หนังสือชื่อ
Teaching Children Science : Hands-on Nature Study in
North America, 1890 – 1930 โดย Sally
Gregory Kohlstadt ที่ review โดย Mark V. Barrow, Jr.
ลงใน Science ฉบับวันที่ ๒๗ ส.ค. ๕๓
กระตุ้นให้ผมเขียนบันทึกนี้
กระตุ้นให้ผมโหยหานักประวัติศาสตร์การศึกษา
ที่ทำวิจัยประวัติศาสตร์การศึกษาไทย
ผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือหรือเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาแต่เด็ก
ยิ่งตอนหลังมาทำงานด้านการจัดการงานวิจัยที่ สกว.
ยิ่งมองเห็นช่องทางในการทำงานวิจัยประวัติศาสตร์เรื่องราวต่างๆ
ในสังคมไทยในหลากหลายด้าน เช่นด้านการเกษตร
ด้านการศึกษา ด้านการสาธารณสุข ด้านการแพทย์
ด้านการพยาบาล ด้านศาล ด้านกระบวนการยุติธรรม
ด้านอุตสาหกรรม เป็นต้น
โดยอาจแบ่งช่วงเวลา เช่นระหว่าง พ.ศ. ๒๔๕๐ – ๒๕๐๐
ศึกษาประวัติศาสตร์ไทยแต่ละด้านในช่วงนั้น
ทำเป็นชุดโครงการวิจัย
ที่มีนักประวัติศาสตร์และนักวิชาการ/นักปฏิบัติด้านนั้นๆ
ร่วมกันเป็นที่ปรึกษาของแต่ละโครงการ
มีคณะชี้ทิศทางการวิจัยประชุมฟังความก้าวหน้าของแต่ละโครงการและให้ข้อคิดเห็น
จะสนุกสนานมาก
และเกิดการสร้างความรู้อย่างมากมาย
กลับมาที่หนังสือเล่มนี้ ผมไม่ได้อ่านต้นฉบับ
แต่อ่านบทวิจารณ์
อ่านแล้วก็ได้ความรู้ว่าเมื่อประมาณร้อยปีก่อนการศึกษาวิทยาศาสตร์ใน
สรอ. ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น
โดยที่การศึกษาถูกตำหนิว่าสอนให้ท่องจำ
ไม่ได้เน้นให้ใฝ่รู้ น่าสนใจว่า
มีการริเริ่มให้เด็กชั้นประถมเรียน ธรรมชาติวิทยา (Nature
Study) และผมติดใจมากที่เขาบอกว่า
การเรียนธรรมชาติศึกษานั้น เหนือวิทยาศาสตร์ เหนือความรู้
เหนือความจริง แต่เป็นการเรียนเพื่อสร้างจิตสำนึก (Nature
study is not a science. It is not knowledge. It is not fact. It is
spirit. It is concerned with the child’s outlook on the
world.)
น่าเสียดายที่ต่อมาการเรียนธรรมชาติศึกษาถูกบดบังด้วยวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาๆ
จนเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ คือเรียนเพื่อปลูกฝังโลกทัศน์ต่อโลก
จางหายไป
วิจารณ์ พานิช
๒๗ ส.ค. ๕๓
เรียนท่านอาจารย์ ถ้าอยากอ่านเรื่องประวัติศาสตร์การศึกษาไทย อยากเรียนท่านอาจารย์อ่านวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของ อ.ศรีชัย พรประชาธรรม ชื่อวิทยานิพนธ์
วงศาวิทยาของการศึกษาไทย ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์
http://kids-d.swu.ac.th/dspace/handle/123456789/1317?mode=full
ขอบพระคุณครับ