตรีอยู่เดิมอย่างสิ้นเชิง โดยกระทำอันเป็นการชี้ให้เห็นว่า “ผู้มีคุณวุฒิปริญญาตรี” อยู่แล้ว ยังรับเข้ามาบรรจุและแต่งตั้งเป็นตำรวจชั้นประทวนยศ “สิบตำรวจตรี” เท่านั้นได้เลย

วันนี้ขออนุญาต นำบทความของท่าน

พล.ต.อ.วิสุทธิ์  กิตติวัฒน์นายกสมาคมตำรวจ

มาเผยแพร่คับ

บทความจาก Cop’s Magazine ฉบับ ต.ค.2553 คอลัมน์ หัวใจสีกากี

ตำรวจชั้นประทวนปริญญาตรี
โดย พล.ต.อ.วิสุทธิ์  กิตติวัฒน์ นายกสมาคมตำรวจ

ภาพโดย :google 



   ในวงการตำรวจ ข้าราชการตำรวจ “ชั้นสัญญาบัตร” คือผู้ที่มียศร้อยตำรวจตรีขึ้นไป มักจะมีความฝันสูงสุดไว้ ที่ขอให้ได้รับยศเป็นนายพลตำรวจ แต่ในระหว่างข้าราชการตำรวจ “ชั้นประทวน” คือผู้ที่มียศสิบตำรวจตรีถึงดาบตำรวจ จะมีความปรารถนาในเบื้องต้นว่า ขอให้ได้รับการเลื่อนเป็นนายตำรวจ “ชั้นสัญญาบัตร” ติดดาวบนบ่า เป็น “นายร้อย” ก็พอแล้ว โดยที่ยังไม่ได้มองไปถึงการเป็น “นายพัน” “นายพล” แต่อย่างใด

   ปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีกำลังข้าราชการตำรวจ ทั้งสิ้น 211,112 นาย เป็นชั้นสัญญาบัตร 33,225 นาย และชั้นประทวน 177,887 นาย

   เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ข้าราชการตำรวจชั้น “สัญญาบัตร” จะมีศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิสูงกว่า ข้าราชการตำรวจชั้น “ประทวน” แต่ในสัดส่วนที่สูงต่ำกว่ากันเกินความเป็นจริง ทั้งๆ ที่ตำรวจชั้นประทวนเป็นกำลังหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่สำคัญที่สุดในสายตาของประชาชน จะมองและปฏิบัติต่อตำรวจชั้นประทวนในสายตาที่ไม่ให้เกียรติ และความเชื่อถือเท่าที่ควร ไม่ว่าโดยเนื้อแท้แล้ว ตำรวจชั้นประทวนผู้นั้น เหล่านั้น จะมีความรู้ ความสามารถ ความประพฤติที่สูงเพียงใด หรืออีกนัยหนึ่งในสังคมไทย “การกระทำและแม้แต่คำพูด” ของนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร จะมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่าเสมอ

   ช่องว่างระหว่างข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร และชั้นประทวนดูจะกว้างเกินไป สำหรับผู้ที่มีอาชีพเดียวกัน รู้สึกไม่เป็นธรรมเสียเลย เป็นเรื่องที่ทั้ง “น่าน้อยใจ และบั่นทอนขวัญกำลังใจ” อย่างยิ่ง

   โดยหลักทั่วไป ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร จะมีพื้นฐานการศึกษาเบื้องต้นในระดับปริญญาตรีขึ้นไป เว้นแต่ประเภท “จ่าสอบเป็นนายร้อย” ซึ่งมักมีการเปิดสอบปีละจำนวนไม่มากนัก ดังนั้นจึงเกิดความรู้สึกที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของข้าราชการตำรวจชั้นประทวนทั่วไปว่า ประตูแห่งความฝันที่จะเปิดให้เขาสามารถก้าวเข้าไปสู่การเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ก็คือต้องมี การศึกษาระดับปริญญาตรี คำว่า “ปริญญาตรี” จึงเป็นวลีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาไปโดยปริยาย ความเชื่อนี้ก่อให้เกิดพฤติกรรม “ใฝ่ดี” กันอย่างแพร่หลายในแวดวงตำรวจชั้นประทวน ด้วยการขวนขวายเพิ่มวิทยฐานะโดยการไปศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมภาคพิเศษในตลาดมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นจำนวนมาก สะสมกันมานับเป็นเวลาสิบๆ ปี จนถึงปัจจุบันมีตำรวจชั้นประทวนที่มีวุฒิปริญญาตรีหรือสูงกว่ามีจำนวนหลายหมื่นคน โดยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมิได้ให้ความสนใจที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง การเปิดสอบเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรในแต่ละปีก็น้อยมาก จึงมีการเรียกร้องจากข้าราชการตำรวจเหล่านี้ในช่องทางต่างๆ อยู่เสมอ การเพิกเฉยและไม่ลงไปแก้ปัญหาอย่างจริงจังทำให้เกิดเป็นปัญหาดินพอกหางหมู นับวันตำรวจชั้นประทวนที่มีวุฒิปริญญาตรีได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นจนน่าตกใจ

   ในที่สุดเมื่อปี พ.ศ.2551-2552 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แก้ปัญหาอย่างกลับตาลปัตร ด้วยการใช้วิธีรับบุคคลภายนอกผู้ที่มีวุฒิปริญญาตรีเข้ามาบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ยศ “สิบตำรวจตรี” รวม 2 ปี จำนวน 9,030 นาย ทำให้ขณะนี้ ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนมีคุณวุฒิปริญญาตรีขึ้นไป รวมทั้งสิ้น 47,931 นาย (ปริญญาโท 624 นาย)

   เหตุผลที่กระทำดังนั้น เสมือนเป็นการ “ดับฝัน” และเป็นการ “ปิดปาก” ตำรวจชั้นประทวนทั้งหลายจำนวนเกือบสี่หมื่นคนที่มีวุฒิปริญญาตรีอยู่เดิมอย่างสิ้นเชิง โดยกระทำอันเป็นการชี้ให้เห็นว่า  “ผู้มีคุณวุฒิปริญญาตรี” อยู่แล้ว ยังรับเข้ามาบรรจุและแต่งตั้งเป็นตำรวจชั้นประทวนยศ “สิบตำรวจตรี” เท่านั้นได้เลย ฉะนั้นพวกชั้นประทวนที่มีคุณวุฒิปริญญาตรีที่ค้างอยู่ก่อนแล้ว ก็ไม่ควรต้องมาอ้างและเรียกร้องอะไรอีก เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวเช่นนี้ เป็นการลดเกรดของการศึกษาของชาติ ไม่ยอมรับนับถือศักดิ์และสิทธิ์ของปริญญาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ และเป็นการเอาเปรียบฉวยโอกาสจากภาวะการว่างงานของพวกเขา ทำให้เขาต้องจำยอมรับตำแหน่งหน้าที่การงานที่ต่ำกว่าคุณวุฒิการศึกษาของเขาอย่างไม่เป็นธรรม

   แท้ที่จริงแล้ว ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเป็นกำลังหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วย กำลังพล ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด เป็นทั้งกล้ามเนื้อ แขนขา ในการลงแรงทำงาน และเป็นลำตัวที่คอยปกป้อง คุ้มครองอวัยวะสำคัญภายในทั้งหมดของร่างกายหรือองค์กรตำรวจ และที่สำคัญที่สุดพวกเขาเป็น “มดงาน” ที่รับภาระอันหนัก ในงานประจำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนใหญ่ไปปฏิบัติ

   ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมควรที่จะหันกลับลงมามองพวกเขาด้วยความเอาใจใส่และให้ความสำคัญอย่างที่พวกเขาควรจะได้รับ ให้ความเมตตา และความห่วงใย ทำนุบำรุงดูแล รักษาพวกเขาให้มีสภาพความเป็นอยู่และการทำงานที่ดีและเหมาะสม ทั้งควรปูหนทางไปสู่เกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ให้พวกเขาสามารถหลุดพ้นจาก “ปลักของความน้อยเนื้อต่ำใจ” ให้ได้รับเกียรติ ความภาคภูมิใจเท่าเทียมกับข้าราชการอื่นๆ ด้วยการวางแนวทางความก้าวหน้าที่ชัดเจนเหมาะสมและเป็นธรรม

   ตำรวจไทยได้รับค่าตอบแทนต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในโลกนี้ หากจะมีโครงการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ที่คาราคาซังมานาน ก็ควรจะกระทำให้เสร็จในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี ซึ่งนอกจากค่าใช้จ่ายทั้งค่าภาระผูกพันที่ตามมาคงจะรวมกันมิใช่น้อยแล้ว ก็อาจเกิดแรงกระเพื่อมอันเกิดจากการที่กำลังตำรวจในระดับชั้นสัญญาบัตรเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วปีละเป็นหมื่นนาย จนเกิดความปริวิตกกันโดยใช่เหตุว่า จะนำนายตำรวจสัญญาบัตรเหล่านี้ไปไว้ที่ไหน จำนวนเท่าใด ให้มีลักษณะหน้าที่และความรับผิดชอบอะไรบ้าง แต่ปัญหาเหล่านี้จะผ่านไปได้ด้วยแผนการบริหารงานบุคคลที่ชาญฉลาดและเป็นธรรม รวมทั้งนำความซื่อสัตย์และประสบการณ์การทำงานในชีวิตตำรวจที่ผ่านมาของแต่ละบุคคลมาประกอบการพิจารณาด้วย ก็จะทำให้เกิดการปรับตัวอย่างเป็นระบบและค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ

   อันจะนำไปสู่ความมีดุลยภาพของการพัฒนาบุคลากรในที่สุด และในวงการตำรวจก็จะไม่มี ระบบศักดินาขวาจัด ที่มีการ “แบ่งแยกกันด้วยยศและชั้น” รวมทั้ง “ปิดกั้นโอกาสกันด้วยวุฒิการศึกษา” อย่างชัดเจน โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่นอีกต่อไป

 

อ้างอิง

1. http://www.policebd51online.com/forum/index.php/topic,135.3950.htmlเว็บบอร์ กอป.51

 

ปล. หากเป็นลูกหลานของท่านล่ะรู้สึกเช่นไรแสดงความคิดเห็นได้

 

ทรงศักดิ์  เนียมเปีย:เผยแพร่

หมายเลขบันทึก: 405758เขียนเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2010 13:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:36 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (31)
  • มาให้กำลังใจตำรวจชั้นประทวนที่จบปริญญาตรีทุกคนครับ
  • บางคนจบโทจริงๆๆด้วย
  • มีหลายคนหนีมาเป็นอาจารย์ครับ
  • ขอให้เป็นกำลังใจให้ครับ

ขอบคุณหนึ่งกำลังใจที่มอบให้ ผมอ่านแล้วรู้สึกเห็นด้วย คล้อยตามเป็นอย่างมาก ในหลายประเด็น

เรื่องนี้ก็เห็นดวยนะค่ะเพราะว่าหนูก็เพิ่งจบ ป.ตรี นิติศาสตร์ มาค่ะและก็อยากสอบตำรวจด้วยและโดยส่วนตัวมองว่าอยากเป็นตำรวจ สำหรับหนูคิดว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย จะชั้นไหน ตำแหน่งจะต่างกันอย่างไร เราก็ตำรวจเหมือนกันถ้าคิดว่าตัวเองเป็นขั้นประทวนแล้วไม่ดีมาสมัครตำรวจตั้งแต่ที่แรกทำไมล่ะ หนูอยากให้เปิดสอบเร็วๆค่ะอยากเป็นตำรวจ ( เด็กรุ่นใหม่หัวใจอยากเป็นตำรวจค่ะ )

เรื่องนี้ก็เห็นดวยนะค่ะเพราะว่าหนูก็เพิ่งจบ ป.ตรี นิติศาสตร์ มาค่ะและก็อยากสอบตำรวจด้วยและโดยส่วนตัวมองว่าอยากเป็นตำรวจ สำหรับหนูคิดว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย จะชั้นไหน ตำแหน่งจะต่างกันอย่างไร เราก็ตำรวจเหมือนกันถ้าคิดว่าตัวเองเป็นขั้นประทวนแล้วไม่ดีมาสมัครตำรวจตั้งแต่ที่แรกทำไมล่ะ หนูอยากให้เปิดสอบเร็วๆค่ะอยากเป็นตำรวจ ( เด็กรุ่นใหม่หัวใจอยากเป็นตำรวจค่ะ )

ทำดีต้องได้ดีสิ

ขอบคุณทุกความคิดเห็น และทุกกำลังใจที่มอบให้คับ

เห็นด้วยปริญญาตรีไม่ควรไปสมัครยศประทวน  พ่อแม่เสียเงินมาเท่าไหร์ ยอม อดตายดีกว่าไปสมัคร

จบ รัฐศาสตร์ สอบ ปลัด 
จบนิติ สอบ อัยการ ครับ
จบ ม 6 สอบตํารวจ เพราะระบบราชการไทยทําได้แค่นี้ครับ

รัฐบาลน่าจะมองเห็นความสำคัญในการที่ชั้นประทวนไปเล่าเรียนเพิ่มเติมใครจบปตรีก็น่าจะมีการพิจารณาให้เป็นสัญญาบัตรเพื่อเป็นเกียรติแก่วงตระกูลแม้แต่ครูเขาก็ปรับกันแล้วทำงานเพื่อประเทศชาตินายควรจะมองเห็นก่อนหน่วยงานใดนะคะจะใช้เกณฑ์ปรับแบบใดขึ้นอยู่กับพวกท่านนั่นหละค่ะสมควรพิจารณาได้แล้วนะคะน่าสงสารตำรวจชั้นผู้น้อยมากๆๆๆๆๆๆจ้า

เห็นพี่ข้างบ้านท่านจบนิติศาสตร์มหาลัยรามคำแหงมาเป็น10ปีละมังค่ะยังต๊อกต๋อยใส่ชุดพี่ดาบอยู่เลยรัฐบาลสมควรปรับภาพพจน์ให้ทันสมัยทันยุกไฮเทคบ้างนะคะอย่ามัวล่าหลังการเลื่อนยศเหมือนกับให้ขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ค่ะแต่ท่านไม่ให้เขาเหล่านั้นก็ทำหน้าที่อยู่แล้วค่ะยอมตายเพื่อชาติอยู่แล้วอย่ารอให้เขาเหล่านั้นตายแล้วค่อยเลื่อนก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยเพียงแต่ออกความคิดเห็นแทนเฉยๆไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรค่ะ

จะไปคิดมากทำไม่ ทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ให้สอบเลื่อนเป็น สัญญาบัตรได้ คุณคิดว่า นายร้อยตำรวจ มันได้มาง่ายขนาดนั้น จะมีโรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยตำรวจเพื่ออะไร อะไร ที่ได้มาง่ายมันก็สูญง่ายหากคุณอยากได้แค่ยศฐาบรรดาศักดิ์แล้วคงจะอยากที่ จะทำเพื่อประชาชน 

ดาวที่มาง่ายๆๆ มีหรือเปล่าคะถามจริงตอบจริง


ตำรวจนะไม่ใช่พนักงานบริษัทฯ พวกคุณทุกคนเข้าใจอะไรกันผิดรึเปล่าไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิดนะใช่จะจบปริญญาตรีหรือแม้แต่ปริญญาโทและเอก หาใช่ว่าจะได้สวมชุดสึกากีกันได้ง่าย ๆ คุณต้องผ่านขั้นตอนมากมายกว่าจะได้ชื่อว่าคุณมีอาชีพเป็นตำรวจคิดใหม่ซะนะ

 

ผมว่าน่าจะพิจารณาตามอาวุโสก่อน...โดยกำหนดอายุราชการ 10 ขึ้นไป



ตำรวจปริญญาตรี ผู้รับใช้ชาติมานาน

       เรามี ตำรวจที่จบปริญญามากมายไม่จำเป็นต้องรับบุคคลภาคนอกวุฒิ ป.ตรีหรอกครับ ต้องมาบริหาร ตำรวจป.ตรี ภายในก่อนน่าจะดีกว่าเพราะตำรวจเขาเป็นทุกอย่างแล้วไม่ต้องเอาบุคคลภายนอกมาฝึกซ้ายหัน-ขวาหันกันใหม่และไม่ต้องเสียงบประมาณอีกมากมาย ควรให้สวัสดิการตำรวจหน่อยครับท่านเพื่อขวัญและกำลังใจ

     นโยบายก็ให้ตำรวจมั่นศึกหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อความก้าวหน้า และเสริมส้างหน่วยงานตำรวจให้มีความมั่นคงเทียบเท่าหน่วยงานอื่นไม่ใช่หรือครับ ในเมื่อเขาศึกษาหาความรู้มาแล้ว ก็ต้องควรสร้างโอกาศให้ ตำรวจที่เขาจบ ป.ตรี ให้เขาได้ใช้ความรู้ความสามารถมาบริหารหน่วยบ้างซิครับ  หรือต้องการใช้งบประมาณครั้งละมากๆที่จะสัญหาบุคลภายนอกเข้ามาเป็นตำรวจ สัญญาบัตร

  เคยมีปัญญหาเกิดขึ้นแล้วให้เห็น บุคคลภายนอก ป.ตรี เข้ามาแล้วไม่ตั้งใจทำงานตั้งหน้าตั้งตารอสอบสัญญาบัตรอย่างเดียวรุ่นพี่ใช้ไม่ได้ ถือว่าจบสูงกว่า

      ดังนั้นควรหันกลับมามองตำรวจในองค์กรของเราก่อนผู้เขาซึ่งมีประสบการณ์สร้างคุณประโยนช์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาแล้วมากควรได้บรรจุเป็นสัญญาบัตรก่อนจะไม่ดีกว่าหรือครับท่าน

มีรุ่นพี่คนนึงแกเป็นดาบจบป.เอกมาหลายปีแกทำธุรกิจ(สะอาด)กับครอบครัวแกรายได้แกเดือนครึ่งล้านไม่เคยไปสอบเลยชีวิตมีความสุขมากดูแลแม่วัยชราอย่างใกล้ชิดเพื่อนๆน้องตำรวจบางคนจะขึ้นผกก.แล้วยังหนี้ท่วมมายืมตังค์เพื่อวิ่งเต้น แกขับรถคัน4-5ล้านแถวนั้นเคารพนับถือแกมากอยู่มานาน หลายคนแนะนำให้แกลงสมัครการเมืองท้องถ่ินเพราะชอบช่วยเหลือชาวบ้าน ก็คิดเอาเองแล้วกันว่าอนาคตดาบ กับสัญญาบัตร อันไหน ล่ะคือ อนิจจัง

ถ้าจะเอาตำรวจวุฒิปริญญาตรีบรรจุเป็นชั้นสัญญาบัตรหมด..โรงพักคงวุ่นครับ  ( ชั้นประทวนไม่มีพอปฏิบัติหน้าที่ )

ประทวนเก่งกว่าว่างั้นขาดไม่ได้

พี่ๆครับผมอย่างรู้ว่าวุฒิปริญญาตรีที่ใช่สอบ ชั้นสัญญาบัตรเขาระบุบสาขาที่เรียนมาไหมครับ

ผมคิดว่าควรกลับมารับสมัครวุฒปริญญาตรีอีกครั้งครับเพราะความคิดวิธีคิดความไตรตรองความรอบคอบความใจร้อนคำพูดการควบคุมตนเองและความก้าวหน้าในตำแหน่ง ป.  ตรีจะดีกว่สวุฒ ม. 6ทุกประการแต่ควรจำกัดอายุไม่เกิน30ปีคับเพื่อที่จะสามารถฝึกและปฏิบัติหน้าที่ได้โดยที่ไม่แก่เกินถึงอายุ35เป็นอายุที่มากเกินครับ โดยเฉพาะกฎหมายสามลักษณะเหมือนเดิมต้องเน้นเป็นพิเศษจะเป็นคุณวุฒิที่เหมาะสมครับฝากความคิดผมด้วยนะครับ

เห็นด้วยกับบทความอย่างยิ่งค่ะ….โดยส่วนตัวไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการและหลักเกณฑ์การจัดสอบนายร้อยตำรวจ(ภายใน)เท่าที่เห็นมีความรู้สึกว่าไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวุฒิป.ตรีเท่าไร สงสารตำรวจบางคนที่เขาอุตส่าห์ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยกว่าจะจบป.ตรีบางคนใช้เวลาเป็นสิบปี พอช่วงเปิดสอบนายร้อยบางคนก็ต้องทำงานไม่มีเวลาไปติว แต่ผิดกับตำรวจชั้นประทวนบางคนไม่ได้เรียนมาแต่มาใช้เวลา3-4เดือนเสียเงินไปติวไปเรียนพิเศษแล้วก็สอบได้เป็นนายตำรวจ…มาคิดๆดูเรียนป.ตรีมีความหมายไรเนี่ย เสียตังค์ เสียเวลาหลายปีกว่าจะจบ สู้หาตังค์มาติว มาจ้างเวร แล้วขยันอ่านหนังสือ3-4เดือนดีกว่าม้างงงงงง

เห็นด้วยกับบทความค่ะ

เป็นตำรวจดีอย่างไงครับ 

เขาก็บอกแล้วว่า รับสมัครตำรวจชั้นประทวน วุฒิ ป.ตรี ในเมื่อรู้อยู่แล้ว ไปสอบทำไม พอได้ ก็มาว่า สตช. น้อยเนื้อตำใจไปได้ จบ ป.ตรี มา ก็ไปทำอาชีพอื่นสิครับ ที่มีค่าตอบแทนมากกว่านี้ หรือจะรอสอบนายร้อยก็ได้

สิบตรีที่อยากมีความหวัง

ก็ยังคงรอโอกาสสำหรับวุฒิ ป.ตรีที่นานๆทีจะเปิด ผมจบ วทบ.คอมฯ มา1ใบแล้วครับตอนนี้เรียนนิติของ มสธ. อีก2 ปีจะจบ ก็ยังฝันอยากติดดาวเพื่อครอบครัว อาจจะเป็นไปได้ยากแต่ก็จะพยายามครับ แต่รอนายร้อย53 คงแย่ครับเพราะความสามารถใช้ไม่เต็มที่ ยังไงมีข่าวสอบเลื่อนของวุฒิป.ตรีก็ช่วยบอกกันต่อๆด้วยนะครับ

ตอนนี้รับ ป.ตรี นิติศาสตร์ บุคคลภายนอก อายุไม่เกิน 35 เป็น พงส. แล้วทีี่เป็นตำรวจอยู่แล้วไม่ต้องมาสอนซ้ายหันขวาหันจัดแถว ให้มันเสียงบประมาณมากไปและที่

 จบ ป.ตรี นิติ อีกตั้งมากมาย บางคนอายุเกิน 35 ก็หมดสิทธิ์ คิดอย่างไรกัน (บางคนเป็น พงส.มาจากบุคคลภายในแท้ๆยังทำอะไรไม่ค่อยเป็นเลย) แล้วรับบุคคลภายนอกมาอีก...คิดอย่างไรกันครับ....เอาภายในก่อนไม่ได้หรือครับ...(เหนื่อยใจ)

---น่าจะพิจราณาจากบุคคลภายในเพราะรู้ระบบรู้ระเบียบและอาวุโสพร้อมน่าเคารพนับถือ ทำอะไรก็เป็นเก่งกับงานแล้วเพราะาทำประจำอีกอย่างทุกท่านประสพการณ์ย่อมทำให้คนทำงานเก่ง แต่นี่รับแต่บุคคลภายนอกให้เด็กมาเข้ามาเป็นตำรวจใหม่ทำงานไม่ถึงปีคุมตำรวจเก่าที่ทำงานมาหลายสิบปีแล้วทุกวันนี้คนแก่ต้องเป็นคนใช้เด็กๆเคารพเด็กๆกันหมดแล้ว ดูตามโต๊ะทำงานสิมีแต่คนแก่ๆทำงาน  คนหนุ่มสั่งงานอย่างเดียวทั้งที่ตัวเองก็ทำไม่เป็นเลย

ปี 61 เมื่อไหร่คะ จะเปิดสอบชั้นประทวน ขึ้นเป็นสัญญบัตร 

จะปี​ 62​ ล่ะครับ​ เมื่อไร่จะเปิดสอบให้ชั้นประทวน​อยู่กับซากเน่าๆของไทยต่อไป…. ?

ได้สมัครสอบตำรวจชั้นประทวนสำหรับผู้มีคุณวุฒิปริญญาตรี ที่จัดสอบขึ้นครั้งแรก เมื่อปี 2551 ด้วยครับ สมัครในสาย ปราบปราม ซึ่งรับคนที่จบ นิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ที่เรียน 2 วิชานี้ผ่านด้วยคือ ป.อาญา กับ ป.วิอาญา สามารถสอบผ่านข้อเขียนได้ในลำดับต้นๆ ไปวิ่ง ว่ายน้ำ ผ่านหมดแล้วแต่สุดท้ายวันสุดท้ายมาตกด่านสุดท้าย คือตาบอดสี จบข่าวเลย เสียดายเอกสารผลสอบหายไปหมดเลย

ประทวนวุฒิ ม.6 สอบ กับวุฒิป.ตรีสอบ มีความเลื่อมล้ำมาก การที่คนที่คิดระบบการสอบแบบนี้ คิดพลาดไปแล้วแต่กลับไม่แก้ไขให้กับตำรวจรุ่นพี่ที่จบ ป.ตรีเหมือนกันทำให้เงินเดือนยังตามหลังรุ่นน้องอยู่มากควรชดเชยให้กับ ตร.ที่จบ ป.ตรีเหมือนกันไม่ใช่แค่ปล่อยผ่านไป พลาดไปแล้ว แก้ไข เป็นที่น่าเคารพ นี่จากความในใจจากผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่จะส่งไปถึง ผบ.ตร.ครับ ครับขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท