เริ่มต้นที่ St Paul's Cathedral


เที่ยวไปกับ London pass

วันนี้ออกจากที่พักแต่เช้าเพราะจากการศึกษาคู่มือที่ได้มาพร้อมกับ London pass card แล้วเราก็ตกลงกันว่า จะไปที่แรกก็คือ St Paul’s Cathedral ซึ่งเปิดตั้งแต่ 8.30 น.ค่าเข้าชมปกติ 12.5 ปอนด์  (ถ้าไม่ใช้ London pass) การเดินทางก็เช่นเคย under ground หรือ tube ลงที่สถานี St Paul’s (central) แล้วเดินไปอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้ว  ด้านในห้ามถ่ายรูปก็เลยไม่มีมาให้ดูค่ะ  เราเคารพกฎ กติกา ของสถานที่มากมาก  ส่วนใต้ดินเป็นที่เก็บศพของบุคคลสำคัญมากมาย  ที่สำคัญ มีห้องน้ำสะอาดมากมาก อย่าลืมแวะนะคะ   ประมาณ 09.30 ถึงจะเปิดให้ขึ้นบันไดไปชม Whispering Gallery และส่วนที่สูงขึ้นไปเพื่อชมวิวได้ค่ะ  อ้อ ขึ้นบันไดช่วงแรกก็จะสบาย สบาย เป็นบันไดเวียนขึ้นไปเรื่อยๆ แต่หลังจากจุดชุมวิวที่ Stone Gallery ต้องยอมแพ้ค่ะ เพราะเป็นบันไดเวียนแบบที่มีแต่บันได ผนังรอบด้านโปร่ง โล่ง โรคกลัวความสูงกำเริบทันทีค่ะ หัวใจเต้นเร็วจนก้าวขาไม่ออก ต้องยอมแพ้ลงมารอที่ Stone Gallery… ใครไม่เจ๋งจริง ต้องระวังนะคะ

ภาพด้านหน้า St Paul’s ค่ะ ใหญ่โตมากมาก และนี่ก็คือวิวที่ถ่านจากจุดชมวิวด้านบนเห็นสะพาน Millenium และ Tate Modern อยู่ด้านหน้าค่ะ

จากนั้นเดินต่อไปยังอนุสาวรีย์ The Monument ตอนแรกก็กะจะขึ้นไป  แต่ยังเข็ดขยาดบันไดจาก St Paul’s Cathedral ก็เลยขอบาย มีแต่ภาพข้างนอกมาฝากค่ะ ส่วนภาพข้างๆ เป็นห้องน้ำสาธารณะ ไฮโซน่าดูเลย...

ต่อด้วย The Tower of London  ที่มีค่าเข้าชมปกติ 17 ปอนด์  ด้านในก็มีส่วนจัดแสดงต่างๆ ที่เป็น highlight เห็นจะเป็นมงกุฎราชินี อ้อ เค้าห้ามถ่ายรูปอีกแล้วค่ะ  นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องราวของชุดเกราะ อาวุธที่ใช้ในการสงครามต่างๆ รวมทั้งส่วนคุมขัง ทรมาน นักโทษ อีกด้วย

ขณะที่กำลังเดินออกมาจากทางออกของ The Tower of London ก็เห็น สะพาน Tower Bridge กำลังแยกตัวออกจากกันเพื่อให้เรือสามารถผ่านได้ แบบนี้ค่ะ แล้วเราก็เดินไปยังจุดหมายต่อไปก็คือ Tower Bridge Exhibition เป็นสะพานที่ให้ความรู้สึกเหมือนเทพนิยาย เพราะมีสีสันที่น่ารักมาก  ค่าเข้าชมปกติ 7 ปอนด์ค่ะ  การขึ้นไปด้านบนจะมีลิฟต์ให้บริการ  สามารถเดินชมวิวได้ทั้งส่วนซ้ายและส่วนขวา มีการจัดแสดงภาพสะพานที่สวยงามอื่นๆ ในโลกด้วยค่ะ

ใกล้ๆ กันมีเรือรบหลวง Belfast จัดแสดงอยู่ ก็เลยไปดูซะหน่อยค่ะ ค่าเข้าชมปกติ 12.95 ปอนด์  ด้านในก็จะแสดงส่วนต่างๆ ในเรือ  โดยมีหุ่นขี้ผึ้งในท่าทางที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆ กันอยู่  มีห้องผ่าตัด ห้องพยาบาล ห้องปรุงยา ห้องครัว และอื่นๆ อีกมากมายค่ะ  อ้อ ใครจะเข้าไปชมเรือนี้ต้องระวังนะคะ เพราะว่าทางเดินงงมากมาก วนอยู่ตั้งนานหาทางออกไม่เจอค่ะ...

หาทางออกมาจากเรือได้ต้องรีบหาน้ำอัดลมกินเพราะรู้สึกว่าจะ hypoglycemia และ hypoxemia อีกต่างหาก น้ำอัดลมที่ลอนดอนราคาเท่ากันกับน้ำเปล่าเลยค่ะ  ก็เลยเลือกซื้อน้ำอัดลมกิน  พอกำลังวังชากลับมาก็ลุยต่อทันทีค่ะ โปรแกรมต่อไปคือเรือ City Cruise เพื่อไปยัง Greenwich  ค่าขึ้นเรือปกติ 13 ปอนด์  จะมีท่าเรือให้เราเลือกค่า ก็เลือกท่า Tower Pier เพราะใกล้ที่สุด  ได้ตั๋วมาแล้วจะมีคนถามว่าจะไป Greenwich หรือ Westminster เพราะขึ้นเรือคนละข้างกันค่ะ  จากนั้นก็ไปต่อคิวขึ้นเรือ  เป็นเรือ 2 ชั้น ชั้นบนก็จะเปิดโล่ง  พอเรือออกก็จะมีคนมาบรรยายเหมือนเวลาเรานั่งเรือชมแม่น้ำเจ้าพระยาบ้านเราเลยค่ะ  ก็ชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ  จนถึง Greenwich Pier  พอถึงที่หมาย คนที่บรรยายบนเรือเค้าจะเอาถังใบเล็กๆ มาถือไว้แล้วยืนอยู่ที่ทางออก  คนก็จะโยนทิปให้เค้าค่ะ  เราก็เห็นฝรั่งทำก็เลยทำบ้างเพื่อขอบคุณที่มาบรรยายให้ฟัง (รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ภาษาอังกฤษดีมากไปหน่อยค่ะ)

ลงเรือมาก็ไม่รู้จะไปทางไหนก็เลยเดินตามคนมาเรื่อยๆ เจอกับตลาดขายของที่ท่าเรือ  มีอาหารน่ากินมากค่ะ  แต่ยังกินไม่ได้ ต้องเที่ยวก่อน  ก็เดินมองหาป้ายค่ะ ที่นี่จะมีเรือชื่อว่า Cutty sark ให้เข้าชม แต่ไม่ได้เข้าเพราะอยากไปดูที่เส้น Prime Meridian กันก่อน  เดินมาเรื่อยๆ จนถึงที่นี่ก่อนค่ะ เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเรือ ชื่อว่า National Maritime Museum  เดินเข้าไปชมกันพอหอมปากหอมคอ  ก็ไปต่อกันที่ Royal Observatory เลยค่ะ  เดินผ่าน Greenwich park เข้าไปอีก

ด้านในก็จะเห็นคนเข้าแถวยาวๆ อ๋อ เค้าต่อคิวรอถ่ายรูปกับเส้น Prime Meridian นี่เองค่ะ เราก็ทำตามกติกาทันที เข้าไปต่อคิวค่ะ ถึงจะเห็นว่าแถวยาว แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว...คนอื่นเค้าก็รอกัน

จากนั้นก็เดินมาชม Greenwich Market ซะหน่อยค่ะ มีร้านขายอาหารไทยด้วย

ขากลับก็นั่งเรือ City Cruise เหมือนเดิมค่ะ  ลงเรือแล้วก็เลยไปเดินกันที่ Oxford Street ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญใน London มีร้านขายของที่ระลึกข้างทางด้วยค่ะ...

อ้อ วันนี้ถ้าเราไม่ซื้อ London pass เราจะต้องเสียเงินค่าเข้าสถานที่ต่างๆ ทั้งหมด 62.45 ปอนด์ค่ะ วันแรกก็คุ้มแล้วเพราะเราจ่าย 55 ปอนด์สำหรับ London pass 2 วัน  ตอนต่อไปจะพาไปเที่ยวถึง Winsor Castle เลยค่ะ

 

คำสำคัญ (Tags): #london
หมายเลขบันทึก: 401785เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2010 22:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 22:04 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ตามมาอ่านมาเยี่ยมเยือนเหมือนมาเที่ยวด้วยครับ

สวัสดีค่ะ

แวะมาอ่านเรื่องราว

พร้อมกับมาเที่ยวด้วยคนนะคะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้ค่ะ^__^

ขอบคุณทุกท่านที่มาติดตามอ่านค่ะ กำลังปั่นต้นฉบับของบันทึกต่อไปอยู่...

ขอบคุณมากนะคะที่เล่า Trip ให้ฟังอย่างละเอียดและได้ความรู้ โดยเฉพาะกำลังจะไปอยู่วันสองวันนี้เหมือนกันค่ะ แต่ไม่แน่ใจเรื่องการซื้อ Travel Pass เพราะแพงดีจริงๆ เราจะไปกัน 4 คน 6 วัน (คูณออกมาแล้วต้องขอคิดก่อน แหะๆ) ว่าจะใช้แต่ Oyster Card เลยขอถามว่าการเข้าแถวซื้อ Oyster Card ใช้เวลานานมากมั้ยคะ พอดีเครื่องลง 07.15 แล้วต้องไป Check-in Eurostar ที่ King's Cross St Pancras ตอน 10.45 ไม่รู้จะทันรึเปล่าคะ พอดีซื้อตั๋วแบบไม่รับเปลี่ยนหรือคืน หรือว่าพอผ่าน ต.ม. แล้ววิ่งมาซื้อตั๋วก่อนแล้วค่อยไปเอากระเป๋า ดีมั้ยคะ หรือให้สามีวิ่งไปซื้อตั๋ว ขณะที่คนที่เหลือรอรับกระเป๋า ..ขอความเห็นด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ส่วนเรื่องเวลาที่เครื่องลง 07.15 เนี่ยยังหนักใจอยู่ เพราะว่าแล้วแต่เวลาที่เครื่องลงแล้วจะสามารถจอดสนิทแล้วให้ผู้โดยสารลงได้เนี่ยจะใช้เวลานานรึเปล่า ถ้าวันนั้นการจราจรไม่ติดขัดมาก (เครื่องลงเยอะมากโดยเฉพาะตอนเช้า) แล้วเราเดินออกจากเครื่องบินได้เร็วก็จะดีมาก ทีนี้พอออกจากเครื่องได้ต้องเดินต่อไป ตม.อีกซึ่งใช้เวลาเดินไม่นาน แต่จะมาช้าตรงคิว ตม. เพราะเค้าเปิดช่องให้ไม่มาก เห็นด้วยกับว่าถ้าผ่าน ตม. แล้วให้ใครซักคนรีบวิ่งไปซื้อตั๋วก่อนคนนึงค่ะ เพราะ ต้องเดินไป under ground (ดูป้ายแล้วเดินตามป้ายไปเรื่อยๆ) อีกไกลเหมือนกัน แถมแถวต่อคิวซื้อตั๋วค่อนข้างยาว และขาย 2 ช่องเอง (วันที่ลงเครื่องแล้วไปต่อคิวซื้อใช้เวลาประมาณ 45 นาทีแน่ะ) คือเราเดินทางค่อนข้างเหมือนกันค่ะ เวลาเครื่องลง 07.15 แต่ช้าไปอีกครึ่ง ชม. เพราะเข้าจอดไม่ได้ จากนั้นขึ้นรถไฟไปที่ King's cross เหมือนกัน วันนั้นเดินทางไปถึง King's cross ประมาณ 10 โมงกว่าๆ จำตัวเลขแน่นอนไม่ได้ คิดว่าทันนะสำหรับรถไฟเวลา 10.45 แบบพอดี๊พอดี แต่ต้องทำเวลามากมาก อ้อ อย่าลืมเอาตั๋วที่ print ออกมาไปกดเอาตั๋วจริง จากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติด้วยนะคะ จะต้องใช้ Reference number ในการกรอกด้วยค่ะ (อย่าลืมเอาบัตรเครดิตที่ใช้ซื้อไปด้วย) เครื่องจะให้เราเสียบบัตรเครดิต แล้วกรอก Reference number ก็จะได้ตั๋วที่ใช้ขึ้นรถไฟออกมาค่ะ เช็คให้ดีว่ามีกี่ copy เที่ยวให้สนุกนะคะ...

ปิยวรรณ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท